::: เมื่อผมต้องเข้าคลินิกกายภาพบำบัด :::

ด้วยความต้องที่ใช้ชีวิต นั่งตัดต่อวิดีโอหน้าคอมพิวเตอร์ ตลอดระเวลา 6 - 7 ปีที่ผ่านมา ร่างกายจึงได้รับผลกระทบอย่างมาก นอกจากนี้ การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันหลายอย่าง ก็ส่งผลเสียต่อร่างกายโดยไม่รู้ตัว จนทำให้เกิดอาการปวดหลายจุด ได้แก่
1. อาการปวดที่อุ้งมือขวา (บริเวณเนินระหว่างโคนนิ้วหัวแม่มือ)
มันคืออวัยวะส่วนที่ใช้จับเม้าส์เพื่อตัดต่อวิดีโอ ตัดทุกวัน วันละ 8 - 12 ชั่วโมง x 5 - 6 วันต่อสัปดาห์ ตลอด 6 - 7 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่เริ่มทำช่องยูทูบ) ทำให้มีอาการปวดหนึบ ๆ และรู้สึกอ่อนล้ามาก ๆ บางครั้งแทบจะหยิบจับสิ่งของไม่ถนัด
นั่นคือปัญหาหลักที่เกิดจากการทำงาน แต่นอกจากนี้แล้วก็ยังยังมีปัญหาด้านกายภาพอย่างอื่นที่รบกวนผมมานาน ได้แก่
2. เอ็นข้อเท้าขวาอักเสบเรื้อรัง (จากการเคยวิ่งออกกำลังกายแล้วลงน้ำหนักผิดท่า) ทำให้ไม่กล้าวิ่งมานานเกือบ 2 ปี เพราะกลัวจะเจ็บซ้ำ รวมทั้งไม่กล้านั่งคุกเข่าทับส้นเวลากราบพระเลยทีเดียว
3. ผมหลังค่อมหน่อย ๆ ทำให้กลายเป็นคนบุคลิกไม่ดี
ในจำนวน 3 ปัญหานี้ ... ปัญหาแรกมันรบกวนการใช้ชีวิตของผมมากที่สุด เพราะมีอาการต่อเนื่องมาหลายปี
จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้ตัดสินใจเข้ารักษาที่ FITZIO - ฟิตสิโอ คลิกนิกกายภาพบำบัด กรุงเทพกรีฑา จากคำแนะนำของกัลยาณมิตรท่านหนึ่ง
พอไปถึงก็ได้ปรึกษาปัญหาเหล่านี้กับ “หมอแนน นักกายภาพบำบัด” ซึ่งหมอแนนก็ช่วยประเมินว่า อาการของผมมันไม่ถึงขั้นเจ็บปวดรุนแรง แต่ก็เป็นระดับที่สร้างความรำคาญในการใช้ชีวิต
จากนั้นก็เริ่มทำการรักษาทันที
:: 1. ปัญหาการปวดอุ้งมือ และหัวแม่มือ ::
หมอแนนวิเคราะห์ว่า มันเป็นผลจากการที่ผมใช้เม้าส์ติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี จนทำให้กล้ามเนื้อบริเวณโคนหัวแม่มือ อุ้งมือ และข้อมือ มีพังผืดรัด รวมถึงกล้ามเนื้อแขนส่วนล่างก็เกิดอาการล้า
ขั้นแรก หมอแนนได้บีบนวดในจุดที่ปวด ก่อนจะใช้เครื่อง UltraSound ช่วยสลายพังผืดที่มันยึดกล้ามเนื้อส่วนนี้มานาน
โดยในระหว่างที่รักษา หมอแนนก็จะอธิบายเรื่องโครงสร้างของกล้ามเนื้อในบริเวณนี้ พร้อมอธิบายวิธีการรักษาว่า นอกจากจะใช้เครื่อง UltraSound เพื่อช่วยสลายพังผืดแล้ว เรายังต้องฝึกการยืดเหยียด ฝึกบริหารกล้ามเนื้อ ฝึกประคบเย็น ประคบร้อน และปรับพฤติกรรมหลาย ๆ อย่างในชีวิตประจำวัน เพื่อจะได้ไม่ต้องกลับมาเป็นอีกในระยะยาว
เพราะลำพังแค่การรักษาด้วยเครื่องมือนั้น มันอาจช่วยทุเลาอาการลงได้เพียงชั่วคราว แต่ถ้าหากเรายังไม่ยอมเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ท่านั่ง คุณภาพของเก้าอี้และโต๊ะทำงาน การปรับระดับการเอนหลัง การปรับที่พักแขน การใช้เม้าส์เป็นเวลานาน การวางตำแหน่งของมือบนโต๊ะ การจัดตำแหน่งต่าง ๆ ของอุปกรณ์บนโต๊ะ การปรับช่องว่างระหว่างขากับโต๊ะทำงานเวลานั่ง ฯลฯ
ปัจจัยเหล่านี้ ล้วนมีผลต่ออาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้ทั้งสิ้น และต่อให้เราใช้เครื่องมือรักษาจนทุเลาลงแล้วในวันนี้ แต่ถ้าเรายังไม่ยอมปรับเปลี่ยนรายละเอียดข้างต้น อีกไม่นานเราก็จะกลับมาปวดเหมือนเดิมอีกแน่นอน
สิ่งที่หมอแนนเน้นเป็นพิเศษก็คือ เครื่องมือทันสมัยเหล่านี้ มันทำได้แค่การรักษา และช่วยบรรเทาได้ในระยะสั้น แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเรา รวมถึงการยืดเหยียด การบริการกล้ามเนื้อ การประคบเย็น-ร้อน รวมถึงการออกกำลังกายเพื่อเสริมแข็งแรงให้กล้ามเนื้อส่วนที่จำเป็น นี่ต่างหาก ที่จะทำให้เราไม่ต้องกลับมาให้หมอแนนช่วยรักษาอีกบ่อย ๆ
:: 2. ปัญหาเอ็นข้อเท้าอักเสบเรื้อรัง ::
เมื่อราว ๆ 2 ปีก่อน ระหว่างที่วิ่งออกกำลังกายรอบหมู่บ้าน ก็บังเอิญมีจังหวะหนึ่งที่ต้องเบี่ยงหลบรถ ทำให้ลงน้ำหนักผิดจนข้อเท้าพลิก จนกลายเป็นเอ็นข้อเท้าอักเสบเรื้อรังในภายหลัง
คืออาการมันไม่ได้เยอะนะ มันไม่ได้บวมจนน่ากลัว เคยเข้ารักษาที่โรงพยาบาลแล้ว แต่ก็ได้แค่ช่วยให้ทุเลา อาการมันกึ่ง ๆ น่ะ ไม่ได้รุนแรงถึงขนาดจะผ่าตัด แต่มันก็สร้างความรำคาญให้ชีวิตอย่างมาก จะวิ่งออกกำลังอีกก็ยังไม่กล้า เพราะยังขยาด ๆ กลัวว่าเจ็บซ้ำ
ในวันที่เจอกันครั้งแรก หลังจาก Ultrasound อุ้งมือและแขนแล้ว หมอแนนก็ช่วยตรวจเอ็นข้อเท้าข้างขวาให้ และพบว่าอาการมันไม่ได้รุนแรงจริง ๆ รวมทั้งไม่มีอาการปวดหรือบวมแต่อย่างใด
แต่ในเมื่อมันสร้างความรำคาญให้ผมมานาน หมอแนนจึงใช้มือนวดและกดตามจุดต่าง ๆ ต่อด้วยการใช้เครื่องมือช่วยนวด และลองขยับหมุน-เหยียดส้นเท้าในองศาต่าง ๆ เสร็จแล้วก็ให้ผมลองลุกขึ้นนั่งคุกเข่าทับส้นดู ... แล้วก็พบว่า วันนี้มันไม่รู้สึกปวดแล้วแฮะ
จากนั้นหมอแนนก็ให้ผมลองเดินลงน้ำหนักมากขึ้น และก็ไม่รู้สึกปวดแต่อย่างใด
ต่อมา หมอแนนได้แนะนำท่ายืดเหยียด สอนท่าโยคะพื้นฐานที่สามารถช่วยยืดกล้ามเนื้อได้ดี และสอนเทคนิคการแกว่งขา เทคนิคการใช้กล้ามเนื้อก้นช่วยในการวิ่ง รวมถึงองศาของลำตัวที่เหมาะสมสำหรับการวิ่งด้วย
จากนั้นก็ฝากการบ้านมาว่า เดี๋ยวพอกลับถึงบ้านแล้ว ให้ผมลองไปวิ่งเบา ๆ ดูสัก 1 กม. ก่อน เพื่อดูว่าจะมีอาการปวดบวมอีกหรือไม่
วันแรกที่จะลองวิ่ง ผมเองก็ยังแหยง ๆ เพราะในใจยังกลัวว่าจะกลับมาเจ็บอีก แต่พอนึกขึ้นได้ว่า ต่อให้มันเกิดเจ็บขึ้นมาจริง ๆ เดี๋ยวก็มีหมอแนนคอยช่วยบรรเทาให้ ก็เลยลองวิ่งเบา ๆ 1 รอบหมู่บ้าน (ได้ระยะประมาณ 1 กม. พอดี)
ผลปรากฏว่า
วันแรกวิ่ง 1 กม. + เดิน 2 กม. และไม่พบอาการเจ็บข้อเท้าแต่อย่างใด
วันที่ 2 เพิ่มการวิ่งเป็น 2 กม. + เดิน 1 กม. ข้อเท้าก็ยังไม่เจ็บ
ผมพักกล้ามเนื้อ 1 วัน ก่อนจะเริ่มวิ่งอีกครั้งในวันที่ 4 คราวนี้วิ่ง 3 กม. + เดิน 1 กม. ก็ยังชิลล์ ๆ ไม่ได้บวมอะไรเลย
จนสัปดาห์ถัดมา ผมก็กลับมาอวดหมอแนนว่า เดี๋ยวนี้ผมวิ่งได้ครั้งละ 3 กม. + เดิน 2 กม. แล้วนะ
:: 3. ปัญหาหลังค่อม ::
ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน หมอแนนทำการเช็คความสมดุลของร่างกาย ด้วยการให้ยืนที่ตาราง Posture Analysis แล้วพบว่ากระดูกคอของผม มันโน้มมาข้างหน้ามากกว่าคนส่วนใหญ่ (ข้อนี้สอดคล้องกับผลเอ็กซ์เรย์ที่เคยทำที่โรงพยาบาลเมื่อปีก่อน) ทำให้เวลาเดิน - นั่ง - ยืน คางและหน้าผมจะยื่นไปข้างหน้า ทำให้ยืดตัวตรงได้ไม่สุด กลายเป็นคนหลังค่อมโดยอัตโนมัติ
ส่วนไหล่และเอวข้างซ้าย ก็เอียงลงต่ำกว่าข้างขวาอย่างเห็นได้ชัด
หมอแนนจัดการแก้ปัญหานี้ ด้วยการให้ผมนอนคว่ำหน้าลงบนเตียงรักษา แล้วหมอแนนก็ขึ้นใช้แรงกดหนัก ๆ เพื่อปลดล็อกกระดูกสันหลังและซี่โครง
ผมได้ยินเสียงกระดูกตัวเองลั่นกร๊อบ ๆ แกร๊บ ๆ ตลอดเวลาที่หมอแนนออกแรงกด และเมื่อเสร็จแล้วก็รู้สึกโล่งมาก ๆ
เมื่อกลับไปยืนหน้าตาราง Posture Analysis อีกครั้งในตอนท้ายของวันแรก ก็พบความเปลี่ยนแปลงคือเมื่อยืดตัวตรงจนสุดปุ๊บ ถ้าลองลากเส้นตรงในแนวดิ่ง ไล่จากหู มันก็จะพาดผ่านไหล่ เป็นเส้นเดียวกันอย่างชัดเจน คางและหูไม่ได้ยื่นไปข้างหน้าเหมือนเมื่อก่อน
อย่างไรก็ดี เมื่อกลับมาหาที่คลินิกตามนัดรายสัปดหา์ หมอแนนก็จะขึ้นกดกระดูกให้แบบนี้ทุกครั้ง เป็นการรักษาซ้ำเพื่อให้สามารถยืดตัวตรงได้ดีขึ้น
ยืดเหยียด และโยคะเบื้องต้น :
ตั้งแต่ตอนที่ทำ Ultrasound อุ้งมือและข้อมือแล้ว หมอแนนได้อธิบายให้ฟังว่า การที่ผมมีอาการปวดบริเวณอุ้งมือ หัวแม่มือ และร้าวขึ้นถึงแขนนั้น สาเหตุหลักก็เพราะว่า กล้ามเนื้อตรงส่วนนี้ของผมไม่ค่อยแข็งแรง
โดยเฉพาะกล้ามเนื้อแขน เมื่อมันไม่แข็งแรง เวลาจับเม้าส์ ผมก็จะใช้กล้ามเนื้อข้อมือเป็นหลัก และเมื่อใช้มันซ้ำ ๆ นาน ๆ ติดต่อกันเป็นปี ๆ ก็เลยทำให้เกิดการบาดเจ็บเรื้อรัง จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหมั่นยืดเหยียด และออกกำลังกาย เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อส่วนนี้ให้แข็งแรงมากขึ้น
หมอแนนแนะนำท่ายืดเหยียดนิ้วมือ คอ-บ่า-ไหล่ เอว รวมไปถึงแขน ขา สะโพก ฯลฯ รวมถึงแนะนำท่าโยคะเบื้องต้น เรียกว่าต่อไปนี้ให้หมั่นยืดเหยียดทั้งระบบ และเน้นออกกำลังกายเพื่อสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวเป็นพิเศษ
:: ประคบร้อน - ประคบเย็น ::
หมอแนนบอกว่า เมื่อเราออกกำลังกาย หรือแม้แต่ยืดเหยียด กล้ามเนื้อของเราจะเกิดการบาดเจ็บเล็กน้อยเป็นปกติอยู่แล้ว
ถ้าเราประคบร้อนทันที จะกลายเป็นการทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บยิ่งขึ้นไปอีก
ดังนั้น ทุกครั้งที่ออกกำลังกาย หรือยืดเหยียดมามาก ๆ ให้รีบประคบเย็นเป็นอันดับแรก เพื่อหยุดยั้งอาการเจ็บที่อาจเกิดขึ้น แล้วถ้าต้องการประคบร้อน ก็ค่อยทำหลังจากนั้น
:: การบ้านส่งครู ::
ข้อนี้ถือเป็นหัวใจหลักในการรักษาของหมอแนนเลยก็ว่าได้ เพราะการมารักษาที่คลินิกนั้น หมอแนนจะดูแลเราได้แค่สัปดาห์ละไม่เกิน 3 ชั่วโมง ส่วนเวลาที่เหลืออีกเกือบ 7 วันในสัปดาห์ เราต้องเป็นดูแลตัวเอง
วินัยในการดูแลตัวเองจึงสำคัญที่สุด
หลังจากให้ท่ายืดเหยียด ท่าบริหาร ท่าโยคะ และคำแนะนำเรื่องการประคบร้อน - ประคบเย็นแล้ว หมอแนนก็สั่งการบ้านทันที 3 ข้อ ได้แก่
1. ถ่ายคลิปวิดีโอตอนที่ฝึกยืดเหยียด แล้วส่งมาให้หมอแนนดู
2. ตั้งกล้องถ่ายภาพตัวเอง ในอิริยาบทต่าง ๆ ขณะอยู่บ้าน เช่น ท่านั่งดูทีวี ท่าอ่านหนังสือ ท่าเล่นมือถือ ท่านั่งทำงานหน้าคอม ฯลฯ
3. ถ่ายภาพโต๊ะทำงาน เก้าอี้ พร้อมสาธิตการนั่งทำงานด้วย
ทั้งหมดนี้ ต้องส่งกลับไปให้หมอแนนดูอย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ แล้วหมอแนนจะเขียน Mark ส่งกลับมาเลยว่า ยืดเหยียดท่านี้ต้องหันให้สุดอีกหน่อย นั่งพื้นแล้วเอาหลังเท้าแขนแบบนี้ไม่ได้นะคะ เพราะน้ำหนักจะลงไปที่อุ้งเชิงกรานทั้งหมด ทำให้ปวดหลังได้ หรือแม้แต่เก้าอี้ดูทีวีตัวนี้ มันไม่ดีกับสรีระของเรา จะทำให้ปวดหลังและคอบ่าไหล่ได้ง่าย เป็นต้น
:: ปรับฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานเสียใหม่ ::
ทันทีที่ผมถ่ายรูปตัวเองนั่งทำงาน ส่งไปให้หมอแนนดู ก็โดน วง สีแดง ๆ กลับมาหลายภาพเลย เช่น
1. โต๊ะตัวนี้เตี้ยเกินไป หรือไม่ก็จอคอมตั้งไว้ต่ำเกินไป ให้ปรับขึ้นมาสูงอีกนิด
2. ถาดวางคีย์บอร์ด มันเตี้ยมากจนจะขูดขาอยู่แล้ว มันทำให้เราไม่กล้านั่งขยับขา และทำให้เกร็งจนปวดคอบ่าไหล่
3. ลองถอดถาดวางคีย์บอร์ดออกได้ไหม ลองเอาคีย์บอร์ดมาวางบนโต๊ะ แล้วขยับจอคอมให้ห่างตัวออกไปหน่อย จากนั้นปรับเก้าอี้สูงขึ้นอีกนิด จะช่วยให้ไม่ต้องก้มมากเวลาพิมพ์งาน
4. พนักเก้าอี้ ให้ปรับเอนมาข้างหน้าอีกนิด เพื่อให้รองรับคอ จะได้ไม่ต้องเกร็งคอเวลานั่ง
5. พนักเก้าอี้ ปรับให้เอนน้อยลงกว่านี้อีกหน่อย ตอนนี้มันเอนมากเกินไป จนไม่เหมาะกับการนั่งทำงานอย่างมีคุณภาพ
6. ที่เท้าแขนของเก้าอี้ มันสามารถปรับระดับความสูงได้อยู่แล้ว (เพราะเป็น Ergonomic) ให้ปรับสูงอีกหน่อย เพื่อให้รองรับท่อนแขนของเราเวลาใช้เม้าส์ จะช่วยลดการใช้กล้ามเนื้อแขนลงได้
7. เม้าส์ที่ใช้มานาน คือสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดอาการปวด ดังนั้น ให้หาเม้าส์ปากกา (Wacom) มาลองใช้แทน น่าจะช่วยลดการปวดลงได้
ฯลฯ
ตอนแรกผมก็รู้สึกว่า ถ้าจัดการตามนี้ทั้งหมด มันจะเป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะโต๊ะของผมเต็มไปด้วยสายไฟ และสายสัญญาณเสียง ถ้าจะรื้อก็คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ
แต่อีกใจก็รู้สึกว่า ถ้ามันไม่ดีกับตัวเราจริง ๆ หมอแนนคงไม่จ้ำจี้จ้ำชัยถี่ยิบขนาดนี้แน่
สุดท้ายผมก็เลยตัดสินใจ รื้อสายทุกเส้นออกทั้งหมด แล้วจัดระยะจอ ระยะวางแขน ระยะวางอุปกรณ์ และความสูงของเก้าอี้กับที่พักแขนใหม่ ตามคำแนะนำทั้งหมด
โดยเฉพาะเรื่องเม้าส์ที่หมอแนนเน้นย้ำเป็นพิเศษนั้น ความจริงแล้ว ก่อนหน้านี้ผมเคยซื้อเม้าส์ปากกามาลองใช้นานแล้ว แต่ตอนนั้นรู้สึกว่ามันใช้ไม่ถนัด จึงเก็บเข้ากล่อง แล้วกัดฟันใช้เม้าส์ และทนกับอาการปวดต่อไป
คราวนี้ผมลองทำตามหมอแนน คือเอาเม้าส์ปากกามาใช้ตามคำแนะนำ
ช่วง 2-3 วันแรกที่ปรับ มันก็ดูติด ๆ ขัด ๆ นิดหน่อยนะ เพราะเราเคยชินกับวิธีการเก่า ๆ มานาน
แต่พอล่วงเข้าสัปดาห์ที่ 2 ก็เห็นผลเลยทันที
มือขวาที่เคยปวดหนัก ๆ ตื้อ ๆ มันลดลงไปเยอะมาก เพราะมันไม่ต้องแบกรับการใช้งานหนักเหมือนเดิมอีกแล้ว และการใช้เม้าส์ปากกามันก็ใกล้เคียงกับธรรมชาติของมนุษย์มากกว่า
:: บทสรุป ::
ผมเข้าคอร์สทำกายภาพเบื้องต้นกับหมอแนนทั้งหมด 5 ครั้ง (รวมระยะเวลาประมาณ 5 สัปดาห์) ปรากฏว่า
1. ในช่วง 5 สัปดาห์แรก อาการปวดอุ้งมือ หัวแม่มือ แขน ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
- จากการใช้เครื่อง UltraSound ช่วยสลายพังผืด
- จากการใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าในการรักษา
- จากการปรับฮวงจุ้ยโต๊ะทำงาน ปรับพฤติกรรมการนั่งทำงาน และปรับอิริยาบถในชีวิตประจำวันหลายอย่าง
- จากการยืดเหยียด บริหารร่างกาย และออกกำลังกายอย่างมีวินัย (เพราะต้องถ่ายคลิปส่งการบ้าน)
- จากการประคบร้อน - ประคบเย็น รวมถึงการแช่มือในน้ำอุ่น - น้ำเย็น อย่างสม่ำเสมอ ทำตามคำแนะนำของหมอแนนอย่างเคร่งครัด
และเมื่อจบคอร์ส 5 สัปดาห์ไปแล้ว ผมก็ยังคงทำตามคำแนะนำของหมอแนนต่อไป (โดยเฉพาะเรื่องโต๊ะทำงาน และการใช้เม้าส์ปากกา) จนถึงทุกวันนี้ก็ผ่านมาราว ๆ 3 เดือนแล้ว ผมพบว่า
1. มือขวาผมแทบจะไม่มีอาการปวดแล้ว หรืออาจจะมีบ้างนาน ๆ ครั้ง เฉพาะเวลาที่ต้องเจองานตัดต่อวิดีโอแบบหักโหมเกินมนุษย์ แต่เมื่อได้พัก ได้ยืดเหยียดกล้ามเนื้อแขน กล้ามเนื้อมือ กล้ามเนื้อนิ้ว กล้ามเนื้อคอ-บ่า-ไหล่ และประคบร้อน - เย็น กับการแช่มือในน้ำอุ่น - น้ำเย็น กล้ามเนื้อก็จะฟื้นตัวได้ดีขึ้น
2. ปัญหาเอ็นข้อเท้าอักเสบที่เคยทำให้ผมไม่กล้าวิ่ง และไม่กล้านั่งคุกเข่าทับส้นไหว้พระมานานแรมปีนั้น ตอนนี้กลับมาเป็นปกติแล้ว วิ่งได้ นั่งทับส้นได้โดยข้อเท้าไม่บวมแล้ว
3. ปัญหาหลังค่อม ตอนนี้บรรเทาลงเยอะ ผมยืนยืด อก ได้ผึ่งผายขึ้นกว่าเดิม ซึ่งนั่นคงจะเป็นผลมาจากการสร้างกล้ามเนื้ออย่างถูกวิธี และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมากขึ้น
และทุกครั้งที่นั่งหลังค่อม หรือยืนหลังค่อม ผมจะได้ยินเสียงหมอแนนลอยมาตามสายลมว่า “ยืดตัวตรงขึ้นนะคะพี่หอย จะช่วยให้หายใจสะดวกขึ้นด้วยค่ะ”
เอาละ ... นั่นคือประสบการณ์ตรงของผม หลังจากได้เข้าทำกายภาพบำบัด กับ “หมอแนนนักกายภาพบำบัด” ที่ FITZIO เป็นเวลา 5 สัปดาห์ และรักษาวินัยตัวเองต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้
พี่น้องท่านใดเคยเจอปัญหาแบบผม หรือแม้แต่ปัญหา ออฟฟิศซินโดรม ที่คนรุ่นเรามักจะเป็นกันบ่อย ๆ
ลองปรึกษาหมอแนนได้ได้ที่ :
FITZIO - ฟิตสิโอ คลิกนิกกายภาพบำบัด กรุงเทพกรีฑา
มี 2 สาขา ได้แก่
- ชั้น 4 เดอะพาร์ค กรุงเทพกรีฑา มอลล์

- โซนจอดรถด้านในสุด ทางเข้าใกล้ ท็อป ซุปเปอร์มาร์เกต ศูนย์การค้ามาร์เกตเพลส กรุงเทพกรีฑา
โทร. 082-828-2851
LINE : @fitzioclinic
Google Map : Fitzio ฟิตซิโอ กายภาพบำบัดกรุงเทพกรีฑา
Fanpage : Fitzio ฟิตซิโอ คลินิกกายภาพบำบัดกรุงเทพกรีฑา
Youtube : FITZIO ฟิตสิโอ คลินิกกายภาพบำบัดกรุงเทพกรีฑา
โฆษณา