25 ก.ย. เวลา 13:39 • ปรัชญา

กิเลสตัวนอก/ตัวใน

ตั้งแต่ก่อนจะมีพระพุทธเจ้า จนถึงปัจจุบัน คนเราก็สามารถนั่งสมาธิ เพื่อแยกรูปแยกนามได้ เห็น"ร่างกายไม่ใช่เราได้" เห็น"จิตเกิดดับไม่ใช่เราได้"มีมากมายมหาศาล ฤาษีชีพราหมณ์เขาก็ทำได้มานานแล้ว คนทั่วๆไปก็ทำได้ แต่บอกเลย ตรงนี้ไม่ใช่"ธรรมะที่พระพุทธเจ้าค้นพบ" ไม่ใช่"การบรรลุธรรม"
กิเลสมี 3 ระดับ กิเลสอย่างหยาบ คือ อารมณ์โลภ โกรธ หลง เกิดจากจิตสังขารปรุงแต่ง กิเลสอย่างกลาง คือ จิตสังขาร เกิดจาก จิตไปรู้รูป เกิดผัสสะ จึงปรุงแต่ง กิเลสอย่างละเอียด คือ จิตที่ยังออกไปรู้ ว่ายังเป็นเราอยู่ เกิดจาก อวิชชา(ความไม่รู้)
ขันธ์ 5 มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ "รูป" เป็นเหตุให้เกิดผัสสะ ผัสสะทำให้เกิดเวทนา เวทนาทำให้เกิดตัณหา เพราะมีรูป ทำให้เกิดอารมณ์โลภ โกรธ หลง "กิเลสอย่างหยาบ ย่อมเกิดจาก รูป"
"จิตสังขาร"เป็นกิเลสอย่างกลาง เกิดจากการนึกคิดปรุงแต่ง การนึกคิดปรุงแต่ง ใช้อะไรมานึกคิด ก็ใช้"สัญญา"กับ"เวทนา"จากจิต ใช้อะไรมาปรุงแต่ง ก็ใช้"สมอง"คิด สมองเป็นอะไร เป็นส่วนของร่างกายภายนอก ไม่ใช่ส่วนของจิต จึงเห็น จิตที่ส่ง"สัญญา"และ"เวทนา"มาให้"สมอง"นึกคิดปรุงแต่ง ปรุงเสร็จก็ดับไป ส่งไปเก็บไว้เป็น"สัญญา"ในจิต คนส่วนใหญ่ เห็น"จิตเกิดดับไม่ใช่เรา"จิตหลุดพ้นจากรูปนาม ก็คิดว่าตัวเองบรรลุธรรมแล้ว เป็นพระโสดาบันแล้ว แต่กิเลสภายในจิต กิเลสอย่างละเอียด(อนุสัย7 ) ยังละไม่ได้ซักตัว สังโยชน์จะไปละได้ยังไง
การบรรลุธรรมจริงๆ เริ่มจากตรงนี้‼️
"ธรรมะที่พระพุทธเจ้าค้นพบ"คือ เห็น"ธรรมชาติของจิต" เห็น "จิตที่ยังเป็นผู้รู้ ผู้ดู มันทำของมันเอง บังคับไม่ได้ สั่งไม่ได้ จิตไม่ใช่ของเรา ยังไม่ใช่เรา จิตเป็นอนัตตา" ทำไมจิตยังไปรู้ ยังเป็นผู้รู้อยู่ เพราะในตัวจิต มันยังมี"สัญญา"และ"เวทนา"อยู่ เป็น"กิเลสตัวใน"
จริงๆ จิตเราเห็น"ร่างกายไม่ใช่เรา"ได้ ละกายได้แล้ว ละรูปได้แล้ว แต่ที่มันยังเห็นเป็นเราอยู่ เพราะ"สัญญา"ความจำในรูปยังมีอยู่ จิตมันยังไม่เห็นร่างกายไม่มีอะไร ไม่เป็นอะไร เป็นแค่ธาตุ 4 จิตจึงจำว่านี้คือ รูปเรา ร่างกายของเรา//เมื่อเห็น"จิตเกิดดับไม่ใช่เรา" จิตเราละ"สังขาร"ได้แล้ว ความนึกคิดปรุงแต่งไม่ใช่เรา ละรูปนามได้แล้ว
ตอนนี้ จิตละขันธ์ 5 ได้ 2 ตัว คือ "รูป"กับ"สังขาร"(จิตสังขาร/นาม) ซึ่งเป็น"กิเลสตัวนอกจิต" จึงต้องไปดูจิตจริงๆ ให้เห็น"จิตผู้รู้ไม่ใช่เรา"เหตุที่มันยังไปรู้อยู่ เพราะมีขันธ์ 5 อีก 2 ตัว ยังไม่ได้ละ คือ"สัญญา"กับ"เวทนา"ที่อยู่ในตัวจิต เห็น"กิเลสภายในจิต"ได้ ก็ละกิเลสอย่างละเอียด อนุสัยกิเลส 2 ตัวได้ จึงละสังโยชน์ 3 ตัว ได้ จึงจะเข้าใจ"ธรรมะของพระพุทธเจ้า" บรรลุธรรมได้ เป็น"พระโสดาบัน"จริงๆได้
โฆษณา