26 ก.ย. เวลา 13:22 • นิยาย เรื่องสั้น

ปอบตาแก้ว: ตำนานหลอนท้ายหมู่บ้าน

ตอนที่ 1: ต้นกำเนิดของปอบ
เสียงหมาเห่าหอนดังระงมไปทั่วหมู่บ้านในคืนหนึ่งที่มืดสนิท ท้องฟ้าไร้แสงจันทร์ ราวกับถูกปกคลุมด้วยม่านแห่งความอาถรรพ์ ในหมู่บ้านเงียบสงบนี้ บ้านท้ายหมู่บ้านของตาแก้ว กลับดูโดดเดี่ยวและแปลกตากว่าที่เคย แสงไฟจากหน้าต่างบ้านของตาแก้วสว่างอยู่ท่ามกลางความมืด แต่สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านเริ่มพูดถึงบ้านหลังนี้ไม่ใช่แค่แสงไฟ แต่เป็นเสียงแปลกๆ ที่ดังออกมาจากบ้านหลังนั้น
นางพริ้ง เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ตาแก้วที่สุด สังเกตเห็นความแปลกประหลาดของตาแก้วมาตลอด หลังจากหลานชายของแกเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ ตาแก้วกลายเป็นคนเงียบขรึมกว่าเดิม ไม่เคยออกมาคุยกับชาวบ้านเหมือนแต่ก่อน ยิ่งนานวันเข้า แกกลับดูเหมือนมีบางสิ่งที่น่ากลัวซ่อนอยู่ในตัวเอง นางพริ้งเริ่มสังเกตว่าในหลายๆ คืน ตาแก้วจะออกจากบ้านในเวลาที่ชาวบ้านต่างพากันหลับไหล แกมักหายไปในความมืดโดยไม่บอกกล่าว นางพริ้งเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ยังไม่กล้าถามตรงๆ
คืนหนึ่งขณะที่นางพริ้งกำลังนั่งทอผ้าอยู่ใต้แสงตะเกียง นางได้ยินเสียงบางอย่างที่ผิดปกติ มันเป็นเสียงคล้ายกระซิบที่ดังเบาๆ แต่เต็มไปด้วยความลึกลับ นางพริ้งหยุดมือ และเงี่ยหูฟัง เสียงนั้นดังมาจากบ้านของตาแก้ว แปลกยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเสียงนั้นฟังคล้ายเสียงพูดคุยของหลายคน ทั้งที่บ้านของตาแก้วนั้นอยู่เพียงลำพัง นางพริ้งตัดสินใจที่จะเลิกสนใจ แล้วรีบปิดประตูบ้านอย่างรวดเร็ว ในใจของนางเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
หนุ่มชัย ชายหนุ่มในหมู่บ้านที่ได้ยินเรื่องเล่าจากชาวบ้านเกี่ยวกับตาแก้ว ก็เริ่มสงสัย เขามักจะเห็นตาแก้วเดินลากเท้าไปยังป่าท้ายหมู่บ้านกลางดึกบ่อยครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้หนุ่มชัยรู้สึกแปลกประหลาดคือร่างของตาแก้วดูจะซูบผอมลงทุกวัน แก้มของตาแก้วยุบลง ลึกจนเห็นกระดูก แววตาของแกดูหม่นหมองและเต็มไปด้วยความเศร้าโศก แต่มันกลับซ่อนเร้นด้วยบางสิ่งที่หนุ่มชัยไม่อาจอธิบายได้
ในคืนหนึ่ง หนุ่มชัยตัดสินใจแอบตามตาแก้วไป หนุ่มชัยเห็นว่าตาแก้วเดินไปยังทุ่งนาใกล้ป่าท้ายหมู่บ้าน เขาซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ เห็นตาแก้วยืนนิ่งอยู่กลางทุ่งนา พลันได้ยินเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเสียงหัวเราะแหลมต่ำ หนุ่มชัยขนลุกเกรียว เขารีบกลับบ้านด้วยความหวาดกลัว แต่ในใจเต็มไปด้วยคำถาม "ตาแก้วกำลังทำอะไรอยู่กลางดึกเช่นนี้?"
เช้าวันต่อมา ชาวบ้านเริ่มพูดคุยกันเรื่องเสียงแปลกๆ จากบ้านตาแก้ว เสียงที่ฟังดูคล้ายกับเสียงของคนที่ไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว ความลึกลับเริ่มแผ่ขยายไปทั่วหมู่บ้าน ผู้คนเริ่มสงสัยและหวาดกลัว ชื่อของตาแก้วกลายเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงบ่อยครั้ง "หรือว่าแกจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ชาวบ้านหวาดกลัวมานาน—ปอบ?"
ตอนที่ 2: การตายลึกลับ
เช้าวันหนึ่งที่หมู่บ้าน บ้านคลองขุดถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยข่าวการตายของหนุ่มบุญ ชายหนุ่มที่แข็งแรงและเป็นที่รักของคนในหมู่บ้าน ชาวบ้านที่ผ่านไปแถวทุ่งนาเจอร่างของหนุ่มบุญนอนนิ่งอยู่ใต้ต้นไม้ ร่างกายของเขาซูบผอม เหมือนกับถูกดูดพลังชีวิตออกไปจนหมด ผิวพรรณซีดเผือด แห้งกรังคล้ายคนที่ขาดน้ำมานานหลายวัน แต่สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านยิ่งหวาดกลัวคือ ตาของหนุ่มบุญนั้นเปิดกว้างเหมือนเขาตายไปในความหวาดกลัวสุดขีด
ผู้ใหญ่ทอง หัวหน้าหมู่บ้าน ได้รับข่าวและรีบรุดไปยังที่เกิดเหตุ เขาตรวจดูสภาพร่างกายของหนุ่มบุญอย่างละเอียด แต่กลับไม่พบร่องรอยบาดแผลที่สามารถอธิบายการตายนี้ได้ ชาวบ้านยืนมุงดูกันด้วยความตกใจ และเริ่มซุบซิบกันว่า การตายของหนุ่มบุญต้องมีบางสิ่งที่ไม่ปกติ บางคนเริ่มเชื่อว่าเป็นฝีมือของวิญญาณร้ายหรือภูติผีที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้าน
"หรือว่า...เป็นปอบ?" เสียงหนึ่งกระซิบจากกลุ่มชาวบ้าน ผู้คนที่ได้ยินต่างหันมองหน้ากันด้วยความหวาดหวั่น คำว่า "ปอบ" ทำให้หลายคนคิดถึงตาแก้ว ชายแก่ที่อาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้าน ผู้ซึ่งมีข่าวลือเรื่องการเล่นมนต์ดำมาหลายปีแล้ว
“ก็แกเป็นคนสุดท้ายที่มีข่าวลือว่าเรียนวิชาแปลกๆ นี่นา” นางผิน หนึ่งในชาวบ้านกล่าวเสียงเบา “ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีใครเห็นแกบ่อยนัก แล้วแกก็ซูบผอมจนผิดสังเกตเสียด้วย”
เสียงซุบซิบเกี่ยวกับตาแก้วเริ่มหนาหูขึ้น ผู้ใหญ่ทองเองก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ตาแก้วมีพฤติกรรมที่แปลกประหลาดในช่วงหลังนี้ แต่ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน เขายังไม่อยากเร่งด่วนสรุปความอะไร “ยังไม่มีหลักฐานว่าใครเป็นคนทำ เราต้องรอผลจากหมอยาว่าหนุ่มบุญตายเพราะอะไร” เขาบอกกับชาวบ้าน
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเย็นวันนั้น ข่าวลือเรื่องปอบก็แพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน คนส่วนใหญ่เชื่อว่ามีสิ่งชั่วร้ายอยู่ในหมู่บ้าน และไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตาแก้วที่หลายคนสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับการตายของหนุ่มบุญ ช่วงกลางคืนในหมู่บ้านยิ่งเงียบสงัด ไม่มีใครกล้าออกจากบ้านเมื่อฟ้ามืดลง เสียงลมพัดผ่านต้นไม้สร้างบรรยากาศที่น่าขนลุก ผู้คนเริ่มปิดประตูหน้าต่างแน่นหนา และตั้งเครื่องรางเพื่อป้องกันตัวเองจากอันตรายที่มองไม่เห็น
แม้ผู้ใหญ่ทองจะพยายามหาสาเหตุการตายของหนุ่มบุญ แต่ความลึกลับของเหตุการณ์นี้ทำให้เขาต้องเก็บความสงสัยไว้ในใจ สายตาของชาวบ้านเริ่มจับจ้องไปที่ตาแก้วมากขึ้นเรื่อยๆ ชายแก่ที่ไม่เคยมีใครกล้าตั้งคำถามตรงๆ เพราะกลัวว่าคำตอบที่ได้อาจเป็นสิ่งที่ทุกคนหวาดกลัวมาตลอด—ปอบ
ตอนที่ 3: ความจริงที่ถูกเปิดเผย
คืนที่ท้องฟ้ามืดครึ้มด้วยเมฆหมอกและลมพัดแรง ชายหนุ่มอย่างหนุ่มชัยไม่อาจทนกับความสงสัยที่ค้างคาอยู่ในใจ หลังจากการตายของหนุ่มบุญและข่าวลือเรื่องปอบที่แพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างหวาดกลัว ไม่กล้าออกจากบ้านหลัง
พระอาทิตย์ตกดิน หนุ่มชัยเริ่มได้ยินเสียงเล่าลือแปลกๆ จากชาวบ้านว่า ตาแก้ว ชายแก่ที่อาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้าน อาจเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการตายลึกลับของหนุ่มบุญ
"ฉันเห็นแกออกจากบ้านตอนดึก เดินไปทางป่าท้ายหมู่บ้านทุกคืน" นางพริ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวหลังจากเห็นตาแก้วทำพิธีประหลาดเมื่อคืนก่อน "แกทำอะไรบางอย่างที่ไม่น่าไว้ใจ ฉันเห็นกับตาว่าแกนั่งอยู่ข้างกองไฟ และกำลังพูดจาแปลกๆ เหมือนท่องคาถา"
หนุ่มชัยเริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ เขาตัดสินใจว่าในคืนนี้ เขาจะเฝ้าติดตามตาแก้วและสืบหาความจริงให้ได้ คืนนี้เป็นคืนที่เงียบสนิท มีเพียงเสียงลมหวีดหวิว หนุ่มชัยออกจากบ้านเมื่อฟ้ามืดสนิท เขาเดินย่องเงียบๆ มุ่งหน้าสู่ท้ายหมู่บ้านเพื่อจับตามองตาแก้ว ขณะนั้นเขาเห็นแสงไฟเล็กๆ สว่างอยู่ในทุ่งนา ท่ามกลางเงามืดของต้นไม้ใหญ่
ตาแก้วปรากฏตัวขึ้นในสายตาของหนุ่มชัย แกเดินอย่างช้าๆ ตรงไปยังหลุมศพของหนุ่มบุญ หนุ่มชัยซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ พยายามไม่ให้ตาแก้วรู้สึกถึงการมีอยู่ของเขา ตาแก้วหยุดยืนอยู่ข้างหลุมศพ พึมพำอะไรบางอย่างด้วยเสียงต่ำ หนุ่มชัยสังเกตเห็นมือของตาแก้วกำลังขุดลงไปในดิน ดึงบางสิ่งขึ้นมา มันคือเศษเนื้อที่ซากศพของหนุ่มบุญ หนุ่มชัยตกตะลึง หัวใจเต้นรัว เขารีบวิ่งกลับหมู่บ้านทันทีด้วยความหวาดกลัว
เช้าวันรุ่งขึ้น หนุ่มชัยเล่าเรื่องที่เห็นให้ผู้ใหญ่ทองฟัง แต่กลับได้รับเพียงการปฏิเสธ “เรายังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าตาแก้วเกี่ยวข้องกับการตายของหนุ่มบุญ อย่าเพิ่งพูดออกไปให้คนในหมู่บ้านตกใจ” ผู้ใหญ่ทองกล่าว แม้ในใจเขาจะเริ่มมีความสงสัย แต่ก็ยังไม่อยากเร่งสรุปความ
ข่าวลือเกี่ยวกับตาแก้วเริ่มแพร่สะพัดไปไกลขึ้น ชาวบ้านเล่าต่อกันว่าในหลายคืนที่ผ่านมา มีคนเห็นตาแก้วนั่งเคี้ยวเนื้อสดอยู่กลางดึก เสียงหัวเราะแหบแห้งดังขึ้นจากบ้านของแก ชาวบ้านต่างพากันหวาดกลัวมากขึ้น ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้บ้านของตาแก้วอีกต่อไป หลายคนเริ่มพากันเก็บข้าวของและหลบซ่อนอยู่ในบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดิน โดยหวังว่าคำสาปร้ายจะผ่านพ้นไป
หนุ่มชัยรู้ว่าความจริงกำลังถูกเปิดเผย เพียงแต่ยังไม่มีใครกล้าพูดออกมาตรงๆ ตาแก้วอาจจะเป็นสิ่งที่ทุกคนกลัวตลอดมา—ปอบ—แต่คำถามที่ยังค้างคาในใจคือ แกกลายเป็นปอบได้อย่างไร และยังมีใครตกเป็นเหยื่อของแกอีกหรือไม่?
ตอนที่ 4: ปอบอาละวาด
ความเงียบสงัดในหมู่บ้าน บ้านคลองขุดถูกทำลายลงอีกครั้งด้วยเสียงกรีดร้องของชาวบ้านที่พบศพผู้เสียชีวิตเป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์ ร่างของนางแดง หญิงสูงอายุผู้เงียบสงบ ถูกพบในสภาพที่น่าสยดสยอง ซูบผอมเหมือนร่างถูกดูดเลือด ผิวซีดเซียวและเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ เสียงร้องไห้สะอื้นของลูกหลานนางแดงดังไปทั่วหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างตื่นตระหนก เมื่อเหตุการณ์การตายลึกลับนี้เริ่มเกิดถี่ขึ้น
หนุ่มชัยที่เคยเห็นพฤติกรรมประหลาดของตาแก้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าความจริงกำลังปรากฏเด่นชัดขึ้น ตาแก้วต้องเป็นปอบที่ฆ่าชาวบ้านแน่ๆ แต่การจะทำให้คนอื่นเชื่อได้เต็มที่ไม่ใช่เรื่องง่าย หนุ่มชัยตัดสินใจไปพูดคุยกับผู้ใหญ่ทอง หัวหน้าหมู่บ้านที่พยายามทำใจให้เย็นอยู่ในทุกสถานการณ์
“พวกเราไม่สามารถทนรอให้มีคนตายไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว!” หนุ่มชัยตะโกนด้วยความโมโห "ฉันเห็นกับตาว่าตาแก้วไปขุดหลุมศพของหนุ่มบุญ แล้วตอนนี้นางแดงก็ตายแบบเดียวกัน พวกเราต้องทำอะไรสักอย่าง!”
ผู้ใหญ่ทองที่ฟังเรื่องราวจากหนุ่มชัยครุ่นคิดอย่างหนัก ภายในใจของเขารู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตาแก้ว แต่ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน เขาจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวัง
"หากมันเป็นจริงตามที่แกพูด เราต้องรวบรวมชาวบ้านไปล้อมบ้านของตาแก้ว แล้วหาทางจัดการกับแกให้ได้” ผู้ใหญ่ทองกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “คืนนี้ เราจะเฝ้าดูบ้านของตาแก้ว และเตรียมตัวรับมือหากมันแสดงพฤติกรรมอะไรประหลาด”
เมื่อค่ำคืนมาเยือน หนุ่มชัยและผู้ใหญ่ทองนำกลุ่มชาวบ้านกลุ่มหนึ่งไปล้อมบ้านของตาแก้ว ทุกคนต่างถืออาวุธทั้งไม้ กระบอง และมีดเพื่อป้องกันตัว แต่บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความเงียบงันที่ชวนให้ขนลุก มีเพียงเสียงแมลงกลางคืนที่ร้องระงม ขณะที่พวกเขาทุกคนจ้องมองบ้านของตาแก้วอย่างระแวดระวัง
ทว่าไม่นานนัก ความเงียบสงัดถูกทำลายด้วยเสียงโหยหวนจากในบ้าน เสียงร้องที่ไม่ใช่เสียงของมนุษย์ มันกรีดแหลมสูงจนผู้คนต้องหยุดชะงัก ตาแก้วเปิดประตูบ้านออกมา ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องลงมา ชาวบ้านต่างพากันถอยหลังด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้เห็นร่างของตาแก้วเริ่มเปลี่ยนไป แกผอมแห้ง ตัวสูงยาวเกินกว่าคนทั่วไป ผิวหนังซีดเซียว และดวงตากลับวาวโรจน์ราวกับสัตว์ป่า
“ปอบ! แกคือตาแก้ว!” หนุ่มชัยตะโกนด้วยความโกรธ
ตาแก้วหัวเราะเสียงดังอย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะพุ่งตัวออกมาจากบ้านด้วยความรวดเร็วราวกับสัตว์ป่า แกวิ่งตรงไปยังกลุ่มชาวบ้านที่ล้อมบ้านไว้ สร้างความตื่นตระหนกให้กับทุกคน เสียงกรีดร้องของชาวบ้านดังขึ้นระงม ผู้คนวิ่งหนีกระจัดกระจายไปทั่ว ทิ้งอาวุธไว้เบื้องหลังอย่างลืมตัว
หนุ่มชัยพยายามจะเข้าไปใกล้ตาแก้ว แต่กลับถูกผลักล้มลงกับพื้น แกเงยหน้าขึ้นมองปอบตรงหน้าที่เคี้ยวเนื้อสดอยู่กลางลานอย่างโหดเหี้ยม สายตาของแกมองดูชาวบ้านอย่างกระหายเลือด และพุ่งตัวเข้าไปล่าเหยื่อใหม่อย่างไม่มีความลังเล
จากคืนนั้น หมู่บ้าน บ้านคลองขุดกลายเป็นดินแดนแห่งความกลัว ชาวบ้านต่างขังตัวเองในบ้านทุกคืน ไม่มีใครกล้าออกจากบ้านเมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า เพราะรู้ดีว่า ตาแก้ว ปอบร้ายกำลังอาละวาดอยู่ข้างนอก ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่จะเป็นเหยื่อคนต่อไป ผู้ใหญ่ทองเองก็ไม่สามารถหาทางจัดการกับแกได้
ปอบตาแก้วกลายเป็นฝันร้ายที่ยังคงอยู่ในหมู่บ้าน
ตอนที่ 5: จุดจบของปอบ
ความหวาดกลัวและความตายครอบงำหมู่บ้าน บ้านคลองขุด จนชาวบ้านแทบไม่เหลือความหวัง ทว่ามีข่าวแพร่สะพัดไปถึงหลวงพ่อแก้ว พระผู้มีชื่อเสียงในการปราบผีและวิชาคาถาอาคม ชาวบ้านส่งตัวแทนไปนิมนต์หลวงพ่อให้มาช่วย ท่ามกลางบรรยากาศอันตึงเครียด เมื่อหลวงพ่อเดินทางมาถึง หมู่บ้านเหมือนพบแสงสว่างครั้งสุดท้าย
หนุ่มชัยที่เคยเป็นผู้นำในการพยายามสู้กับตาแก้ว แต่ต้องพ่ายแพ้หลายครั้ง ตัดสินใจเข้าไปปรึกษาหลวงพ่อแก้วเกี่ยวกับวิธีที่จะกำจัดปอบร้ายตนนี้ "หลวงพ่อครับ พวกเราไม่ไหวแล้ว ปอบแก้วฆ่าคนตายไปหลายคนแล้ว ไม่มีใครกล้าสู้กับมันอีก" หนุ่มชัยกล่าวด้วยความวิตก
หลวงพ่อแก้วนั่งนิ่งพิจารณาสักครู่ ก่อนจะพยักหน้า "อาตมาจะช่วยพวกเจ้า ปอบนี้ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ทั่วไปจะจัดการได้ ต้องใช้วิชาในการปราบมัน เราต้องหาวิธีล้อมจับและทำพิธีเพื่อสะกดวิญญาณของมัน"
ในค่ำคืนนั้น หลวงพ่อแก้วนำชาวบ้านที่มีความกล้าเหลืออยู่เพียงไม่กี่คน รวมถึงหนุ่มชัย มุ่งหน้าสู่บ้านของตาแก้วด้วยอุปกรณ์ที่เตรียมไว้ ทั้งน้ำมนต์ ใบไม้ศักดิ์สิทธิ์ และเครื่องราง หลวงพ่อแก้วนำคาถาปราบผีเริ่มท่องออกมาอย่างมั่นคง ชาวบ้านที่ล้อมอยู่ต่างเฝ้าระวังด้วยใจสั่นเทา
เสียงกรีดร้องที่ดังมาจากบ้านตาแก้วบ่งบอกว่าเขากำลังรับรู้ถึงการมาของกลุ่มคน ปอบแก้วพุ่งตัวออกมาจากบ้านอีกครั้ง ด้วยร่างที่บิดเบี้ยวและน่าสะพรึงกลัว แกส่งเสียงคำรามโหยหวนพร้อมกับเตรียมจะโจมตีชาวบ้าน แต่ก่อนที่ปอบจะทันได้ทำร้ายใคร หลวงพ่อแก้วหยิบผ้ายันต์ที่ผ่านการปลุกเสกขึ้นมา พร้อมกับท่องคาถาแผดเสียงดังก้อง
"หยุดเถิดวิญญาณร้าย เจ้าต้องชดใช้กรรมที่ได้ก่อไว้!" เสียงหลวงพ่อดังขึ้นพร้อมกับการพ่นน้ำมนต์ไปยังร่างของปอบตาแก้ว
ปอบแก้วกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของแกสั่นสะท้านเมื่อคาถาของหลวงพ่อเริ่มมีอิทธิฤทธิ์ หนุ่มชัยและชาวบ้านที่เหลือเห็นว่าปอบแก้วเริ่มอ่อนแรงลง ต่างเข้ามาช่วยกันล้อมรอบเพื่อไม่ให้แกหลบหนีไปได้อีก
ตาแก้วดิ้นรน พยายามวิ่งหนีออกจากวงล้อม แต่ทุกครั้งที่แกพุ่งตัวไปยังทิศทางใด หลวงพ่อแก้วก็พ่นน้ำมนต์และท่องคาถาขึ้นมาใหม่ ร่างของแกเริ่มบิดเบี้ยวลงเรื่อยๆ เหมือนกับถูกกดทับด้วยพลังบางอย่าง
สุดท้าย เมื่อเสียงท่องคาถาของหลวงพ่อดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ปอบแก้วก็กรีดร้องด้วยเสียงสุดท้าย ก่อนร่างของเขาจะล้มลงกับพื้น ชาวบ้านเฝ้ามองด้วยใจจดจ่อ ร่างของตาแก้วกลับกลายเป็นเถ้าถ่านต่อหน้าทุกคน
"จบสิ้นแล้ว..." หนุ่มชัยพึมพำด้วยความโล่งใจ หลังจากที่หมู่บ้านถูกปกคลุมด้วยความหวาดกลัวมานานหลายสัปดาห์
หลวงพ่อแก้วกล่าวปิดท้าย "การที่คนจะกลายเป็นปอบได้ ต้องมีกรรมหนักที่ทำมาต่อเนื่อง ทั้งใช้วิชามนต์ดำและก่อบาปกับผู้อื่น เจ้าตาแก้วนี้ก็เช่นกัน กรรมได้ตามมาสนองเขาแล้ว"
ชาวบ้านต่างขอบคุณหลวงพ่อและเริ่มกลับมามีชีวิตตามปกติอีกครั้ง แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่มีวันลืมเลือน ตำนานของปอบตาแก้วกลายเป็นเรื่องเล่าที่ถูกถ่ายทอดต่อไปในหมู่บ้าน บ้านคลองขุด และเป็นคำเตือนให้ทุกคนระมัดระวังการทำบาป เพราะวันหนึ่ง อาจมีสิ่งเลวร้ายตามมาสนองตัวเองเหมือนกับตาแก้ว.
โฆษณา