29 ก.ย. เวลา 06:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

หอการค้าห่วงค่าบาทแข็งนำภูมิภาค ฉุดความสามารถแข่งขันสินค้าเกษตรไทย

หอการค้าห่วงค่าบาทแข็งนำภูมิภาค ฉุดความสามารถแข่งขันสินค้าเกษตรไทย คาดเงินหมื่นเฟสแรก หนุนจีดีพี 0.2-0.3%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าเร็ว ทำให้ภาคธุรกิจความกังวล และอยากให้ทางการโดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารแห่งประเทศไทย ดูแลค่าเงินบาทอย่าให้แข็งมากไปกว่านี้
โดยภาคเอกชนมองว่า จุดที่จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยแข่งกับนานาชาติได้ คือบาทควรจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับประมาณ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
ม.หอการค้า ห่วงบาทแข็งนำภูมิภาค ฉุดความสามารถแข่งขันสินค้าเกษตรไทย
ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นเร็ว จาก 36 บาทต่อดอลลาร์ มาอยู่ที่ต่ำกว่า 33 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นกว่า 10% เป็นอุปสรรคต่อภาคการส่งออกโดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นสำคัญ ยกตัวอย่าง ข้าวไทยซึ่งตอนนี้ต้องแข่งขันกับเวียดนาม
นายธนวรรธน์ ชี้ว่า ปกติข้าวเวียดนามจะมีราคาต่ำกว่าข้าวไทยประมาณ 50 บาทต่อตัน และตอนนี้เงินดองเวียดนาม แข็งค่าเพียง 3% แต่บาทแข็ง 10-11% ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยจะมีอุปสรรคใหญ่มาก ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด
ปัจจุบันไทยกลายเป็นผู้ส่งออกข้าวเบอร์ 3 ของโลก จากเดิมเคยเป็นเบอร์ 1 เพราะความสามารถในการแข่งขันเราอาจจะต่ำกว่าอินเดียและเวียดนาม ทำให้ข้าวซึ่งเป็นผลผลิตที่น่าจะดีในปีนี้ อาจจะถูกระบายออกไปยังต่างชาติลำบาก รวมถึงอาจจะมีการกดราคา ขณะที่ในประเทศไทยมากกว่า 60 จังหวัดพึ่งพาข้าวเป็นสำคัญในการหารายได้จะยิ่งทำให้กำลังซื้อในประเทศแผ่วลง
ภาคเอกชนจึงมีความกังวลว่าบาทแข็งจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยลดน้อยถอยลง และอาจจะทำให้ส่งออกชะลอตัวลง และอาจต้องดึงราคาสินค้าเกษตรในประเทศลงเพื่อจะตั้งราคาแข่งกับนานาชาติ หากบาทแข็งเร็วเกินไปและมากไปกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนยังมองว่าการส่งออกปีนี้น่าจะขยายตัวได้ 2-2.5% เพราะออเดอร์ที่มีอยู่แล้ว แต่ต้องส่งออกด้วยราคาที่เป็นมูลค่าดอลลาร์ ซึ่งเมื่อแปลงเป็นเงินบาทแล้วจะทำให้เงินสะพัดหรือเงินหมุนเวียนในรูปเงินบาทน้อยลง
นอกจากนี้ นายธนวรรธน์ยังบอกว่าส่วนหนึ่งที่มีการพูดถึงเรื่องลดดอกเบี้ยก็จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยดูแลค่าเงินบาทไม่ให้แข็งเกินไป ขณะที่เศรษฐกิจไทยกำลังจะฟื้น การลดดอกเบี้ยอาจจะเป็นตัวที่ทำให้การเข้าถึงสินเชื่อง่ายขึ้น การขอสินเชื่อคล่องตัวขึ้น ลดปริมาณการเกิดหนี้เสียลงได้ และลดต้นทุนของเอกชน อย่างไรก็ตามเชื่อในการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
คาดเงินหมื่นเฟสแรก หนุนจีดีพี 0.2-0.3%
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและบัตรพิการ 10,000 บาท เฟสแรก ซึ่งมีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และผู้ถือบัตรคนพิการ ได้รับสิทธิ์จำนวน 14.5 ล้านคน มูลค่า 145,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มใช้จ่ายในเดือน ต.ค. 67 คาดว่าจะมีเงินหมุนในระบบ 2-3 รอบ ทำให้จีดีพีปี 67 เพิ่มขึ้น 0.2-0.3% ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยทั้งปี 67 เติบโต 2.6-2.8%
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/economic/233451
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา