26 ก.ย. เวลา 13:49 • นิยาย เรื่องสั้น

ยายสาวปอบดุ: ตำนานผีสยองแห่งหมู่บ้านต้องสาป

ตอนที่ 1: การกลับมาของยายสาว
ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบ ณ ภาคอีสาน ยามค่ำคืนมักเงียบสงัด มีเพียงเสียงลมพัดใบไม้ไหวกับเสียงจิ้งหรีดร้องก้อง แต่ระยะหลังมานี้ บางสิ่งเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อ “ยายสาว” หญิงชราผู้โด่งดังในหมู่บ้านเพราะท่าทางสุขุมเงียบขรึม เริ่มมีพฤติกรรมแปลกออกไป
“พิมพ์” หลานสาวของยายสาว เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง เมื่อเธอเห็นยายออกจากบ้านยามค่ำคืนเป็นประจำ ครั้งแรกเธอคิดว่ายายแค่ไปเยี่ยมเพื่อนบ้านที่ป่วย แต่เมื่อเวลาผ่านไป พฤติกรรมแปลกๆ ของยายก็ยิ่งมากขึ้น ทุกครั้งที่ยายกลับเข้าบ้าน มักจะมีคราบเลือดจางๆ ติดอยู่ที่ปลายเล็บและมุมปาก แต่ยายก็ปัดมันไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ยายไปไหนมาคะ” พิมพ์ถามยายเบาๆ เมื่อเห็นยายกลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งตอนดึกดื่น
ยายสาวหันมามองหลานสาวด้วยสายตาที่ลึกลับและว่างเปล่า ราวกับว่ามีบางอย่างที่ซ่อนอยู่ข้างใน “ไปเดินเล่น...แถวท้ายหมู่บ้าน” ยายตอบเรียบๆ ก่อนจะยิ้มบางๆ แต่รอยยิ้มนั้นกลับไม่ทำให้พิมพ์รู้สึกสบายใจเลย
ในช่วงเวลาเดียวกัน ชาวบ้านเริ่มพูดถึงเรื่องสัตว์เลี้ยงที่ตายอย่างปริศนา ทั้งหมู เป็ด และไก่ ถูกพบว่าถูกกัดกินเหลือเพียงซาก ผู้นำหมู่บ้านอย่าง "สมหมาย" จึงเริ่มสังเกตพฤติกรรมของชาวบ้าน โดยเฉพาะยายสาว เขาไม่เคยเชื่อเรื่องผีหรือไสยศาสตร์ แต่พฤติกรรมของยายสาวเริ่มทำให้เขาต้องคิดหนัก
“หมอเฒ่า” หมอผีประจำหมู่บ้าน เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ หมอเฒ่าเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของยายสาวจากระยะไกลอยู่หลายวัน จนเขามั่นใจว่า วิญญาณชั่วร้ายกำลังครอบงำหญิงชราผู้นี้ คืนหนึ่ง สมหมายเดินเข้ามาหาหมอเฒ่าที่บ้านเพื่อขอคำปรึกษา “ข้าว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับยายสาว ข้าสงสัยว่าแกอาจจะเป็นปอบ!”
หมอเฒ่ามองหน้าสมหมายด้วยแววตาหนักแน่น เขาพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าก็คิดเช่นนั้น...วิญญาณปอบมันกลับมาแล้ว และคราวนี้มันดุร้ายกว่าครั้งไหนๆ เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม”
ในคืนนั้น หมู่บ้านยังคงเงียบงัน แต่ทว่าบรรยากาศกลับหนักอึ้งราวกับมีกลุ่มหมอกสีดำที่มองไม่เห็นลอยคลุมไปทั่ว ไม่มีใครรู้เลยว่า คืนนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะครั้งใหญ่ที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเงียบงัน...
ตอนที่ 2: คืนแห่งความกลัว
คืนหนึ่งที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนั้น เหมือนกับคืนอื่นๆ ที่ผ่านไป ชาวบ้านพากันกลับเข้าบ้านเมื่อพระอาทิตย์ตกดินเพราะความเงียบงันและบรรยากาศที่เริ่มชวนขนลุกหลังจากสัตว์เลี้ยงหายไปทีละตัว ๆ และพบแต่ซากเนื้อที่ถูกกัดกินเหลือเพียงเศษซาก
นายมั่น ชาวบ้านคนหนึ่งที่รู้สึกถึงความผิดปกติมานาน คืนนี้เขาไม่ยอมหลับง่ายๆ เขาเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวในหมู่บ้านจากหน้าต่างบ้านของเขาที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของยายสาว ท่ามกลางความเงียบงัน เขาเห็นบางอย่างที่ทำให้หัวใจเต้นแรง เงาดำลึกลับกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในบ้านของยายสาว มันดูไม่เหมือนเงาของคนธรรมดา
หัวใจของนายมั่นเริ่มเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความสงสัย เขาตัดสินใจแอบตามไปดู
เมื่อนายมั่นเดินเข้ามาใกล้บ้านของยายสาว เขาเห็นภาพที่ทำให้เขาขนลุกซู่ ยายสาวกำลังก้มลงกินบางอย่างที่วางอยู่บนพื้น มันไม่ใช่อาหารทั่วไป แต่กลับเป็นเนื้อดิบที่ยังมีเลือดไหลซึมออกมา ภาพนั้นทำให้นายมั่นตกใจจนแทบหยุดหายใจ เขารู้แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดาอย่างที่ใคร ๆ คิด
นายมั่นรีบกลับไปแจ้งเรื่องนี้กับหัวหน้าหมู่บ้าน "สมหมาย" ซึ่งตอนนั้นก็กำลังสงสัยพฤติกรรมแปลก ๆ ของยายสาวอยู่แล้ว เมื่อสมหมายได้ยินเรื่องราวจากนายมั่น เขาตัดสินใจที่จะเฝ้าดูยายสาวด้วยตาตัวเอง ทั้งสองคนออกเดินทางไปยังบ้านของยายสาวในความมืดมิด แสงจันทร์สลัวทำให้พวกเขาสามารถเห็นเงาดำของยายสาวเคลื่อนไหวอยู่ในบ้าน
พวกเขาตามไปดู และสิ่งที่พวกเขาพบคือรอยเลือดสด ๆ บนพื้นดิน ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น เศษเนื้อสัตว์ที่ถูกกัดกินจนเหลือเพียงกระดูกก็ปรากฏขึ้นบนพื้นอย่างเด่นชัด ทั้งนายมั่นและสมหมายต่างนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ท้องของพวกเขารู้สึกหวิว ๆ เหมือนจะอาเจียน
“มันจริงอย่างที่หมอเฒ่าว่าแล้ว ยายสาวกลายเป็นปอบไปแล้ว” สมหมายพูดเสียงสั่น ด้วยความตกใจและหวาดกลัว
เช้าวันรุ่งขึ้น นายมั่นและสมหมายไม่รอช้า พวกเขารีบไปพบ "หมอเฒ่า" หมอผีผู้เฒ่าที่เป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่อาจมีวิธีจัดการกับเรื่องร้ายๆ แบบนี้ หมอเฒ่านั่งนิ่งฟังพวกเขาเล่าเรื่องด้วยสีหน้าหนักใจ “มันเป็นอย่างที่ข้าคิด” หมอเฒ่าพูดขึ้นเสียงเรียบ “วิญญาณปอบมันกลับมา และมันหิวกระหายยิ่งกว่าเดิม”
“เราต้องทำอย่างไรต่อไป หมอเฒ่า?” สมหมายถามอย่างกังวล
หมอเฒ่าหันมามองพวกเขา “คืนนี้จะไม่เหมือนคืนอื่นๆ อีกต่อไป ผีปอบกำลังจะแสดงตัว เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม ข้าเองก็รู้ดีว่า วิญญาณแบบนี้มันหิวโหยไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยง แต่อาจจะกลายเป็นชีวิตคนได้ในเร็ววัน”
สมหมายและนายมั่นต่างหวาดกลัวกับคำเตือนของหมอเฒ่า ในใจของพวกเขารู้ดีว่าคืนแห่งความกลัวนี้กำลังจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ที่ร้ายแรงกว่า
ตอนที่ 3: ความจริงที่ถูกเปิดเผย
พิมพ์รู้สึกไม่สบายใจมาหลายคืนแล้ว ยายสาวของเธอเริ่มมีพฤติกรรมที่น่ากลัวมากขึ้นเรื่อย ๆ จากคนที่เคยเงียบขรึมและใจดี ยายกลายเป็นคนหงุดหงิด ดุร้าย และแปลกไป พิมพ์เคยเห็นยายแอบกินอาหารดิบ ๆ เนื้อสด ๆ และตอนที่ยายเผลอ พิมพ์ก็ได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุด... ดวงตาของยายที่เคยอ่อนโยน บัดนี้เปลี่ยนไปเป็นสีแดงจางๆ ที่เต็มไปด้วยความหิวกระหาย
พิมพ์พยายามปิดตาตัวเองจากความจริงนี้ เธอรักยายมาก เธอไม่อยากจะเชื่อว่ายายของเธอจะกลายเป็นสิ่งที่เลวร้าย แต่ทุกครั้งที่เธอพยายามปฏิเสธ หัวใจเธอก็เจ็บปวดมากขึ้น ราวกับว่าสิ่งเลวร้ายบางอย่างกำลังบีบรัดความรู้สึกของเธอ
คืนหนึ่ง ขณะที่พิมพ์กำลังเฝ้ามองยายจากหน้าต่างห้องนอน เธอเห็นยายออกจากบ้านอีกครั้ง ยายเดินออกไปที่ป่าใกล้หมู่บ้าน และหายลับไปในความมืด ด้วยความเป็นห่วงและสงสัย พิมพ์ตัดสินใจตามยายไป เธอแอบเดินอย่างเงียบ ๆ ไปตามรอยเท้าของยาย จนกระทั่งเธอเห็นยายกำลังก้มลงกินบางอย่างจากพื้น มันคือซากสัตว์เลี้ยงที่ถูกฉีกกินอย่างน่าสยดสยอง
พิมพ์หยุดนิ่ง หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา ความจริงที่เธอพยายามหนีกำลังปรากฏชัดอยู่ตรงหน้า ยายสาวของเธอได้กลายเป็นปอบจริงๆ แล้ว พิมพ์ถอยหลังด้วยความตกใจ จนกระทั่งเท้าเธอเหยียบกิ่งไม้เสียงดัง ยายสาวหันขวับมาทางเธอทันที ดวงตาที่แดงฉานมองเธออย่างเย็นชาและเต็มไปด้วยความหิวกระหาย
พิมพ์วิ่งกลับบ้านอย่างไม่คิดชีวิต หัวใจเต้นระรัว ความคิดในหัวสับสน เธอควรทำอย่างไรต่อไป? จะปล่อยให้ยายกลายเป็นอันตรายต่อคนในหมู่บ้านหรือจะทำตามที่หัวใจบอกว่าควรช่วยยาย?
เช้าวันรุ่งขึ้น พิมพ์ไปพบ "หมอเฒ่า" ด้วยใจที่หนักอึ้ง เธอบอกเล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นให้หมอเฒ่าฟัง หมอเฒ่านั่งนิ่งฟังจนจบก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “มันเป็นอย่างที่ข้าคิด วิญญาณปอบมันครอบงำร่างของยายสาวไปแล้ว และถ้าเราไม่รีบปราบ ปอบจะดุร้ายขึ้นเรื่อย ๆ จนทำร้ายคนในหมู่บ้าน”
พิมพ์นั่งนิ่งเงียบ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว “แต่...ยายคือคนในครอบครัวของฉัน ฉันจะทำใจได้ยังไงที่จะต้องปราบยาย”
หมอเฒ่ามองพิมพ์ด้วยสายตาที่อ่อนโยนและเข้าใจ “การปราบปอบไม่ใช่การฆ่าคน แต่คือการช่วยปลดปล่อยวิญญาณที่ถูกความมืดครอบงำ ยายของเจ้าตอนนี้ไม่ใช่ยายคนเดิมแล้ว วิญญาณที่เจ้ารู้จักได้ถูกแทนที่ด้วยความชั่วร้าย”
พิมพ์นิ่งไป ความลังเลเริ่มทำลายหัวใจเธอทีละน้อย เธอรู้ดีว่าเธอไม่มีทางเลือก หากไม่รีบทำอะไร ยายสาวจะกลายเป็นอันตรายที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม...
ตอนที่ 4: พิธีปราบปอบ
ความเงียบงันปกคลุมหมู่บ้านในเช้าวันนั้น ท้องฟ้าสีเทาและเมฆครึ้มเหมือนเป็นลางบอกเหตุร้าย ทุกคนในหมู่บ้านรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขาไปตลอดกาล "สมหมาย" หัวหน้าหมู่บ้านเดินทางไปพบกับ "หมอเฒ่า" ตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเตรียมพิธีปราบปอบที่มีความสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของหมู่บ้าน หมอเฒ่ารู้ดีว่า ถ้าพิธีนี้ล้มเหลว ยายสาวจะกลายเป็นผีปอบเต็มตัว และไม่สามารถกลับมาเป็นมนุษย์ได้อีกต่อไป
การเตรียมพิธีถูกจัดขึ้นกลางลานหมู่บ้าน สมหมายกับชาวบ้านช่วยกันตั้งพื้นที่สำหรับทำพิธี ส่วนหมอเฒ่าเองก็กำลังเตรียมเครื่องไสยศาสตร์และอุปกรณ์สำคัญที่สุด "โมงข้อง" เครื่องสานโบราณที่ใช้ในการขังวิญญาณปอบให้ไม่สามารถหลบหนีได้ พิมพ์ยืนดูอยู่ห่าง ๆ ด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง การปราบปอบครั้งนี้หมายถึงการปลดปล่อยยายสาวจากการเป็นผีปอบ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็หมายความว่าเธออาจต้องสูญเสียยายไปตลอดกาล
ชาวบ้านเริ่มทยอยมารวมตัวกันที่ลานกลางหมู่บ้านด้วยสีหน้าหวาดกลัว หลายคนเริ่มกระซิบกระซาบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ยายสาวที่กลายเป็นผีปอบเต็มตัวได้เริ่มออกมาทำร้ายสัตว์เลี้ยงและชาวบ้านบางคน รอยข่วนและรอยกัดเต็มตัวพวกเขา มันทำให้ความหวาดกลัวในหมู่บ้านแพร่กระจายเหมือนไฟลามทุ่ง
เมื่อพระอาทิตย์เริ่มตกดิน หมอเฒ่าประกาศให้ทุกคนทราบว่า พิธีปราบปอบกำลังจะเริ่มต้นขึ้น หมอเฒ่าเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างไว้พร้อม รวมถึงคาถาปราบปอบที่ได้ถ่ายทอดกันมาหลายชั่วอายุคน
ขณะที่หมอเฒ่ากำลังเริ่มท่องคาถา เสียงลมเริ่มดังขึ้น ราวกับว่ามีบางสิ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามาอย่างเงียบ ๆ ภายใต้แสงจันทร์สลัว “มาแล้ว” สมหมายกระซิบเบา ๆ เมื่อเห็นเงาดำๆ เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วจากป่า ยายสาวในร่างปอบปรากฏตัวขึ้น ดวงตาแดงฉานที่เต็มไปด้วยความกระหายและโกรธแค้น พิมพ์มองยายสาวด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า เธอไม่เคยเห็นยายในสภาพนี้มาก่อน มันไม่ใช่ยายที่เธอรักอีกต่อไป
ชาวบ้านต่างตื่นตกใจ บางคนพยายามวิ่งหนี แต่สมหมายตะโกนเรียกให้พวกเขารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว หมอเฒ่ายกมือขึ้นถือโมงข้องและเริ่มสวดมนต์อย่างเร่งรีบ ขณะที่ยายสาวปรี่เข้ามาใกล้ เหมือนกับสัตว์ที่หิวโหย มันพุ่งตัวเข้าหาชาวบ้านคนหนึ่ง แต่หมอเฒ่าใช้คาถาหยุดยั้งไว้ทันเวลา ร่างของยายสาวเริ่มสั่นสะท้าน เสียงร้องโหยหวนดังลั่น
ท่ามกลางแสงจันทร์ที่แผ่กระจายออกมาจากท้องฟ้ามืดหม่น
โมงข้องที่หมอเฒ่าถือไว้ค่อยๆ สว่างขึ้น วิญญาณของผีปอบที่สิงในร่างของยายสาวเริ่มถูกดึงออกมาทีละน้อย ร่างของยายเริ่มอ่อนแรงลง หมอเฒ่าไม่หยุดสวดมนต์ แม้ว่าร่างปอบจะพยายามดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อหลบหนี เสียงร้องของยายสาวดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งสุดท้าย วิญญาณปอบถูกขังไว้ในโมงข้อง ร่างของยายสาวล้มลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
พิธีสำเร็จ แต่บรรยากาศรอบๆ กลับเต็มไปด้วยความเงียบงัน ไม่มีใครกล้าพูดอะไรต่อ
พิมพ์วิ่งเข้ามาหายายด้วยน้ำตาไหลพราก เธอเขย่าร่างยายที่นอนแน่นิ่งบนพื้น แต่ไม่พบการตอบสนอง...
ตอนที่ 5: บทสุดท้ายของยายสาว
ความมืดปกคลุมหมู่บ้านอีกครั้งในคืนสุดท้ายก่อนพิธีปราบปอบจะเสร็จสมบูรณ์ บรรยากาศรอบหมู่บ้านเต็มไปด้วยความเงียบงัน ทว่าในใจของ "พิมพ์" กลับเต็มไปด้วยความสับสนและความเจ็บปวด เธอนั่งอยู่ข้างร่างของ "ยายสาว" ที่ยังคงนอนนิ่ง ร่างกายของยายอ่อนแอหลังจากพิธีเมื่อวาน แต่วิญญาณปอบที่สิงอยู่ในร่างของยายยังไม่ถูกทำลายทั้งหมด และคืนนี้ หมอเฒ่าจำเป็นต้องทำพิธีปิดท้ายเพื่อปราบผีปอบให้สิ้นซาก
พิมพ์รู้ดีว่าการทำพิธีครั้งนี้จะหมายถึงการสูญเสียยายสาวไปตลอดกาล แต่เธอก็รู้ดีเช่นกันว่าหากปล่อยให้ปอบยังคงอยู่ มันจะกลายเป็นอันตรายต่อคนทั้งหมู่บ้าน รวมถึงตัวเธอเองด้วย
ขณะที่พิมพ์นั่งครุ่นคิด เธอก็รู้สึกถึงความเย็นวาบที่ไหลเข้ามาภายในห้อง เงาดำปรากฏขึ้นใกล้ๆ ร่างของยายสาว ดวงตาสีแดงฉานของผีปอบสะท้อนในความมืด มันค่อยๆ เข้ามาใกล้พิมพ์อย่างเงียบเชียบ ราวกับสัตว์นักล่า พิมพ์หันไปมองยายที่ยังคงนอนนิ่ง แต่ในแววตาของยายกลับส่องประกายบางอย่าง—ความกระหายและความโกรธเกรี้ยว
ยายสาวพยายามยืนขึ้น มือของเธอสั่นระริก แต่ดวงตากลับจ้องมองพิมพ์อย่างแน่วแน่ “พิมพ์... มาช่วยยายเถอะ อย่าปล่อยให้หมอเฒ่าทำลายยาย...” เสียงของยายฟังดูทั้งอ้อนวอนและเยือกเย็นในเวลาเดียวกัน พิมพ์น้ำตาไหลพรากด้วยความสับสน เธอไม่อยากเชื่อว่านี่คือยายของเธอ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
หมอเฒ่าเข้ามาพร้อมกับสมหมายและชาวบ้านที่เตรียมอุปกรณ์สำหรับพิธีปิดท้าย "ถึงเวลาแล้ว" หมอเฒ่ากล่าวด้วยเสียงหนักแน่น ทันใดนั้น ยายสาวพุ่งตัวเข้าหาพิมพ์ด้วยความเร็วที่น่ากลัว ร่างปอบที่ครอบงำยายพยายามจะสิงร่างของพิมพ์เพื่ออยู่รอด พิมพ์ถูกโยนลงกับพื้น และยายกดเธอไว้แน่น
“อย่าทำให้ยายหายไปนะ พิมพ์! ช่วยยายเถอะ!” ยายสาวตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง พิมพ์สั่นเทิ้มด้วยความกลัว น้ำตาไหลลงอาบแก้ม เธอรู้ดีว่าการช่วยยายในตอนนี้คือการเปิดทางให้ปอบเข้าครอบงำตัวเธอเอง
หมอเฒ่ารีบเข้ามาทำพิธีอย่างเร่งด่วน ขณะที่ชาวบ้านช่วยกันตรึงร่างยายสาวไว้ "พิมพ์ เจ้าต้องตัดสินใจแล้ว ไม่อย่างนั้นเจ้าจะตกเป็นเหยื่อของปอบ!" หมอเฒ่าตะโกน
หัวใจของพิมพ์เต้นแรงราวกับจะหลุดออกจากอก เธอหลับตาลง และตัดสินใจอย่างเจ็บปวด “ทำพิธีต่อไปเถอะหมอเฒ่า” พิมพ์พูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง
หมอเฒ่าเริ่มสวดมนต์และใช้อุปกรณ์ไสยศาสตร์ที่เตรียมไว้ โมงข้องเริ่มส่องแสงสว่าง วิญญาณปอบในร่างของยายสาวเริ่มถูกดึงออกมาอย่างช้าๆ ยายสาวร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ขณะที่พิมพ์มองดูยายของเธอถูกดึงออกจากโลกนี้ไปตลอดกาล
สุดท้าย ร่างของยายสาวแน่นิ่งลงอีกครั้ง วิญญาณปอบถูกขังอยู่ในโมงข้อง หมอเฒ่าหยุดสวดมนต์และประกาศให้ทุกคนรู้ว่าพิธีสำเร็จแล้ว
หมู่บ้านกลับมาสงบอีกครั้ง แต่ในใจของพิมพ์ เธอรู้ว่าชีวิตของเธอจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป เธอสูญเสียยายที่รักไปอย่างถาวร แต่ก็ได้ปกป้องหมู่บ้านจากอันตรายที่ใหญ่หลวง พิมพ์มองโมงข้องที่ถือวิญญาณของปอบ และคิดถึงยายสาวด้วยความอาลัย...
โฆษณา