26 ก.ย. เวลา 04:38 • การศึกษา

รามเกียรติ์ ตอนที่ ๓ ปราบตรีบูรัม

คราวนี้เราลงไปที่เมืองบาดาลกันบ้าง จำที่เคยเล่าได้ใช่ไหมว่ามียักษ์ชื่อ “ท้าวสหมลิวัน” ที่เคยอยู่เกาะรังกาแล้วหนีพระนารายณ์ไปเมืองบาดาล นั่นแหละ ตอนนี้จะพูดถึงท้าวสหมลิวัน คือตอนนั้นท้าวสหมลิวันรู้แล้วว่าท้าวสหบดีพรหมสร้างกรุงลงกาขึ้นบนนั้นแล้วให้ท้าวจตุรพักตร์ปกครอง ท้าวสหมลิวันก็รู้จักกับท้าวจตุรพักตร์เหมือนกัน เลยนั่งบนบุษบกแก้วนำกำลังไพร่พลขึ้นไปเยี่ยม
ท้าวสหมลิวัน
ไปถึงแล้วท้าวสหมลิวันก็ดราม่า ร่ายยาวถึงความลำบากที่ต้องหนีพระนารายณ์ไปอยู่เมืองบาดาล ท้าวจตุพักตร์เห็นใจก็เลยชวนท้าวสหมลิวันให้อยู่ด้วยกันที่นี่ไปเลย แต่ท้าวสหมลิวันก็ไม่เอา ขอกลับไปอยู่เมืองบาดาลเหมือนเดิม แต่ก็ยกบุษบกแก้วให้กับท้าวจตุรพักตร์ บุษบกแก้วนี้มีคุณสมบัติคือหากหญิงม่ายขึ้นนั่งจะไม่ลอยขึ้น เสร็จธุระแล้วท้าวสหมลิวันก็กลับเมืองบาดาลไป
บุษบกแก้ว
หลังจากวันนั้นแล้ว ท้าวจตุรพักตร์ก็ครองราชย์มาอีกเรื่อย ๆ จนถึงหกหมื่นปีก็สวรรคต ท้าวลัสเตียนที่เป็นโอรสก็เลยขึ้นครองเมืองต่อ มีมเหสีถึง ๕ องค์ คือ นางชารีสุมณฑา,นางจิตรมาลี,นางสุวรรณมาลัย,นางวรประไพ และนางรัชดา (จำชื่อนางรัชดาไว้ให้ดี ๆ)
ท้าวลัสเตียนครองราชย์ต่อจากท้าวจตุรพักตร์ผู้เป็นบิดา
มีอีกเรื่องหนึ่ง คือท้าวมาลีวราชเองก็เป็นเพื่อนกับท้าวจตุรพักตร์ด้วย วันหนึ่งคิดถึงเพื่อนก็เลยไปจะไปหาที่กรุงลงกา แต่ไปถึงก็เจอว่าเป็นท้าวลัสเตียนที่เป็นลูกท้าวจตุรพักตร์ครองเมืองแล้ว พอถามถึงก็เลยรู้ว่าท้าวจตุรพักตร์สวรรคตไปแล้ว ก็รู้สึกปลงว่าทุกชีวิตเกิดมาต้องตาย เลยฝากให้ท้าวลัสเตียนครองเมืองให้ดีที่สุด แล้วท้าวมาลีวราชก็กลับไป
ต่อไป เราจะไปกันที่แม่น้ำสารภู ซึ่งมียักษ์ตนหนึ่งชื่อ “ตรีบูรัม” กำลังบำเพ็ญเพียรอยู่ ปกติตรีบูรัมจะครองเมืองโสฬส ก็มีฤทธิ์มากอยู่แล้วแหละ แต่ยังสู้พระนารายณ์ไม่ได้ เลยไปบำเพ็ญเพียรขอพรจากพระอิศวรถึง ๗ ปี ๗ วัน สุดท้ายพระอิศวรก็มาหาแล้วประทานพรให้ตามที่ตรีบูรัมขอคือ “ให้พระนารายณ์เอาชนะไม่ได้” แต่ก็มีกำชับไว้ด้วยนะว่า “เจ้าจะต้องมีใจที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ห้ามทำให้ใครเดือดร้อนเด็ดขาด”
(ภาพแรก) ตรีบููรัมบำเพ็ญเพียรริมแม่น้ำสารภู  (ภาพสอง) พระอิศวรเสด็จมาประทานพรให้ตรีบูรัม
ตรีบูรัมก็รับปากส่ง ๆ ไปงั้นแหละ แต่ก็ตามสูตร พอมีฤทธิ์มากแล้วก็เหิมเกริม ออกอาละวาดสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว ไปรังแกพวกเทวดานางฟ้า พระอินทร์กับเทวดาเลยไปฟ้องพระอิศวร พระอิศวรก็ขึ้นเลย เพราะอุตส่าห์เตือนแล้วว่าอย่าสร้างความเดือดร้อน ก็เลยคิดจะไปปราบตรีบูรัมเอง
(ภาพแรก) ตรีบูรัมยกกองทัพอสูรขึ้นไปบุกสวรรค์ (ภาพสอง) พระอิศวรทรงพระพิโรธ
พระอิศวรระดมพลเทพและเทวดาทั้งหลาย กล่าวไว้เลยว่า “ศึกนี้จะเป็นศึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะจารึกไปชั่วกัลปาวสาน จนกว่าจะถึงศึกที่พระนารายณ์อวตารไปปราบมารในอนาคต”
เท่านั้นไม่พอ พระอิศวรยังรวมพลังของตัวเองกับพระพรหมมาทำเป็นเกราะเพชร เอากำลังของเขาพระสุเมรุมาทำเป็นธนูชื่อ “ธนูโมลี” เอากำลังของพญาอนันตนาคราชมาทำเป็นสายธนู แล้วเอากำลังของพระนารายณ์มาทำเป็นลูกศร อาวุธครบมือแล้วพระอิศวรก็ยกทัพเทพไปจัดการตรีบูรัมทันที
พระอิศวรระดมกองทัพเทวดา สร้างอาวุธและเกราะ ก่อนจะยกทัพไปปราบตรีบูรัม
ตรีบูรัมเห็นพระอิศวรยกทัพมาก็ยังไม่สำนึกอีกนะ แถมยังมีหน้ามาน้อยใจว่าทำไมพระอิศวรต้องยกทัพมาปราบตัวเองอีก พระอิศวรเลยตอกกลับไปว่าก็เพราะตรีบูรัมไม่รักษาสัญญานั่นแหละ สุดท้ายตรีบูรัมก็ยอมตายดีกว่าจะยอมแพ้ ก็สั่งลูกน้องตัวเองที่เป็นภูตผีปีศาจให้ไปสู้กับกองทัพเทพ ไล่ตีจนกองทัพเทพแตกกระเจิง
พระอิศวรเลยเตรียมแผลงศรที่ว่าเป็นกำลังของพระนารายณ์ออกไป แต่ยิงถึง ๓ รอบก็ยิงไม่ออก พระอิศวรเลยแอบดูเห็นว่าพระนารายณ์หลับอยู่ ก็โมโหมาก โยนลูกธนูลงพื้น พระนารายณ์เลยสะดุ้งตื่น แถมมาโดนพระอิศวรตำหนิอีกว่า “เขารบกันอยู่แท้ ๆ ยังจะมาหลับอีก” พระนารายณ์เลยบอกว่าก็เพราะพระอิศวรให้พรตรีบูรัมไปว่า “ไม่ให้พระนารายณ์เอาชนะได้” นั่นแหละ เลยเป็นแบบนี้
พระนารายณ์หลับ เพราะพระอิศวรให้พรตรีบูรัมไม่ให้พระนารายณ์เอาชนะได้ จึงเป็นเหตุให้พระอิศวรยิงธนูที่สร้างจากพลังของพระนารายณ์ไม่ออก
พระอิศวรก็เลยนึกได้ เลยต้องเปลี่ยนวิธีใหม่ ด้วยการลืมตาที่สามบนหน้าผากส่องผ่านกล้องมณี คือถ้าพระอิศวรลืมตาที่สามเมื่อใด ก็จะเกิดไฟเผาไหม้ทุกสิ่งทุกอย่าง สุดท้ายตรีบูรัมกับกองทัพทั้งหมดก็เลยโดนเผาจนมอดไหม้หมด
พระอิศวรลืมตาที่สามผ่านกล้องมณีเผาตรีบูรัมและบริวารจนมอดไหม้
เสร็จศึกกับตรีบูรัมแล้ว พระอิศวรก็เอาเกราะที่ใส่นั่นแหละไปฝากไว้กับฤๅษีอัคตะ เพื่อให้มอบกับพระนารายณ์ที่จะอวตารมาในอนาคต แล้วเอาธนูโมลีไปฝากไว้ที่ “กรุงมิถิลา” ก็เป็นอันจบตอนนี้
พระอิศวรนำเกราะไปฝากไว้กับฤๅษีอัคตะให้มอบแก่พระนารายณ์อวตารในอนาคต และนำธนูโมลีไปฝากไว้ที่กรุงมิถิลา
โฆษณา