26 ก.ย. เวลา 13:57 • นิยาย เรื่องสั้น

ตำนานผีโพง: แสงสยองกลางทุ่ง

ตอนที่ 1: การปรากฏตัวของผีโพง
ณ หมู่บ้านหนองผีหลอก หมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางทุ่งนากว้างใหญ่ มีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องความลึกลับและเรื่องผีที่คนเล่าขานกันมาตั้งแต่อดีต ทุกครั้งที่ฤดูฝนมาเยือน หมู่บ้านแห่งนี้จะเต็มไปด้วยน้ำจากทุ่งที่นองล้น กบและเขียดออกมาหากินตามท้องนา สร้างความอุดมสมบูรณ์แก่ธรรมชาติ แต่ในยามค่ำคืน เมื่อน้ำหลากและสายฝนหยุดโปรยปราย ผืนทุ่งที่ดูสงบกลับเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว เพราะมันเป็นเวลาที่ผีโพงออกหากิน
เสียงลมพัดผ่านไร่ข้าวและมันสำปะหลัง เสียงกบร้องก้องทั่วบริเวณ บ้านแต่ละหลังปิดประตูแน่นหนา ไม่กล้าออกจากบ้านเมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า บรรยากาศยามค่ำคืนช่างเงียบงันและหนาวเย็น ชาวบ้านต่างเล่ากันว่า เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน หากใครมีความกล้าพอให้ลองมองออกไปยังทุ่งกว้าง พวกเขาอาจได้เห็นแสงริบหรี่สีแดงๆ ที่ลอยละล่องอยู่กลางทุ่งนั่นแหละคือผีโพง
ลุงเที่ยง ชายชราผู้มีประสบการณ์ชีวิตในหมู่บ้านนี้มายาวนาน มักเล่าถึงเรื่องผีโพงให้ลูกหลานฟังเสมอ “ถ้าเห็นแสงไฟสีแดงริบหรี่กลางทุ่ง อย่าได้ทักหรือส่งเสียงดัง ผีโพงมันกลัวคน มันไม่สู้หน้า แต่ถ้าไปทำอะไรให้มันไม่พอใจ มันจะเอาก้านกล้วยขว้างข้ามหลังคาบ้าน ทำให้คนในบ้านล้มป่วยไปตามๆ กัน” คำเตือนของลุงเที่ยงทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวจนไม่กล้าออกจากบ้านในเวลากลางคืน
คืนนั้นฝนเพิ่งหยุดตก ลมพัดเอาความเย็นเข้ามาในตัวบ้าน ทุกอย่างเงียบสงัดจนแทบจะได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง นายเล็ก ชายหนุ่มผู้เป็นหลานลุงเที่ยง ไม่เคยเชื่อเรื่องผีโพง และสงสัยมาตลอดว่าแสงไฟกลางทุ่งที่ทุกคนหวาดกลัวนั้นเป็นอะไรกันแน่ เขาเดินออกมาที่นอกชานบ้าน มองไปยังทุ่งนาอันกว้างใหญ่ที่มีเงาของต้นไม้โยกไหวตามแรงลม สายตาของเขาจับจ้องไปยังจุดที่เห็นแสงริบหรี่สีแดง สว่างแล้วดับ สว่างแล้วดับ เหมือนกับดวงไฟที่เต้นรำกลางทุ่ง
นายเล็กยืนดูอย่างตั้งใจ แสงไฟนั่นค่อยๆ เคลื่อนที่เหมือนมีชีวิต และทุกครั้งที่มันส่องสว่าง เขารู้สึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจ้องมองเขากลับมา หัวใจของเขาเริ่มเต้นแรงเมื่อแสงไฟนั้นสว่างขึ้นจนเห็นชัดเจน มันดูไม่ใช่แค่แสงไฟธรรมดา แต่เป็นดวงไฟที่เคลื่อนไหวอย่างอิสระ แสงสีแดงนั้นทำให้เขาขนลุกซู่และรู้สึกถึงความหนาวเย็นแปลกๆ ที่แล่นเข้ามาจับใจ
นายเล็กรีบกลับเข้ามาในบ้าน ปิดประตูอย่างรวดเร็ว ใจของเขายังคงเต้นรัวไม่หยุด ภาพแสงไฟนั้นยังติดตา เขาเริ่มเชื่อว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่แค่แสงไฟปกติ แต่คือสิ่งที่คนในหมู่บ้านต่างกลัวกันมานาน—ผีโพงที่ออกหากินในยามค่ำคืน ทิ้งความลึกลับและความสยองขวัญไว้กลางทุ่งที่เคยสงบสุข
คืนนี้จะเป็นอีกคืนหนึ่งที่เขาไม่มีวันลืม...
ตอนที่ 2: ความลับของคนในหมู่บ้าน
เช้าวันใหม่ที่หมู่บ้านหนองผีหลอก บรรยากาศยังคงมืดครึ้มด้วยหมอกบางๆ จากฝนที่เพิ่งตกเมื่อค่ำคืน ชาวบ้านเริ่มออกไปทำไร่ทำนากันตั้งแต่เช้าตรู่ แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกแปลกประหลาดคือซากกบและเขียดที่ถูกทิ้งเกลื่อนอยู่ตามข้างทาง ซากเหล่านี้มีแต่รอยกัดและรอยดูดเลือดที่น่าขนลุก เหลือเพียงหนังที่ยับย่นและกระดูกที่เปราะบาง ความรู้สึกสยองขวัญแผ่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน เมื่อไม่มีใครกล้ายืนยันว่าเกิดจากสัตว์ชนิดใดกันแน่
นายคำ ชายสูงอายุผู้รู้ทุกความเป็นไปในหมู่บ้าน เดินผ่านทุ่งนาพร้อมคันไถของเขา แต่เช้านี้เขาสังเกตเห็นบางอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน นายบุญ ชายหนุ่มที่มักกลับบ้านดึกดื่น เดินกลับบ้านตอนรุ่งเช้าโดยที่เสื้อผ้าเปื้อนดินโคลน และดูเหน็ดเหนื่อยเหมือนคนที่ไม่ได้หลับนอน นายคำพยายามจ้องมองใบหน้าของนายบุญให้ชัดเจนขึ้น เขาสังเกตเห็นว่าผิวของนายบุญเหลืองซีดผิดปกติ จมูกแดงก่ำ และขนตาสั้นกว่าเดิม เหมือนกับมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป
ชาวบ้านเริ่มพูดคุยกันถึงความแปลกประหลาดนี้ ต่างคนต่างสงสัยว่าใครอาจเป็นผีโพงในหมู่บ้าน บ้างก็บอกว่าเห็นชายคนหนึ่งเดินกลับบ้านตอนเช้าตรู่พร้อมเสื้อผ้าที่เปื้อนโคลน ทั้งๆ ที่เขาออกไปเพียงเพื่อดูทุ่งนาในตอนเย็น บ้างก็เล่าว่าคนในบ้านไม่รู้ว่าพวกเขาออกไปทำอะไรกันในตอนกลางคืน ยิ่งได้ยินก็ยิ่งทำให้ทุกคนในหมู่บ้านเกิดความระแวงและหวาดกลัวกันเอง
นายบุญเองเริ่มรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องเขาทุกครั้งที่เดินผ่าน เขาพยายามทำตัวปกติ แต่ยิ่งเขาพยายามปิดบังความลับของตัวเอง คนในหมู่บ้านก็ยิ่งมองว่าเขามีท่าทีแปลกไป หญิงชราคนหนึ่งในหมู่บ้านสังเกตเห็นว่า นายบุญมักจะไม่อยู่บ้านตอนกลางคืน และทุกครั้งที่กลับมา เสื้อผ้าของเขาจะเต็มไปด้วยคราบโคลนและกลิ่นเหม็นคาวที่ไม่อาจบรรยายได้
“ผีโพงมันไม่รู้ตัวหรอก ว่าตัวเองเป็นผีตอนที่มันออกหากิน” คำพูดของลุงเที่ยงลอยขึ้นมาในหัวของนายคำ เขาเริ่มสงสัยว่าบางทีนายบุญอาจจะเป็นมากกว่าชายหนุ่มธรรมดา และอาจเป็นคนที่ต้องคำสาปกลายเป็นผีโพงโดยไม่รู้ตัว
ชาวบ้านเริ่มมองหาสัญญาณอื่นๆ ที่อาจบอกได้ว่าใครเป็นผีโพง พวกเขาจับตาดูคนที่มีพฤติกรรมแปลกๆ ผู้ชายที่กลับบ้านดึก ผู้หญิงที่ดูเหมือนเหนื่อยล้ากว่าปกติ และคนที่มีผิวเหลืองซีดอย่างเห็นได้ชัด หลายคนเริ่มตั้งคำถามในใจว่าในหมู่บ้านของพวกเขานั้น ใครกันแน่ที่กำลังซ่อนความลับน่าสะพรึงกลัวอยู่ภายใต้แสงไฟริบหรี่ของดวงไฟกลางทุ่งที่สว่างขึ้นทุกค่ำคืน
บรรยากาศในหมู่บ้านเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อความลับที่ถูกปิดซ่อนไว้เริ่มเผยออกมาทีละน้อย ใครจะเป็นผู้เผชิญหน้ากับผีโพง และใครจะเป็นคนกล้าที่จะทักถามถึงตัวตนที่แท้จริงของสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเงามืดของคืนฝนพรำนี้...
ตอนที่ 3: การเผชิญหน้ากับผีโพง
ข่าวลือเกี่ยวกับผีโพงในหมู่บ้านหนองผีหลอกยิ่งแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านต่างหวาดกลัวและระแวงซึ่งกันและกัน ไม่เพียงแค่ซากกบและเขียดที่ถูกกินจนเหลือแต่ซากเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องเล่าถึงเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นยามค่ำคืน แสงไฟริบหรี่สีแดงที่คอยส่องแสงอยู่กลางทุ่งนาก็ยิ่งทำให้ทุกคนหลอนประสาทเข้าไปอีก
ในค่ำคืนหนึ่ง ท่ามกลางเสียงฝนที่ตกกระหน่ำ นายคำ ชายสูงอายุผู้เป็นเสาหลักของหมู่บ้าน ได้เรียกชาวบ้านมารวมตัวกันที่ศาลากลางหมู่บ้าน พวกเขาตัดสินใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องหาคำตอบว่าใครกันแน่ที่เป็นผีโพง นายคำได้เสนอวิธีทดสอบที่สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ คือการใช้ไม้คานแม่ม่ายที่ผัวตาย ซึ่งเชื่อกันว่ามีพลังพิเศษที่จะเปิดเผยตัวตนของผีโพงได้
เมื่อคำพูดของนายคำจบลง ชาวบ้านต่างพยักหน้าด้วยความเห็นชอบ พวกเขาจึงเตรียมการพิธีโดยนำไม้คานแม่ม่ายออกมาวางไว้กลางศาลา พร้อมจุดไฟเผาไม้นั้นจนมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านตามขั้นตอนความเชื่อ ทุกคนเฝ้ารออย่างตื่นเต้นและหวาดกลัว เพราะการเผาไม้คานนี้เป็นเหมือนคำท้าทายให้ผีโพงเผยตัวออกมา
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากพิธีเผาไม้คาน ชาวบ้านก็แยกย้ายกันกลับบ้านด้วยหัวใจที่ยังไม่สงบดี ทว่าช่วงรุ่งเช้าของวันใหม่ ในขณะที่หมู่บ้านยังคงเงียบสงบ มีชายคนหนึ่งเดินตรงมายังศาลากลางหมู่บ้าน ชายคนนั้นคือ นายบุญ ที่ชาวบ้านต่างสงสัยในพฤติกรรมแปลกๆ ของเขามานาน เขามองไปที่เถ้าถ่านของไม้คานแล้วเอ่ยปากขอยืมไม้คานจากนายคำ เสียงของเขาเย็นเยียบและไม่มั่นคง
นายคำและชาวบ้านคนอื่นๆ ต่างจับจ้องมองนายบุญด้วยความตกใจและหวาดกลัว เพราะคำขอของเขายิ่งทำให้ทุกคนมั่นใจว่าเขาคือผีโพงที่พวกเขาสงสัย นายคำพยายามควบคุมสติและยื่นไม้คานที่เหลือเพียงเถ้าให้นายบุญ พอรับไป นายบุญเดินออกไปโดยไม่หันมามองใคร ทิ้งให้ชาวบ้านยืนอึ้งด้วยความหวาดกลัวและไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
หลังจากนายบุญจากไป เสียงกระซิบกระซาบและการพูดคุยกันด้วยความหวาดกลัวดังขึ้นภายในศาลา ทุกคนรู้ดีว่าเมื่อผีโพงได้ไม้คานนั้น มันจะพุ่งข้ามหลังคาบ้านของคนที่เป็นเจ้าของพิธี และจะทำให้เกิดความเจ็บป่วยและภัยพิบัติแก่ครอบครัวนั้น ชาวบ้านไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป เมื่อคำสาปของผีโพงที่เคยได้ยินจากคนเฒ่าคนแก่ได้กลายมาเป็นความจริงตรงหน้าพวกเขา
ความตื่นเต้นและความหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน ทุกคนต่างเฝ้าระวังและพยายามหลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้บ้านของนายบุญ ในใจลึกๆ พวกเขาได้แต่หวังว่าการเผชิญหน้ากับผีโพงในครั้งนี้จะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายไปมากกว่านี้ แต่เมื่อความจริงได้เปิดเผยแล้ว ความกลัวที่เก็บงำไว้นั้นจะยังคงตามหลอกหลอนชาวบ้านไปอีกนานเท่านาน...
ตอนที่ 4: การคุกคามของผีโพง
หลังจากเหตุการณ์ที่นายบุญเปิดเผยตัวตนออกมาโดยไม่ตั้งใจ ความสงสัยของชาวบ้านหนองผีหลอกก็ถูกแทนที่ด้วยความหวาดกลัวอย่างล้นพ้น ชาวบ้านต่างพากันหวาดผวา ทุกคนพูดถึงผีโพงที่คอยออกหากินยามค่ำคืนและแสงไฟสีแดงริบหรี่ที่มักปรากฏอยู่กลางทุ่ง แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เพียงแค่ตำนานเล่าขานอีกต่อไป เพราะผีโพงได้กลายมาเป็นภัยอันแท้จริงที่ทำร้ายชีวิตพวกเขาแล้ว
หลังจากการเผชิญหน้ากับนายบุญในพิธีเผาไม้คานแม่ม่าย เหตุการณ์ประหลาดก็เริ่มเกิดขึ้นภายในหมู่บ้าน ผู้คนเริ่มล้มป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ มีไข้สูง บางคนก็เกิดอาการอ่อนเพลียและล้มหมอนนอนเสื่ออย่างฉับพลัน โดยเฉพาะครอบครัวของผู้ที่เข้าร่วมพิธีเผาไม้คาน ทุกคนล้วนประสบกับเหตุการณ์ประหลาดนี้เป็นรายแรกๆ ข่าวลือว่าเป็นฝีมือของผีโพงยิ่งแพร่สะพัดไปทั่วทั้งหมู่บ้าน
คืนหนึ่ง ในขณะที่ทุกคนกำลังนอนหลับ เสียงดังเปรี๊ยะคล้ายบางสิ่งถูกขว้างผ่านหลังคาบ้านก็ดังขึ้นกลางดึก นายทอง ผู้เข้าร่วมพิธีเผาไม้คาน รู้สึกตัวสะดุ้งตื่น เขารีบลุกขึ้นมาดู เห็นว่าก้านกล้วยที่ถูกตัดใบออกหมดถูกโยนข้ามหลังคามาอย่างน่ากลัว ตามความเชื่อของหมู่บ้านนี่เป็นการกระทำของผีโพงที่กำลังโกรธแค้น สิ่งนี้ไม่ได้เพียงแค่ทำให้เกิดความตกใจเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณของภัยร้ายที่กำลังจะมาเยือนครอบครัวของนายทอง
ไม่กี่วันถัดมา นายทองและครอบครัวเริ่มล้มป่วยลงทีละคน เริ่มจากลูกสาวคนเล็กที่มีไข้สูง พูดเพ้อเจ้อถึงแสงไฟริบหรี่กลางทุ่งและเสียงแปลกประหลาดที่ได้ยินยามค่ำคืน ตามมาด้วยภรรยาของเขาที่เกิดอาการคลื่นไส้และปวดศีรษะอย่างรุนแรง ทุกคนในบ้านดูซีดเซียวและอ่อนแรงเหมือนถูกบางสิ่งดูดกลืนพลังชีวิตไป นายทองรู้สึกเหมือนถูกบีบคั้นด้วยความหวาดกลัวและความโกรธที่ทำอะไรไม่ได้
ในค่ำคืนที่ฝนตกหนัก ชาวบ้านหลายคนต่างหวาดกลัวเกินกว่าจะออกจากบ้าน พวกเขาปิดประตูหน้าต่างอย่างแน่นหนา พยายามไม่ให้แสงไฟในบ้านเล็ดลอดออกไป นายคำนึงถึงคำเตือนที่เคยได้ยินจากคนเฒ่าคนแก่ ว่าหากเห็นผีโพงอย่าส่งเสียงดัง ไม่เช่นนั้นมันจะขว้างก้านกล้วยข้ามหลังคาบ้าน เขาจึงเลือกที่จะนั่งเงียบๆ ราวกับพยายามหลบซ่อนตัวจากภัยร้ายที่เขามองไม่เห็น
อย่างไรก็ตาม การเก็บตัวและความเงียบไม่ได้ช่วยอะไร เมื่อคืนนั้นเอง ก้านกล้วยก็ถูกโยนข้ามหลังคาบ้านนายคำไปอีกหลัง ทำให้ภรรยาของเขาป่วยไข้หนัก ความหวาดกลัวและความหวาดระแวงเริ่มครอบงำจิตใจของชาวบ้านอย่างหนัก ทุกคนเริ่มสงสัยว่าเมื่อไรผีโพงจะกลับมาโจมตีอีก
ชาวบ้านหนองผีหลอกไม่เพียงแค่ต้องเผชิญกับผีโพงในยามค่ำคืน แต่ยังต้องต่อสู้กับความหวาดกลัวที่คอยกัดกินจิตใจ ไม่มีใครกล้าออกจากบ้านยามค่ำคืนอีกต่อไป หมู่บ้านที่เคยสงบสุขกลับกลายเป็นดินแดนที่ทุกคนต่างหวาดระแวงต่อกัน มันไม่ใช่แค่ผีโพงที่เป็นภัยร้าย แต่ความกลัวที่มันสร้างขึ้นมาได้คืบคลานเข้าสู่ทุกมุมมืดของหมู่บ้านนี้แล้ว...
ตอนที่ 5: การล่มสลายของผีโพง
ความหวาดกลัวที่แผ่ขยายไปทั่วหมู่บ้านหนองผีหลอกทำให้ทุกคนแทบไม่กล้าออกจากบ้านยามค่ำคืน ทุกครอบครัวต่างปิดประตูแน่นหนาและหวังว่าจะรอดพ้นจากเงื้อมมือของผีโพงซึ่งคอยคุกคามอย่างไม่หยุดยั้ง แต่ในที่สุด ชาวบ้านเริ่มตระหนักว่า การหนีซ่อนตัวไม่ใช่ทางออก พวกเขาจำเป็นต้องหาวิธีหยุดยั้งผีโพงให้ได้ ก่อนที่มันจะทำลายชีวิตทุกคนอย่างสิ้นเชิง
นายทอง ผู้เคยประสบเหตุการณ์ก้านกล้วยขว้างข้ามหลังคาบ้าน รวบรวมความกล้าและเรียกประชุมชาวบ้าน ทุกคนต่างแสดงความเห็นและเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไรจนกระทั่งนายบุญ ผู้เคยถูกเปิดเผยว่าเป็นผีโพง เริ่มแสดงท่าทีไม่เหมือนเดิม เขาเริ่มหลีกเลี่ยงผู้คน และมีอาการอ่อนล้าราวกับคนที่ถูกบางสิ่งดึงดูดพลังชีวิตออกไป
ชาวบ้านบางคนเสนอแผนพิสูจน์ตัวตนผีโพงในขณะที่มันออกหากิน ช่วงดึกที่ฝนโปรยปราย ชาวบ้านบางส่วนที่ยังคงกล้าเสี่ยงออกไปซ่อนตัวอยู่ตามมุมมืดเพื่อสังเกตการณ์ เมื่อแสงไฟสีแดงริบหรี่ปรากฏกลางทุ่งนา พวกเขารู้ทันทีว่านั่นคือผีโพง พวกเขาตัดสินใจจะทักผีโพงตามความเชื่อที่ได้ยินมาตั้งแต่เด็กว่าหากทักมัน มันจะตระหนักในสิ่งที่ตนเป็น
เมื่อถึงเวลาที่แสงไฟริบหรี่เข้าใกล้มากขึ้น เสียงของนายคำนึง หนึ่งในชาวบ้านผู้กล้าหาญดังขึ้นอย่างเฉียบขาด “นายบุญ! นั่นใช่นายหรือเปล่า?” คำพูดของเขาเหมือนกระแทกลงไปในความมืด เสียงเงียบสงัดลงชั่วขณะ แสงไฟสั่นไหว และหยุดนิ่งกลางทุ่ง นายนั้นชะงักไป ราวกับรับรู้ความจริงที่ซ่อนอยู่ในตัวเขามานาน
ผีโพงหยุดการเคลื่อนไหว มันไม่ได้หายตัวไปไหน แต่แสงไฟจากจมูกค่อยๆ มอดดับลง เผยให้เห็นร่างของนายบุญ ยืนอย่างเหม่อลอยอยู่กลางทุ่ง ในดวงตาของเขามีแต่ความสับสนและสิ้นหวัง เขาไม่เคยรู้สึกตัวในสิ่งที่ตนทำมาตลอด เมื่อถูกทัก นายบุญตระหนักถึงความจริงว่าเขาคือผีโพงมาตลอด ชายผู้ไม่เคยรู้ตัวเลยว่าในยามค่ำคืน เขาได้กลายเป็นผีที่ออกล่าและสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คนในหมู่บ้าน
รุ่งเช้าวันถัดมา นายบุญล้มป่วยลงอย่างหนัก เขาดูอ่อนแรงและซีดเซียวราวกับถูกดูดกลืนไปทั้งชีวิต ไม่มีใครรู้ว่าเขาป่วยเป็นอะไร แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่ามันเป็นผลจากการถูกเปิดเผยตัวตนในคืนที่ผ่านมา เพียงแค่หนึ่งวันหลังจากถูกทัก นายบุญก็เสียชีวิตลงอย่างสงบ ชาวบ้านยืนล้อมอยู่รอบๆ ร่างของเขา เฝ้ามองด้วยความสงสารและกลัวในสิ่งที่พวกเขาได้ทำ
หลังการตายของนายบุญ หมู่บ้านหนองผีหลอกกลับสู่ความสงบอีกครั้ง ไม่มีแสงไฟริบหรี่กลางทุ่ง ไม่มีเสียงลึกลับในยามค่ำคืน ชาวบ้านค่อยๆ กลับมาดำเนินชีวิตตามปกติ แต่รอยแผลในใจของทุกคนยังคงหลงเหลือ ความหวาดกลัวต่อผีโพงยังคงอยู่ในเรื่องเล่าที่สืบทอดกันไปจากรุ่นสู่รุ่น ชาวบ้านต่างเตือนกันว่าอย่าได้ข้องแวะกับศาสตร์มืด และอย่าประมาทในตำนานที่เล่าขานมานาน เพราะไม่ว่าอย่างไร ผีโพงอาจเกิดขึ้นใหม่เมื่อใดก็ได้ในที่แห่งนี้...
เสียงลมพัดผ่านทุ่งกว้างในคืนฝนพรำ ชาวบ้านต่างหวาดระแวงแสงไฟที่อาจปรากฏขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าเรื่องราวของผีโพงจะจบลงแล้ว แต่ความกลัวยังคงอยู่ และตำนานนี้จะไม่มีวันถูกลืมในหมู่บ้านหนองผีหลอก...
โฆษณา