26 ก.ย. เวลา 13:41 • นิยาย เรื่องสั้น

หลงป่าดิบ ผีกองกอยสยองล่า!

ตอนที่ 1: การเดินทางเข้าสู่ป่าดิบ
เสียงนกกู่ก้องแว่วเบาๆ จากป่าลึก ขณะที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าลงเรื่อยๆ ทั้ง เดช และ แก้ว มุ่งหน้าเข้าสู่ป่าดิบที่เงียบสงัด มีเพียงเสียงใบไม้ที่ถูกย่ำใต้เท้าและลมหนาวที่พัดผ่านราวกับเตือนบางสิ่งที่พวกเขาควรฟัง “ถ้าหลงเข้าไปในป่าดิบลึก จะได้ไม่กลับมา” เสียงแหบๆ ของ พ่อใหญ่บุญ ยังก้องอยู่ในหัวของแก้ว แต่เขาเลือกที่จะเมินเฉย คำเตือนนั้นก็เหมือนนิทานเก่าๆ ที่เขาได้ยินมาตลอด
"ผีกองกอยมันก็แค่เรื่องเล่าขู่เด็ก" เดชพูดขึ้นพร้อมหัวเราะเบาๆ แต่ในใจของแก้ว ความสงสัยกลับเริ่มก่อตัวเมื่อพวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่า แม้แต่แสงสุดท้ายจากดวงอาทิตย์ก็ไม่สามารถทะลุผ่านความหนาทึบของพุ่มไม้และต้นไม้สูงได้ สายตาของพวกเขาต้องเพ่งมองไปตามเส้นทางที่ยาวและคดเคี้ยว เสียงฝีเท้าเริ่มดูน่ากลัวกว่าที่ควร
"แกรู้สึกอะไรแปลกๆ ไหม?" แก้วถามเบาๆ พลางมองซ้ายมองขวา ราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่
เดชหันมามองเพื่อนสนิทของเขาแล้วหัวเราะ “เลิกขี้ขลาดได้แล้วน่า ไม่มีอะไรหรอก!”
แต่บรรยากาศรอบตัวพวกเขาไม่ได้คลายความกดดันแม้แต่น้อย อากาศเริ่มเย็นลงอย่างผิดปกติ ลมหายใจของทั้งสองคนนั้นหนักขึ้น ความเงียบในป่าดูจะน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงนกเงียบลงอย่างกระทันหัน เสียงสัตว์ป่าก็หายไปอย่างไม่คาดคิด ราวกับมีบางสิ่งร้ายกาจคืบคลานเข้ามา
“เราอาจจะควรฟังพ่อใหญ่บุญ” แก้วพึมพำ แต่เดชยังคงเดินต่อไป
เมื่อพวกเขามุ่งหน้าลึกเข้าไปเรื่อยๆ ต้นไม้เริ่มหนาทึบจนแสงไม่สามารถส่องผ่านได้ แม้แต่เสียงฝีเท้าของพวกเขาก็ถูกกลืนหายไปในความเงียบ มันเป็นความเงียบที่ทำให้หัวใจแก้วเต้นรัว แก้วหยุดเดินทันทีเมื่อรู้สึกว่ามีบางสิ่งกำลังจ้องมองมาจากเงามืด
เดชหันกลับมา “แกจะหยุดทำไม?”
แก้วไม่ตอบแต่จ้องไปยังพุ่มไม้ข้างหน้า จู่ๆ เสียงบางอย่างก็แว่วเข้ามา เป็นเสียงที่แหลมเล็กและไม่เป็นธรรมชาติ คล้ายเสียงขาของสัตว์เล็กๆ ที่กำลังเดิน แต่ทว่ามันกลับแปลกพิลึก เหมือนเสียงนั้นมาจากทุกทิศทาง
เดชเริ่มรู้สึกแปลกๆ เช่นกัน แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงนั่นกลับหยุดลงกะทันหัน ทิ้งความเงียบที่น่าขนลุกไว้เบื้องหลัง ทั้งสองยืนมองหน้ากัน ก่อนที่เดชจะพูดด้วยเสียงที่ต่ำลง “ไปกันเถอะ อย่าให้เสียงนั้นมาทำให้เรากลัว…”
แต่ในใจของทั้งคู่เริ่มรู้สึกได้แล้วว่ามีบางสิ่งผิดปกติจริงๆ พวกเขากำลังถูกบางสิ่งเฝ้ามอง และสิ่งนั้นอาจไม่ใช่เพียงแค่จินตนาการ
ตอนที่ 2: หลงทางในป่าลึก
เวลาเริ่มล่วงเลยเข้าสู่บ่ายคล้อย แสงแดดที่เคยส่องผ่านใบไม้หนาทึบเริ่มจางลง ขณะที่ เดช และ แก้ว เดินลัดเลาะตามเส้นทางป่า ทั้งสองสามารถล่าสัตว์มาได้บ้าง กระต่ายและนกป่าสองสามตัวถูกแขวนไว้ที่เอวของเดช แต่พวกเขากลับพบว่าบรรยากาศรอบตัวเริ่มแปลกขึ้นทุกที
“เดช... เรามาที่นี่รึเปล่า?” แก้วถามขึ้น ขณะมองไปรอบๆ อย่างกังวล
เดชมองไปรอบทิศทาง สายตาของเขาพยายามสอดส่องหาจุดที่พวกเขาเคยเดินผ่าน แต่ทุกอย่างดูเหมือนกันหมด ต้นไม้สูงเรียงรายเป็นแนวยาว ไม่มีสัญลักษณ์หรือจุดเด่นใดๆ ให้จำได้ว่าเคยผ่านทางนี้ “ไม่แน่ใจ แต่เดี๋ยวเราต้องหาทางออกได้ แก
อย่าคิดมาก” เดชตอบกลับด้วยเสียงที่พยายามรักษาความมั่นใจ
แต่ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า พวกเขากลับพบว่าตัวเองเดินวนไปวนมา ทั้งสองคนเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าและท้องเริ่มหิวขึ้น เสียงฝีเท้าของพวกเขาดังก้องไปในป่าที่เงียบงัน เสียงสัตว์ป่าหรือแมลงที่เคยได้ยินก่อนหน้านี้กลับหายไป เหลือเพียงความเงียบที่หนาวเหน็บ ความรู้สึกหวาดระแวงค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจของทั้งคู่
“เราหลงทางแล้ว...ใช่ไหม?” แก้วพูดขึ้นพร้อมถอนหายใจลึก เขารู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ แต่ไม่สามารถอธิบายได้
เดชพยายามสงบสติอารมณ์ “อย่ากังวล เดี๋ยวเราจะเจอทางออก” แต่ในใจของเขาเองกลับเต็มไปด้วยความกลัวเช่นกัน ความมืดเริ่มคืบคลานเข้ามา ป่าที่เคยคุ้นเคยกลับกลายเป็นดินแดนที่แปลกและน่ากลัวขึ้นทุกที
ขณะที่พวกเขาเดินต่อ เสียงบางอย่างแว่วเข้ามา เป็นเสียงที่เดชและแก้วเคยได้ยินมาก่อนในป่าดึกดำบรรพ์ เสียงนั้นเบาแต่ชัดเจน เหมือนกับเสียงเดินของสัตว์ แต่มันฟังดูผิดปกติ และที่สำคัญ เสียงนั้นดูเหมือนจะตามติดพวกเขามาตลอด
“ได้ยินไหม?” แก้วกระซิบ พร้อมหันไปมองด้านหลัง
เดชพยักหน้า “เราไม่ควรอยู่ที่นี่นาน ไปกันเถอะ!”
ในที่สุด พวกเขาตัดสินใจสร้าง ห้างสูง บนต้นไม้ใหญ่ เพื่อหลบเลี่ยงสัตว์ป่าหรือสิ่งที่ตามพวกเขามา ความมืดที่ค่อยๆ ปกคลุมทุกสิ่งทำให้ทั้งสองต้องเร่งรีบในการสร้างที่หลบภัย เสียงของกิ่งไม้ถูกตัดดังสนั่นไปทั่วป่า แต่ก็ไม่มีอะไรตอบกลับมา นอกจากความเงียบที่น่ากลัว
เมื่อห้างสูงเสร็จสิ้น ทั้งสองปีนขึ้นไปนั่งบนห้างอย่างเหนื่อยล้า ท่ามกลางความมืดที่โอบล้อมพวกเขาไว้ เสียงลมพัดผ่านใบไม้ดังเหมือนเสียงกระซิบจากป่าลึก และนั่นเองที่ทำให้ทั้งเดชและแก้วเริ่มตระหนักว่าพวกเขาอาจไม่ได้อยู่เพียงลำพังในป่าแห่งนี้...
ตอนที่ 3: เผชิญหน้ากับผีกองกอย
ค่ำคืนในป่าดงดิบมืดมิดและหนาวเหน็บยิ่งกว่าเดิม เสียงลมพัดผ่านใบไม้ดังก้องเหมือนเสียงกระซิบจากบางสิ่งที่มองไม่เห็น ขณะที่ เดช และ แก้ว นั่งอยู่บนห้างสูง พวกเขาพยายามสงบใจและระวังภัยรอบตัว แต่ยิ่งเวลาผ่านไป เสียงแปลกๆ ก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงเหมือนกิ่งไม้ถูกเหยียบ และการเคลื่อนไหวบางอย่างที่ดูผิดธรรมชาติเริ่มเข้ามาใกล้
"ได้ยินไหม?" แก้วกระซิบเบาๆ ขณะที่ดวงตาของเขาพยายามจับจ้องไปในความมืดรอบตัว
เดชพยักหน้า ชัดเจนว่าเขาเองก็ได้ยินเหมือนกัน เสียงนั้นไม่ได้มาจากสัตว์ป่าทั่วไป มันเป็นเสียงที่ฟังดูแหลมแปลก และดังมาจากทุกทิศทางเหมือนถูกล้อมด้วยสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็น
ทันใดนั้น แก้วเหลือบไปเห็นเงาประหลาดเคลื่อนไหวอยู่ในหมู่ต้นไม้ มันเคลื่อนไหวรวดเร็วมากจนแทบจะมองตามไม่ทัน ร่างผอมเล็กสลัวที่มีขาข้างเดียวกระโดดไปมาระหว่างต้นไม้ และทุกครั้งที่มันเคลื่อนไหว เสียงขยับตัวของมันฟังดูน่าสะพรึงกลัว ราวกับกรงเล็บบางอย่างขูดกับพื้นป่า
"ผีกองกอย..." แก้วพึมพำเบาๆ ด้วยความตกใจ หัวใจของเขาเต้นรัว และความกลัวก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
มันโผล่เข้ามาใกล้จนพวกเขาเห็นชัดเจน ร่างของ ผีกองกอย นั้นผอมแห้งอย่างน่ากลัว ขนาดตัวมันเล็กและคล่องแคล่ว ขามันมีเพียงขาข้างเดียวที่ยาวและทรงพลัง ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวและดูเหมือนคนแต่มีความผิดปกติอย่างชัดเจน ดวงตาของมันเป็นสีแดงเข้มสะท้อนแสงในความมืด ผีกองกอยกระโดดจากต้นไม้หนึ่งไปยังอีกต้นอย่างรวดเร็ว จนแทบไม่มีเวลาให้พวกเขาตั้งตัว
ทันใดนั้นมันพุ่งเข้าหาทั้งสองคนบนห้างสูง เสียงหวีดแหลมดังออกจากปากผอมเล็กของมัน พร้อมกับกรงเล็บที่กางออก เตรียมจู่โจม
"ระวัง!" เดชตะโกนพลางคว้าไม้ที่เตรียมไว้ฟาดลงไปทันทีที่ผีกองกอยพุ่งขึ้นมาถึงห้างสูง เสียงปะทะของไม้กับร่างผอมแห้งดังสนั่น แต่ผีกองกอยไม่ยอมถอย มันกระโดดกลับขึ้นมาอีกครั้ง รวดเร็วและดุดันกว่าเดิม
แก้วพยายามใช้ไม้ป้องกันตัวเช่นกัน แต่ความเร็วและความคล่องแคล่วของผีกองกอยทำให้ทั้งสองแทบไม่สามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของมันได้ ทุกครั้งที่พวกเขาพยายามจะโจมตี มันกลับหายไปในเงามืดเพียงเสี้ยววินาที
เสียงหายใจของทั้งสองคนเริ่มหนักขึ้น ขณะที่ผีกองกอยวนเวียนรอบห้างสูง รอจังหวะที่จะกระโดดเข้ามาทำร้าย มันเคลื่อนที่เร็วเหมือนสายฟ้า ทั้งสองรู้สึกถึงความสิ้นหวังที่เริ่มเข้ามาเกาะกินในใจ
"เราไม่รอดแน่ ถ้ามันขึ้นมาอีก" แก้วกล่าวพร้อมกับเสียงสั่น แต่เดชไม่ยอมแพ้ เขากัดฟันแน่น พยายามสู้จนถึงที่สุด
ผีกองกอยพุ่งเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้มันใกล้ชิดจนพวกเขามองเห็นดวงตาสีแดงวาวของมันอย่างชัดเจน เดชใช้แรงทั้งหมดฟาดไม้ลงไปอย่างแรงสุดท้าย ผีกองกอยล้มลงชั่วขณะ แต่กลับกระโดดขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว มันไม่ยอมแพ้
ในวินาทีนั้น เดชและแก้วรู้ว่าพวกเขากำลังเผชิญกับบางสิ่งที่อาจไม่ใช่แค่สัตว์ป่า แต่เป็นสิ่งเหนือธรรมชาติที่พวกเขาไม่เคยเชื่อมาก่อน...
ตอนที่ 4: แก้วเสียชีวิต
ท่ามกลางความมืดดำที่ปกคลุมทั้งป่าดิบ เสียงของ ผีกองกอย ยังคงก้องกังวาน เสียงหวีดแหลมของมันเสียดหู ราวกับเสียงร้องโหยหวนของวิญญาณที่หลงทาง ขณะที่ เดช และ แก้ว นั่งตัวสั่นบนห้างสูง ความหวาดกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของพวกเขาทีละน้อย
“เดช เราจะทำยังไงดี...” แก้วถามด้วยเสียงสั่น เขารู้ว่าพวกเขากำลังถูกตามล่า แต่สมองของเขาว่างเปล่า ไร้หนทาง
เดชไม่สามารถตอบอะไรได้ เขารู้สึกถึงน้ำหนักของสถานการณ์ที่โถมเข้ามา เขามองเพื่อนของเขาที่นั่งข้างๆ ในความมืดมิด และเขาเริ่มรู้สึกถึงความสิ้นหวังที่เพิ่มขึ้นทุกวินาที
ทันใดนั้น เสียงเคลื่อนไหวแปลกๆ ก็ดังขึ้นจากใต้ห้าง ร่างผอมแห้งของผีกองกอยโผล่ขึ้นมาท่ามกลางเงามืด มันยิ้มเยาะราวกับสัตว์นักล่าที่พบเหยื่อแล้ว เดชพยายามฟาดไม้ที่ถืออยู่ แต่ความเร็วของมันทำให้เขาพลาดทุกครั้ง มันกระโดดหนีแล้วหายตัวไปในเงามืดอย่างไร้ร่องรอย
แต่ครั้งนี้ แก้วไม่สามารถรับมือได้ ผีกองกอยพุ่งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แก้วไม่ทันตั้งตัว ร่างของมันกระโจนเข้าหาเขา กรงเล็บยาวและคมของผีกองกอยกรีดเข้าที่ร่างของแก้วอย่างไม่ปรานี
“แก้ว! ระวัง!” เดชตะโกนสุดเสียง แต่ไม่ทันการณ์ ร่างของแก้วถูกกระชากลงจากห้างสูง ผีกองกอยใช้กรงเล็บของมันจิกกัดอย่างโหดเหี้ยม เลือดไหลนองพื้นป่า เสียงกรีดร้องของแก้วดังก้องไปทั่วท่ามกลางความเงียบงันในป่า
เดชมองเพื่อนของเขาถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา แต่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้ ความหวาดกลัวและความเศร้าโถมเข้ามาในหัวใจของเขาอย่างรุนแรง เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องซ่อนตัวอยู่บนห้างสูง ขณะที่ผีกองกอยยังวนเวียนรอบๆ อย่างหิวกระหาย
เสียงโหยหวนของผีกองกอยยังคงดังอยู่ในความมืด ทำให้เดชต้องนั่งตัวสั่นอยู่คนเดียว น้ำตาของเขาไหลออกมาอย่างเงียบงัน ขณะที่หัวใจของเขาแตกสลาย เขารู้สึกถึงความสิ้นหวังอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เดชนั่งกอดเข่าอยู่บนห้างสูง ฟังเสียงของความเงียบที่น่ากลัว เสียงร้องของเพื่อนที่ยังคงก้องในหัวของเขา แม้ผีกองกอยจะหายไปแล้ว แต่บาดแผลในจิตใจของเดชกลับไม่มีวันหาย
ตอนที่ 5: รอดชีวิตและการกลับบ้าน
ฟ้าสางเปลี่ยนความมืดมิดให้กลายเป็นแสงแรกของวันใหม่ เมื่อแสงแดดเริ่มทอแสงส่องผ่านยอดไม้ เดช ก็รู้สึกได้ถึงความเงียบที่น่าประหลาด ผีกองกอยที่วนเวียนตลอดทั้งคืนได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย ความสยองขวัญที่เขาเผชิญมาตลอดคืนค่อยๆ เลือนหายไปพร้อมกับเสียงนกร้องในยามเช้า
เดชค่อยๆ ลงจากห้างสูง ขาของเขาสั่นระริกจากความเหนื่อยล้าและความกลัว ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลจากการนั่งบนห้างตลอดทั้งคืน แต่สิ่งที่ทรมานยิ่งกว่าคือจิตใจของเขา—ความสูญเสียและภาพความตายของ แก้ว เพื่อนรักยังคงติดตาไม่จางหาย
เขาเริ่มเดินออกจากป่าดิบอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่ความสิ้นหวังกลับช่วยผลักดันให้เขาก้าวต่อไปทุกๆ ก้าว เสียงกรอบแกรบของใบไม้ใต้เท้าทำให้เขาหวาดระแวงอยู่เสมอ ราวกับว่าผีกองกอยจะกลับมาทุกเมื่อ แต่เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ เดชก็เริ่มรู้สึกถึงความปลอดภัยมากขึ้น
ในที่สุด เขาก็มองเห็นขอบป่าดิบและได้พบกับทางเดินที่นำกลับไปยังหมู่บ้าน ความเหนื่อยล้าทั้งทางร่างกายและจิตใจทำให้ทุกก้าวเหมือนกับเดินในฝัน แต่เดชยังคงก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
เมื่อมาถึงหมู่บ้าน พ่อใหญ่บุญ และชาวบ้านต่างก็ล้อมรอบเขาด้วยความตื่นตกใจ เดชเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พ่อใหญ่ฟัง รวมถึงการปรากฏตัวของผีกองกอย การสูญเสียเพื่อนรัก และความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ทุกคำพูดของเดชเต็มไปด้วยความเศร้าและความเจ็บปวดที่ไม่มีวันหายไป
พ่อใหญ่บุญส่ายหัวเบาๆ “ข้าบอกแล้วว่าในป่าดิบนั้นเต็มไปด้วยอาถรรพ์ แต่พวกเอ็งไม่ฟัง”
เดชเงียบ เขาไม่อาจโต้เถียงหรือปฏิเสธคำเตือนของพ่อใหญ่ได้อีกแล้ว เพราะเขาได้สัมผัสถึงความสยดสยองนั้นด้วยตัวเอง
เมื่อเรื่องราวถูกเล่าต่อกันไปในหมู่บ้าน ผู้คนต่างพูดถึงเหตุการณ์นี้ด้วยความหวาดกลัว การตายของแก้วกลายเป็นบทเรียนสำหรับทุกคนว่าในป่าดิบนั้นมีสิ่งลี้ลับที่มนุษย์ไม่อาจคาดเดาได้ และชื่อของผีกองกอยก็กลายเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานไปตลอดกาล
เดชกลับมายังบ้านของเขา แต่เขารู้ดีว่าความทรงจำของคืนนั้นจะยังคงตามหลอกหลอนเขาไปชั่วชีวิต ทุกครั้งที่เขาหลับตา เสียงหวีดร้องของแก้วและเงาร่างของผีกองกอยจะยังคงก้องอยู่ในหัว ราวกับว่าผีกองกอยจะยังคงตามติดเขาอยู่ตลอดเวลา
โฆษณา