24 ก.ย. เวลา 12:30 • บันเทิง

ไดโนเสาร์ ปราสาท และหนี้สิน

บทเรียนราคาแพงของ ‘นิโคลัส เคจ’ จากดาราพันล้านสู่หนี้ท่วมหัว และการสู้ยิบตาแก้หนี้กว่า 200 ล้านบาท
🎬 “งานคือผู้พิทักษ์ของผมเสมอ แม้ว่าบางงานมันจะห่วย แต่มันก็ทำเงิน”
นิโคลัส เคจ (Nicolas Cage) กล่าวในการให้สัมภาษณ์หลังผ่านเหตุการณ์วิกฤต
นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ (Oscar) เล่าเกี่ยวกับความพยายามดิ้นรนจากปัญหาการเงินที่รุมเร้า จากที่เคยมีทรัพย์สินกว่า 150 ล้านดอลลาร์ (5,000 ล้านบาท) แล้วกลับมาเป็นหนี้ราว 6 ล้านดอลลาร์ (200 ล้านบาท) แต่ก็ผ่านมาได้โดยไม่ถูกฟ้องล้มละลาย
วันนี้ #aomMONEY จะพาไปดูเรื่องราวการพุ่งขึ้น วูบดับแต่ก็กลับมาได้อีกครั้งของดาราเจ้าบทบาทรายนี้กัน
📽️ [[ #40_ปี_ในฮอลลีวูด ]]
‘นิโคลัส เคจ’ มีชื่อจริงว่า ‘นิโคลัส คิม โคปโปลา’ (Nicolas Kim Coppola) เขาเป็นหลานของ ‘ฟรานซิส ฟอร์ด โคปโปลา’ (Francis Ford Coppola) ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ‘The Godfather’ ที่โด่งดัง
แต่เรื่องนี้ทำให้เขามักจะถูกล้อเลียนในกองถ่ายอยู่เสมอ และด้วยความตั้งใจที่จะเดินบนเส้นทางสายการแสดงด้วยตัวเขาเอง จึงเปลี่ยนชื่อเป็น ‘นิโคลัส เคจ’ ซึ่งมาจาก ‘ลุค เคจ’ (Luke Cage) หนึ่งในซูเปอร์ฮีโร่ของ ‘Marvel comics’ เพื่อแยกตัวตนของเขาออกจากลุงนั่นเอง
นิโคลัส เริ่มต้นการแสดงในภาพยนตร์เรื่อง ‘Fast Times at Ridgemont High’ (1982) จากนั้นก็มีการแสดงเรื่อยมา
🏆 จนกระทั่งมาประสบความสำเร็จด้วยการคว้ารางวัลออสการ์จากภาพยนตร์ที่ได้ค่าตัวเพียง 240,000 ดอลลาร์ (8 ล้านบาท) อย่าง เรื่อง ‘Leaving Las Vegas’ (1995)
สิ่งนี้กลายเป็นแรงผลักให้เขาขึ้นมาเป็นนักแสดงเบอร์ต้นๆ ของฮอลลีวูด และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็มีงานเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย โดยภาพยนตร์เรื่องเด่นๆ ของนิโคลัส เคจ หลังจากที่คว้าออสการ์ได้ เช่น
The Rock (ยึดนรกป้อมมหากาฬ -1996)
Face Off (สลับหน้าล่าล้างนรก-1997)
Con Air (ปฏิบัติการแหกนรกยึดฟ้า-1997)
Gone in Sixty Seconds (60วิ รหัสโจรกรรมอันตราย-2000)
National Treasure (ปฏิบัติการเดือด ล่าขุมทรัพย์สุดขอบโลก-2004)
World Trade Center (2006)
Ghost Rider (มัจจุราชแห่งรัตติกาล-2007)
1
💰 ช่วงที่พีคที่สุดของเคจ สามารถทำเงินได้ถึง 20 ล้านดอลลาร์ หรือราว 66 ล้านบาทต่อเรื่อง ทำให้มีรายได้รวมมากกว่า 150 ล้านดอลลาร์จากอาชีพการแสดงของเขา โดยตลอด 40 ปีที่โลดแล่นในวงการ นิโคลัสแสดงภาพยนตร์ไปมากกว่า 100 เรื่อง เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทั่วโลก
📉 [[ #การล้มครืนของพระเอกพันล้าน ]]
เมื่อเงินมา งานเดิน ก็ใช้เพลินไปหน่อย
ตัว นิโคลัส เคจ เองนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งพระเอกที่ได้รับการกล่าวถึงว่า ใช้เงินได้ฟุ่มเฟือยที่สุดคนหนึ่ง โดยนอกจากการซื้อรถสปอร์ต รถซูเปอร์คาร์ เกาะร้างที่บาฮามาส และงานศิลปะหายากแล้ว นิโคลัส เคจ ยังซื้อของที่ไม่น่าเชื่อเช่น
🦖 โครงกระดูกไดโนเสาร์ ‘Tarbosaurus’ อายุ 67 ล้านปี ที่ประมูลมาในราคา 300,000 ดอลลาร์ (10 ล้านบาท) และมีรายงานว่า เขามีโครงกระดูกแบบนี้หลายชิ้น
นอกจากนี้ยังมี หลุมฝังศพทรงพีระมิด, ศีรษะมนุษย์ย่อส่วน รวมถึงหนังสือการ์ตูน ‘Action Comics’ (1938) ซึ่งเป็นเล่มที่ #Superman เผยโฉมออกมาเป็นครั้งแรก (นิโคลัสเป็นแฟนตัวยงของ Superman และเกือบมีโอกาสรับบทนี้ด้วย) เป็นต้น
🏰 นิโคลัสยังหลงใหลในบ้านหรู ลงทุนใช้เงินไปกับการซื้ออสังหาริมทรัพย์จำนวนมาก ทั้งคฤหาสน์หลายหลังในแคลิฟอร์เนีย (California) และลาสเวกัส (Las Vegas) รวมถึงปราสาทในยุโรป อย่างปราสาท ‘Midford’ ในอังกฤษ และปราสาท ‘Neidstein’ ในเยอรมนี
แต่เมื่อถึงช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลกในปี 2008 อสังหาริมทรัพย์ที่เคจซื้อไว้ไม่สามารถขายได้ อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่สูงลิ่ว ประกอบรายได้จากการแสดงที่ลดลง ทั้งหมดจึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพคล่องทางการเงิน จนทำให้เขากลายเป็นหนี้และมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น
💸 ปี 2009 นิโคลัสถูกกรมสรรพากรของสหรัฐ (IRS) ยื่นฟ้องข้อหาเลี่ยงภาษี รวมแล้วเป็นหนี้กว่า 6 ล้านดอลลาร์ ทำให้ชื่อเสียงที่มีได้รับผลกระทบ งานที่สร้างรายได้ก็ยิ่งลดลงไปอีก
💪 [[ #สู้ยิบตาเผชิญหน้ากับความจริง ]]
แม้จะเผชิญกับวิกฤติทางการเงิน แต่เคจไม่ยอมแพ้
เขาเริ่มรับงานแสดงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่ปฏิเสธบทใดเลย ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่
ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง The Sorcerer’s Apprentice (2010), Drive Angry (2011) หรือภาพยนตร์อินดี้ นอกกระแส อย่าง Joe (2013), Mandy (2018), Pig (2021-ได้รับคำชมว่าดีที่สุดเรื่องหนึ่งที่เขาเล่น)
โดยเฉพาะปี 2018 ที่รับงานภาพยนตร์ถึง 7 เรื่อง และให้เสียงในแอนิเมชัน "Spider-Man: Into the Spider-Verse" เพื่อหารายได้ไปใช้หนี้ แม้บทภาพยนตร์บางเรื่อง ‘ห่วย’ แค่ไหนก็ตาม เขาก็รับเล่น
🔥 คงเหมือนคำที่บอกว่า ‘ไม่เลือกงาน ไม่ยากจน’ นั่นแหละครับ
นอกจากการทำงานอย่างไม่หยุดหย่อนแล้ว เคจยังขายทรัพย์สินหลายอย่างทั้งคฤหาสน์และบ้านพักหลายหลัง รวมถึงของสะสมที่มีมูลค่าสูง เช่น โครงกระดูกไดโนเสาร์และของเก่าที่เคยซื้อมาก่อนหน้านี้
2
นิโคลัส อธิบายว่า “ผมต้องปรับตัวเพื่อเอาชนะความยากลำบากและทำงานหนักที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมต้องการสร้างชีวิตใหม่ที่ปราศจากภาระหนี้สิน” นอกจากนี้ เขายังย้ายไปอยู่ลาสเวกัสรัฐเนวาดา (Nevada) เพื่อประหยัดภาษีที่ต้องจ่ายในแต่ละปีด้วย
💰 ปัจจุบันเขากลับมามีทรัพย์สินรวมกว่า 25 ล้านดอลลาร์ (830 ล้านบาท) ใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น แม้จะยังซื้อ #Ferrari มีสัตว์แปลกๆ อยู่ในบ้าน และเพิ่งซื้อที่พักตากอากาศที่ ‘มาลิบู’ (Malibu) ในราคา 10.5 ล้านดอลลาร์ (350 ล้านบาท) เพื่อฉลองการขึ้นเป็นภาพยนตร์อินดี้ที่ทำรายได้อันดับ 1 ในปี 2024 อย่าง ‘Longlegs’ แต่ด้วยบทเรียนที่ผ่านมา ทำให้นิโคลัส มีภูมิคุ้มกันและระมัดระวังในการใช้เงินเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
เรื่องราวของนิโคลัส เคจเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการเรียนรู้จากความผิดพลาดในการบริหารเงิน ความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับวิกฤติ โดยเคจยืนยันว่าการรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเขากล่าว่า
📌 "การเรียนรู้จากความผิดพลาดเป็นสิ่งสำคัญ ผมต้องเผชิญหน้ากับความจริงและหาวิธีแก้ไขที่ดีที่สุดกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่"
💸 [[ #ทำไมคนมีชื่อเสียงจึงมีโอกาสล้มเหลวทางการเงิน? ]]
เชื่อว่าเพื่อนๆ คงเคยได้ยินเรื่องราวของคนมีชื่อเสียงที่ล้มเหลวทางการเงิน ทั้งคนที่กลับมาได้อย่าง ‘ไมค์ ไทสัน’ (Mike Tyson) ส่วนอีกหลายคนก็ไม่สามารถพลิกฟื้นกลับมาได้ โดยเรื่องนี้มีการวิเคราะห์ที่น่าสนใจจากหลายสื่อ เช่น BBC ที่อธิบายถึงปัจจัยอะไรที่ทำให้ ดารา คนดัง หรือนักกีฬามักจะล้มเหลวทางการเงินไว้ ว่ามีสาเหตุจาก
✅ #การใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย ดาราหลายคนมักใช้เงินไปกับสิ่งของหรูหรา เช่น บ้านหลังใหญ่ รถยนต์หรูหรา และสิ่งของที่มีมูลค่าสูง โดยมองว่าเป็นวิธีหนึ่งในการแสดงสถานะทางสังคม และมีแรงกดดันที่ต้องรักษาภาพลักษณ์การใช้ชีวิตที่เลิศหรูอยู่ตลอดเวลา
✅ #ความเสี่ยงต่อความไม่แน่นอนในอาชีพสูง ปัจจัยที่ทำให้คนดังมีโอกาสล้มเหลวทางการเงินคือ อาชีพนักแสดง นักกีฬา มีความไม่แน่นอนสูง มีเส้นทางในการทำเงินไม่กี่ปี หลายครั้งพบว่าดาราจะโด่งดังเพียงไม่นานแล้วหายไป ทำให้ไม่สามารถหารายได้ในระยะยาว รวมถึงการไม่มีอาชีพสำรองด้วย
1
✅ #ขาดการวางแผนทางการเงิน คนดังหลายคนไม่ได้วางแผนทางการเงินระยะยาว ทำให้เมื่อรายได้ลดลง พวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินอย่างหนัก เพราะขาดการวางแผนล่วงหน้า ทั้งเรื่องการจัดการการเงินในระยะยาวและการลงทุน
✅ #การลงทุนที่ไม่รอบคอบหรือถูกหลอกลวง การลงทุนในโครงการที่มีความเสี่ยงสูง ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนและการเงิน ลงทุนกับธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่าเช่น การซื้ออสังหาริมทรัพย์
✅ #ปัญหาด้านสุขภาพจิตและพฤติกรรมเสี่ยง ดาราบางคนมีปัญหาด้านสุขภาพจิต เช่น ความเครียดและภาวะซึมเศร้า ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเพื่อจัดการกับความเครียด
✅ #พฤติกรรมเสี่ยงอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการเงินเช่น การใช้สารเสพติด, การพนันรวมถึงการหย่าร้าง ก็เป็นปัจจัยที่สามารถทำให้เกิดปัญหาทางการเงินได้
และจากปัจจัยทั้งหมดที่กล่าวมา เชื่อว่าไม่ได้ทำให้เหล่าเซเลบฯ เท่านั้นที่ถังแตก หากคนปกติทั่วปฏิบัติตาม ก็คงหมดตัวไม่ต่างกัน เพียงแต่ว่า เรื่องราวของคนดังขายได้ จึงเป็นข่าวมากกว่า เท่านั้นเอง
🎯‘ดร.พีรภัทร ฝอยทอง’ ทนายความและนักวางแผนการเงินส่วนบุคคล อธิบายเรื่องนี้กับคุณอิก ‘บรรพต ธนาเพิ่มสุข’ ในรายการ ‘Right Now’ อย่างน่าสนใจว่า ดารา นักร้อง นักกีฬา ที่มีรายได้เข้ามาอย่างรวดเร็วก็ไม่ต่างอะไรจากสามล้อถูกหวย ที่มักจะคิดว่า เงินที่ได้มา จะไม่มีวันหมด จนละเลยเรื่องการหาความรู้ในการบริหารและขาดการวางแผนการเงินที่ดีนั่นเอง
เรียบเรียงโดย อติพงษ์ ศรนารา
อ้างอิง :
อย่าพลาดโอกาสที่จะเปลี่ยนชีวิตของคุณให้ดีขึ้น!
เตรียมพบกับ Make Rich Expo มหกรรมการลงทุนแห่งชาติ ที่จะพาคุณก้าวเข้าสู่โลกของการลงทุนที่ทันสมัยและเข้าใจง่ายกว่าที่เคย! ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หัดลงทุน หรือผู้ที่มีประสบการณ์ เรามีทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อสร้างความมั่งคั่งในอนาคต
เข้าร่วมงานฟรี!!
ลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้แล้ววันนี้ ที่ https://bit.ly/4dSTfcK
แล้วพบกันวันที่ 2 - 3 November 2024 เวลา 10.00 - 19.00 น. ณ Paragon Hall ชั้น 5 ศูนย์การค้า Siam Paragon
#aomMONEY #MakeRichExpo #WorkLifeFestival2024 #ออมมันนี #NicolasCage #นักแสดง #แก้หนี้ #ทำงาน #วางแผนการเงิน
โฆษณา