26 ก.ย. เวลา 14:06 • นิยาย เรื่องสั้น

ผีกระสือท้ายหมู่บ้าน

ตอนที่ 1: บ้านผู้มีอิทธิพล
ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกยามเช้า มีบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่บนเนินสูง บ้านหลังนี้ใหญ่โต โดดเด่น และเงียบสงัดจนชาวบ้านพากันหวาดหวั่น มันเป็นบ้านของ "แม่เลื่อน" ผู้มีอิทธิพลแห่งหมู่บ้าน ชาวบ้านต่างเกรงกลัวเธอไม่เพียงเพราะฐานะที่มั่งคั่ง แต่เพราะพลังไสยเวทดำที่เธอครอบครอง ตระกูลของแม่เลื่อนสืบทอดวิชาลึกลับนี้จากบรรพบุรุษมาหลายชั่วอายุคน วิชาที่เต็มไปด้วยพลังลึกลับและอันตรายที่ไม่ควรถูกยุ่งเกี่ยว
รอบๆ บ้านของแม่เลื่อนเต็มไปด้วยต้นไม้หนาทึบ ราวกับเป็นกำแพงที่กั้นคนภายนอกไม่ให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน ทว่าในทุกค่ำคืน ชาวบ้านต่างรู้สึกได้ถึงบางสิ่งผิดปกติ ไฟสีแดงที่บางครั้งลอยผ่านหน้าต่างบ้าน หรือเสียงกระซิบที่แว่วออกมาในยามดึก ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้บ้านแม่เลื่อนเป็นที่หวาดผวาของชาวบ้าน
ในค่ำคืนที่หมอกหนาปกคลุมหมู่บ้าน แม่เลื่อนกำลังเตรียมตัวสำหรับพิธีกรรมที่อันตรายและลึกลับยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เธอนั่งอยู่หน้าหิ้งบูชา หิ้งนั้นเต็มไปด้วยเครื่องเซ่นไหว้ที่บูชาเทพเงามืด เทียนไขสีดำถูกจุดเรียงรายอยู่ด้านหน้า แสงไฟของมันสั่นไหวเบาๆ ราวกับหวาดกลัวต่อพลังที่กำลังจะถูกปลดปล่อย ในมือของแม่เลื่อนถือภาพของหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายที่ตกเป็นเป้าหมายในคืนนี้
"แพง" คือหญิงสาวที่โชคร้ายต้องพบกับความอิจฉาริษยาของแม่เลื่อน แม้ว่าแพงจะเป็นที่รักของคนในหมู่บ้าน แต่กลับเป็นที่อิจฉาของแม่เลื่อนที่เห็นว่าความงามและความนิยมชมชอบของแพงเป็นภัยต่ออำนาจของตน คืนนี้ แม่เลื่อนตั้งใจจะสาปแช่งแพงด้วยคาถาทำลายชีวิต เพื่อให้หญิงสาวผู้นี้ต้องพบกับจุดจบที่น่าสยดสยอง
แม่เลื่อนเริ่มท่องคาถาด้วยเสียงต่ำและเข้มขลัง คาถาที่สืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น เริ่มปลดปล่อยพลังไสยเวทที่มืดมิดไปทั่วห้อง เสียงสวดมนตร์ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ในทันใดนั้นเอง สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เทียนที่จุดไว้อย่างมั่นคงเริ่มดับลงทีละเล่ม ลมหนาวพัดเข้ามาอย่างรุนแรงจนประตูหน้าต่างสั่นกระแทกดังลั่น แสงไฟสลัวในห้องสั่นไหวรุนแรงขึ้น แม่เลื่อนหยุดชะงัก ขนลุกไปทั่วร่าง ความรู้สึกแปลกประหลาดค่อยๆ แผ่ซ่านเข้ามา
แม้จะพยายามฝืนสวดต่อ แต่เสียงคาถาของเธอกลับสั่นสะท้าน หัวใจเต้นแรงราวกับกำลังถูกบีบ ทุกสิ่งรอบตัวเริ่มหมุนวน แสงไฟที่เคยเป็นเครื่องมือแห่งพลังกลับหายไปเหลือเพียงความมืดมิด แม่เลื่อนรับรู้ถึงพลังที่เธอไม่อาจควบคุมได้ และในความเงียบนั้น เสียงกระซิบที่แผ่วเบาดังขึ้นจากทุกทิศทาง "...ของ...เข้าตัว..."
เสียงนั้นค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จนแม่เลื่อนรู้สึกถึงพลังที่แผ่ซ่านเข้าสู่ร่างกายของเธออย่างชัดเจน ทุกอย่างหยุดลงในทันที ความมืดปกคลุม เธอรู้แล้วว่า เวรกรรมเริ่มย้อนกลับสู่ตัวเองแล้ว
ตอนที่ 2: ของเข้าตัว
หลังจากคืนนั้นที่พิธีสาปแช่งเกิดความผิดพลาด แม่เลื่อนยังคงใช้ชีวิตตามปกติภายนอก แต่ภายในจิตใจกลับไม่เหมือนเดิม เธอรู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายของตัวเอง ความรู้สึกไม่สบายกายเริ่มเกิดขึ้นโดยไม่มีสาเหตุ ทั้งๆ ที่เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไสยเวท และเคยมั่นใจในพลังของตนเองเสมอ ทว่าในช่วงหลายวันมานี้ ความรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยที่เธอมองข้าม เริ่มเปลี่ยนเป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจทนทานได้
กลางคืนหลังจากพิธีในคืนนั้น แม่เลื่อนเริ่มฝันถึงสิ่งที่น่ากลัว ในฝันนั้นเธอมักเห็นวิญญาณร้ายโผล่ขึ้นมาจากเงามืด พวกมันมีใบหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาแดงก่ำจับจ้องเธอด้วยความเคียดแค้น และทุกคืนภาพเหล่านั้นก็ดูชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งเธอเห็นภาพของหญิงสาวที่เธอพยายามสาปแช่ง "แพง" ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ร่างของแพงผอมแห้งและเต็มไปด้วยบาดแผล ทว่าในสายตาของแพงกลับไม่แสดงความกลัวหรือเจ็บปวด แต่กลับเป็นสายตาแห่งการแก้แค้น
แม่เลื่อนตื่นขึ้นมากลางดึกบ่อยครั้ง เหงื่อไหลซึมเต็มหน้า แม้จะพยายามปลอบตัวเองว่าเป็นเพียงแค่ฝันร้าย แต่ความรู้สึกไม่สบายใจนั้นกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เธอเริ่มมองเห็นเงาทึบที่ไม่ชัดเจนขยับไปมาในมุมห้อง สายตาของเธอไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดได้นาน ทุกครั้งที่เธอมองกระจกเงา เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ด้านหลังตลอดเวลา ราวกับว่ามันกำลังจ้องมองเธอและรอคอยอะไรบางอย่าง
คืนหนึ่ง ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงัด แม่เลื่อนล้มตัวลงนอนหลังจากฝันร้ายอีกครั้ง คราวนี้ร่างกายของเธอรู้สึกหนักอึ้งและไร้เรี่ยวแรง หัวใจของเธอเต้นช้าลงราวกับมันกำลังจะหยุด แต่ขณะนั้นเอง ความรู้สึกเบาหวิวก็เกิดขึ้น เธอพยายามลืมตาขึ้นมอง และพบว่าร่างกายของเธอยังคงนอนอยู่บนเตียง แต่เธอกลับรู้สึกว่าหัวของตัวเองเริ่มแยกออกจากลำตัว
ความกลัวและความตื่นตระหนกท่วมท้น แต่แม่เลื่อนไม่สามารถกรีดร้องได้ เธอรับรู้ถึงความเบาหวิวในศีรษะ ขณะที่มันค่อยๆ ลอยขึ้นจากร่างกาย ไฟสีแดงเริ่มส่องสว่างรอบศีรษะของเธอ ลุกลามเป็นเปลวไฟที่เผาผลาญตัวเอง ร่างกายของแม่เลื่อนคงนิ่งสนิทบนเตียง ขณะที่ศีรษะของเธอลอยขึ้นไป พร้อมกับเห็นอวัยวะภายในที่ห้อยระโยงระยางตามติดมากับศีรษะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิด
แม่เลื่อนกลายเป็น "กระสือ" โดยสมบูรณ์ในคืนนั้น หัวของเธอลอยออกจากบ้านท่ามกลางความมืดมิด เปลวไฟสีแดงที่ลุกโชติช่วงทำให้หมู่บ้านต้องสะดุ้งตื่น ผู้คนต่างหวาดกลัวเมื่อเห็นแสงสว่างที่เคยเป็นลางบอกเหตุของความตายลอยอยู่รอบบ้านแม่เลื่อน ไฟนั้นลุกลามไปทั่วหมู่บ้าน เหมือนกับมันกำลังประกาศตัวตนใหม่ของแม่เลื่อน—ผีกระสือที่สาปแช่งตัวเองด้วยพลังของไสยเวท
ตอนที่ 3: เผยตัวผี
ข่าวลือเกี่ยวกับไฟประหลาดที่ลอยวนอยู่ท้ายหมู่บ้านแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านเริ่มพูดถึงมันในทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นที่ตลาดหรือในทุ่งนา บางคนบอกว่าเห็นแสงไฟสีแดงลอยต่ำๆ คล้ายกับโคมไฟ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้พอที่จะดูให้แน่ชัด ทุกคนต่างรู้สึกหวาดกลัว โดยเฉพาะเมื่อเริ่มมีเสียงกระซิบถึงสิ่งที่คนเฒ่าคนแก่เคยเตือน—"กระสือ"
ในคืนที่แสงไฟแดงเริ่มปรากฏบ่อยขึ้น ชาวบ้านต่างปิดประตูหน้าต่างตั้งแต่หัวค่ำ ไม่กล้าออกจากบ้าน ยกเว้นเพียงกลุ่มคนที่ตัดสินใจรวมตัวกันเพื่อไขปริศนาของไฟลึกลับนี้ พวกเขารวมตัวกันที่ลานหมู่บ้านโดยมีคบไฟอยู่ในมือ หัวหน้าหมู่บ้านยืนอยู่ตรงกลาง แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแต่ก็ปนความมุ่งมั่นที่จะปกป้องชุมชน
"คืนนี้เราจะไปดูให้รู้กันว่ามันคืออะไรกันแน่" หัวหน้าหมู่บ้านพูดขึ้น ขณะที่ชาวบ้านต่างพยักหน้าด้วยความกล้าและความสั่นสะท้านในใจ
กลุ่มชาวบ้านเดินออกไปตามทางที่เล่าลือว่ามีไฟประหลาดปรากฏ เสียงฝีเท้าดังก้องไปในความเงียบ พวกเขามุ่งหน้าไปยังท้ายหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยป่าทึบและพื้นที่เงียบงัน ทุกครั้งที่มีลมพัดผ่าน เสียงต้นไม้ใบหญ้าสั่นสะท้อนกับความหวาดระแวงในจิตใจของพวกเขา
แต่เมื่อไปถึงจุดที่คาดว่าจะพบไฟ ทุกอย่างกลับว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่ร่องรอยใดๆ ของแสงไฟหรือสิ่งลึกลับ ชาวบ้านต่างรู้สึกประหลาดใจและบางคนเริ่มหันกลับ แต่ทันใดนั้นเอง เสียงลมหนาวพัดเข้ามาอย่างแรง พร้อมกับมีแสงไฟสีแดงลอยออกมาจากมุมหนึ่งในป่าทึบ มันเคลื่อนไหวช้าๆ วนไปมา คล้ายกับมีชีวิต
"นั่นไง! แสงนั้น!" ชายคนหนึ่งร้องขึ้นด้วยความตกใจ ทุกคนหยุดนิ่ง คบไฟในมือสั่นไหวเพราะความกลัวที่กำลังถาโถมเข้าใส่พวกเขา
หัวหน้าหมู่บ้านพยายามควบคุมสถานการณ์ "อย่าเพิ่งแตกตื่น เราต้องหาต้นตอของมันให้ได้" เขาสั่งการให้ทุกคนล้อมรอบแสงไฟนั้น แต่ในทันใดที่พวกเขาก้าวเข้าใกล้ แสงไฟก็หายวับไปในความมืด เหลือเพียงความเงียบสงัดและความรู้สึกหวาดหวั่นที่ลึกซึ้งขึ้น
คืนแล้วคืนเล่า แสงไฟประหลาดยังคงปรากฏและหายไปเช่นเดิม ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัวยิ่งขึ้น บางคนเริ่มป่วยไข้เพราะความเครียดและนอนไม่หลับ ความสงสัยค่อยๆ เปลี่ยนเป็นความหวาดกลัวว่าในหมู่บ้านอาจมีบางอย่างที่ไม่ใช่มนุษย์กำลังอาศัยอยู่ร่วมกัน
ขณะที่ชาวบ้านเผชิญกับความกลัวที่เพิ่มขึ้นทุกวัน แม่เลื่อนที่ตอนนี้กลายเป็นกระสือ พยายามหลบซ่อนตัวจากทุกคน ร่างของเธอในเวลากลางวันยังคงเหมือนเดิม แต่ในยามค่ำคืน เมื่อดวงจันทร์ขึ้น ร่างกายของเธอกลับไม่อาจหลีกหนีการเปลี่ยนแปลงที่โหดร้ายได้ หัวของเธอจะลอยออกจากร่าง และเธอจำเป็นต้องล่าหาอาหารที่น่าสยดสยองเพื่อความอยู่รอด ไส้และเครื่องในของสัตว์เป็นสิ่งที่เธอถวิลหา
แม่เลื่อนรู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถซ่อนความจริงได้นาน ขณะที่คนในหมู่บ้านเริ่มสงสัยและมีการพูดถึงกระสือมากขึ้น หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความเศร้าที่เธอกลายเป็นสิ่งที่เธอไม่อาจหนีพ้น แต่ด้วยความลับที่รั่วไหลออกมาเรื่อยๆ การปกปิดตัวตนของเธอกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกวัน
ตอนที่ 4: ความจริงเปิดเผย
ในหมู่บ้านนี้มีชายคนหนึ่งชื่อ "ตาเดช" ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้มีญาณพิเศษมาตั้งแต่เด็ก เขามักสามารถรับรู้ถึงพลังวิญญาณที่ผู้อื่นไม่อาจสัมผัสได้ เมื่อเรื่องไฟประหลาดลอยอยู่ท้ายหมู่บ้านเริ่มเป็นที่พูดถึงและสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน ตาเดชก็เริ่มรู้สึกว่ามีสิ่งชั่วร้ายแฝงตัวอยู่ในหมู่บ้าน และมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือเพียงแค่ลมหนาวที่พัดผ่านยามค่ำคืน เขารู้ว่าสิ่งนี้มีต้นตอมาจากพลังของวิญญาณชั่วร้ายที่เกิดจากการกระทำบางอย่างของมนุษย์
ตาเดชตัดสินใจใช้ความสามารถของตนในการตรวจสอบถึงต้นเหตุของไฟประหลาด เขานั่งสมาธิและปล่อยจิตออกสำรวจพลังงานในหมู่บ้าน กลิ่นอายของวิญญาณชั่วร้ายแรงกล้าลอยออกมาจากท้ายหมู่บ้าน—ที่ตั้งของบ้านแม่เลื่อน หญิงที่ทุกคนต่างเคารพยำเกรง แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางอย่างเกี่ยวกับเธอที่ตาเดชรู้สึกไม่ชอบมาพากล มันเหมือนกับมีบางสิ่งซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากของความเงียบสงบ
เมื่อความสงสัยเริ่มลุกลาม ตาเดชตัดสินใจสืบค้นความจริงด้วยตัวเอง เขาเริ่มสังเกตพฤติกรรมของแม่เลื่อน และพบว่าในเวลากลางวันเธอดูซูบเซียวและเหนื่อยล้าอย่างผิดปกติ แม้จะพยายามปกปิด แต่ก็มีบางสิ่งในสายตาของแม่เลื่อนที่ดูเหมือนจะซ่อนความลับเอาไว้ บ่อยครั้งตาเดชพบเห็นแม่เลื่อนออกจากบ้านในช่วงเวลาค่ำคืนและหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ไม่เคยมีใครกล้าถามหรือสงสัยในตัวเธอ
คืนหนึ่ง ตาเดชตัดสินใจติดตามแม่เลื่อนโดยไม่ให้เธอรู้ตัว เขาแอบซ่อนตัวอยู่ในเงามืดขณะเฝ้าสังเกตการณ์ และสิ่งที่เขาเห็นในคืนนั้นทำให้เขาต้องตกใจ—แม่เลื่อนในร่างของผีกระสือลอยออกจากบ้าน หัวของเธอลอยขึ้นฟ้าไปพร้อมกับเปลวไฟสีแดงที่ส่องสว่าง เหลือเพียงร่างไร้หัวที่นอนอยู่บนเตียง ไส้และเครื่องในที่ติดมากับศีรษะย้อยระโยงระยาง ความน่ากลัวของภาพนี้ทำให้ตาเดชแทบหยุดหายใจ แต่เขารู้ว่านี่คือคำตอบของทุกอย่าง
วันรุ่งขึ้น ตาเดชจึงเรียกชาวบ้านมาประชุมที่ลานหมู่บ้าน เขาเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ได้เห็นด้วยความเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนค้นพบ ทุกคนเงียบงัน ไม่เชื่อหูตัวเองในตอนแรก แต่ด้วยชื่อเสียงของตาเดชในฐานะผู้มีญาณพิเศษ ทำให้ชาวบ้านเริ่มพิจารณาคำพูดของเขาอย่างจริงจัง บางคนรู้สึกว่าเรื่องที่เล่ามาเชื่อมโยงกับสิ่งที่พวกเขาเคยเห็นกับตา ทั้งไฟสีแดงในคืนมืดและพฤติกรรมแปลกๆ ของแม่เลื่อนในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
"กระสือท้ายหมู่บ้านก็คือแม่เลื่อน!" ตาเดชประกาศออกมาเสียงดัง ชาวบ้านต่างตะลึงงัน แต่เสียงกระซิบกระซาบเริ่มดังขึ้นทั่วลาน บางคนไม่เชื่อ แต่บางคนก็เริ่มกลัวและสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านของพวกเขา
"แม่เลื่อนเป็นกระสือได้ยังไง? เธอไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา แต่เป็นผู้มีวิชา!" เสียงหนึ่งจากฝูงชนดังขึ้น แต่ตาเดชอธิบายว่าการเล่นไสยเวทนั้นอาจย้อนกลับมาทำลายผู้ที่ใช้มันโดยไม่ระวัง การสาปแช่งคนอื่นอาจเป็นบาปที่ส่งผลให้แม่เลื่อนกลายเป็นผีกระสือ ซึ่งเป็นผลของการกระทำอันผิดศีลธรรม
เมื่อข่าวแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้าน ความกลัวและความโกรธเกรี้ยวเริ่มก่อตัวขึ้น ชาวบ้านที่เคยเคารพนับถือแม่เลื่อนเริ่มเปลี่ยนใจ พวกเขาไม่เพียงแต่กลัวในสิ่งที่แม่เลื่อนกลายเป็น แต่ยังโกรธที่เธอใช้ไสยเวทเพื่อสาปแช่งผู้อื่นและนำความวิบัติมาสู่หมู่บ้าน บางคนเรียกร้องให้เผาบ้านแม่เลื่อน ในขณะที่บางคนหวังให้มีการจัดพิธีไล่ผีหรือหาวิธีทำลายกระสือ เพื่อไม่ให้มันทำร้ายใครอีก
ชาวบ้านที่เคยรักและเคารพในตัวแม่เลื่อนกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความเกลียดชัง การเปิดโปงของตาเดชได้เผยความจริงที่ไม่มีใครกล้าเผชิญมาก่อน
ตอนที่ 5: เวรกรรมคืนสนอง
หลังจากที่ความจริงถูกเปิดเผย ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างรู้สึกผสมปนเประหว่างความโกรธ ความหวาดกลัว และความเศร้าสลดต่อชะตากรรมของแม่เลื่อน หญิงผู้เคยเป็นที่เคารพและเกรงกลัวในหมู่บ้านกลับกลายเป็นปีศาจร้าย พวกเขาตัดสินใจว่าต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อปกป้องหมู่บ้านจากวิญญาณชั่วร้ายและเวรกรรมที่เกิดขึ้น ทุกคนเห็นพ้องกันว่าควรจะจ้างหมอผีผู้มีความสามารถในการปราบผีมาขับไล่กระสือออกจากหมู่บ้าน
วันหนึ่ง ชาวบ้านรวมตัวกันไปพบ "ตาแสง" หมอผีผู้มีชื่อเสียงในแถบนี้ เขาเป็นผู้ที่มีวิชาขับไล่ผีและปัดเป่าวิญญาณชั่วร้าย ตาแสงเดินทางมาถึงหมู่บ้านด้วยท่าทางสุขุมและเงียบขรึม สายตาของเขามองไปยังทุกมุมของหมู่บ้านราวกับสามารถมองทะลุผ่านความมืดมิดไปเห็นสิ่งชั่วร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ ทันทีที่ตาแสงมาถึง เขาก็เริ่มพิธีการปราบกระสือโดยไม่รอช้า
เมื่อถึงคืนที่ดวงจันทร์เต็มดวง—คืนที่วิญญาณของแม่เลื่อนจะแปรสภาพเป็นกระสืออีกครั้ง ชาวบ้านรวมตัวกันอยู่รอบๆ ลานหมู่บ้าน ตาแสงจุดไฟในถาดที่เต็มไปด้วยสมุนไพรและของขลังต่างๆ ควันสีขาวหนาลอยขึ้นฟ้า ตาแสงสวดมนต์เป็นภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ ขณะที่ชาวบ้านมองด้วยความหวาดกลัวและคาดหวัง
แม่เลื่อนในร่างของกระสือลอยออกจากบ้านเหมือนทุกคืน หัวของเธอพุ่งสูงขึ้นในอากาศ ไส้และเครื่องในห้อยย้อยลงมาจากลำคอ แสงไฟสีแดงที่ลุกลามไปทั่วร่างทำให้เธอดูน่ากลัวและน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าที่เคย ชาวบ้านที่เคยเห็นแต่ไกล ตอนนี้ได้มองเห็นกระสือตัวจริงต่อหน้า แสงแดงที่เปล่งออกมาทำให้พวกเขาเย็นวาบทั่วทั้งร่าง
ทันใดนั้น ตาแสงก็ร่ายคาถาสั่งให้กระสือหยุดเคลื่อนไหว แม่เลื่อนในร่างกระสือเริ่มดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่ไม่สามารถต้านทานพลังของคาถาได้ วิญญาณชั่วร้ายในร่างของเธอเริ่มถูกบังคับให้ถอยร่น ไฟสีแดงรอบร่างค่อยๆ จางหายไป ร่างกายของแม่เลื่อนเริ่มสั่นสะท้านและไส้ในร่างของเธอหดกลับเข้ามา เหมือนกับวิญญาณของเธอกำลังถูกขับไล่ออกจากโลกของมนุษย์
ตาแสงกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง "เธอได้สร้างบาปโดยใช้ไสยเวททำร้ายผู้อื่น เวรกรรมที่เธอก่อได้กลับคืนสนอง บัดนี้เธอไม่อาจกลับสู่ร่างมนุษย์ได้อีกต่อไป"
แม่เลื่อนในร่างของกระสือหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดและทรมาน ก่อนที่แสงไฟในตัวเธอจะค่อยๆ ดับลง ตาแสงใช้คาถาขับไล่กระสือออกจากหมู่บ้านไปสู่ป่าลึก ร่างของ
เธอลอยหายไปในความมืด ไม่มีใครเห็นเธออีกเลย หมู่บ้านกลับคืนสู่ความสงบ แต่อย่างไรก็ตาม ร่องรอยของความกลัวและความเศร้าสลดยังคงอยู่ในใจของทุกคน
เรื่องราวของแม่เลื่อนที่กลายเป็นกระสือแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านและกลายเป็นตำนานที่สืบต่อกันมา เป็นคำเตือนแก่คนรุ่นหลังถึงผลของการใช้ไสยเวทในทางที่ผิด และการปล่อยให้ความโลภเข้าครอบงำ ชาวบ้านทุกคนเรียนรู้ว่าเวรกรรมที่เกิดขึ้นนั้นไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ สิ่งที่แม่เลื่อนเคยทำกับคนอื่น สุดท้ายแล้วก็กลับมาทำลายเธอเอง
นับแต่นั้นมา ไม่มีใครในหมู่บ้านกล้ายุ่งเกี่ยวกับไสยเวทอีกเลย และทุกครั้งที่มีคนเดินผ่านป่าลึกท้ายหมู่บ้าน พวกเขามักจะได้ยินเสียงกระซิบจากลมหนาว ราวกับเป็นเสียงของแม่เลื่อนที่ยังคงวนเวียนอยู่ในความมืดมิด
#ตำนานผีไทย #ผีกระสือ #นิทานผี
โฆษณา