27 ก.ย. เวลา 09:01 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

รีวิวหนัง “Extremely wicked, shockingly evil and vile (2019)”

“Our son is the best son in the world”
เป็นประโยคที่แม่ของเท็ด บันดี ให้สัมภาษณ์ไว้
ซึ่งก็เป็นประโยคที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีเวลาฟังข่าว เราจะได้ยินแม่ของอาชญากรพูดบ่อยๆ ว่า “ลูกฉันเป็นเด็กดี”
แต่ใครจะรู้ว่า ลูกของคุณเขาก็มีด้านมืดที่คุณไม่รู้จัก ซึ่งเท็ดก็พูดไว้เองว่า
”เราต้องการที่จะพูดได้ว่า เราสามารถระบุตัวคนอันตรายเหล่านี้ได้และสิ่งที่น่ากลัวมากๆ ก็คือคุณไม่สามารถระบุตัวพวกเขาได้ ผู้คนไม่ตระหนักว่าคนที่อาจเป็นฆาตกรปะปนอยู่ในสังคม ใครจะสามารถอยู่ในสังคมที่ปะปนกับคนที่พวกเขาชอบ รัก อยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกันและนับถือ ซึ่งในวันพรุ่งนี้พวกเขาเหล่านั้นอาจกลายเป็นคนที่ชั่วร้ายที่สุดที่คุณจะสามารถจินตนาการได้“
สำหรับหนังเรื่องนี้ ได้ Zac Efron มาแสดงเป็น ธีโอดอร์ โรเบิร์ต บันดี หรือเท็ด บันดี หลายคนมีความเห็นว่าหน้าคล้ายเท็ดตัวจริงมาก ผมก็เช่นกัน
เรื่องนี้ถือว่าสปอยล์ได้เพราะเป็นเรื่องจริงที่เหตุการณ์เป็นไปตามเรื่องราวที่ถูกเผยแพร่ในหนังสือและอินเทอร์เน็ตอยู่แล้ว ผมก็รีวิวแบบสปอยล์เลยแล้วกัน
การเล่าเรื่องของหนังไม่ได้เล่าแบบเรียงไทม์ไลน์ เพราะจะทำให้คนดูรู้รายละเอียดการฆาตกรรมของเท็ดก่อน ความตื่นเต้นของหนังจะลดลงไป หนังจึงเล่าเริ่มจากเหตุการณ์ที่เท็ดถูกจำคุกแล้วย้อนให้ดูเรื่องราวก่อนจะถูกจับกุม
บทสนทนาบางฉากแทบจะถอดคำพูดจากเหตุการณ์จริงที่เท็ดรวมทั้งบุคคลอื่นในยุคนั้นเคยพูดไว้ในคลิปวิดีโอซึ่งถูกถ่ายในช่วงเวลานั้น เพียงแต่เป็นการเล่าแบบรวบรัด และมีการดัดแปลงเหตุการณ์บางฉากที่ไม่เหมือนเรื่องจริง แต่เค้าโครงหลักยังอ้างมาจากเรื่องจริงอยู่
เท็ดเป็นฆาตกรต่อเนื่องของประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงปี ค.ศ. 1974 ถึง 1978 เขาฆ่าหญิงสาวไปมากกว่า 30 ราย และบางรายก็ถูกข่มขืนด้วย (ตัวเลขเหยื่อไม่ชัดเจนเพราะไม่มีหลักฐานมัดตัวเท็ด บางข้อมูลระบุว่า 36 ราย บางข้อมูลอ้างว่ามากกว่านั้นเยอะ) แต่ด้วยความที่เขามีบุคลิกที่ดูดี และดูเป็นคนฉลาด เป็นนักศึกษากฎหมาย ทำให้ได้รับการสนใจจากประชาชนถึงขนาดมีคนตั้งฉายาให้เขาว่า “ปีศาจรูปงาม”
เหยื่อของเท็ด
แม้กระทั่งตอนที่มีการพิจารณาคดีของเท็ดในบัลลังก์ ผู้หญิงที่ไปนั่งดูการพิจารณายังให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ฉันหลงไหลเขามาก
เท็ด บันดี
และการที่เขาก่อเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องติดต่อกันได้หลายปีโดยไม่ถูกจับยิ่งทำให้เขาถูกนำมาพูดถึงในสังคม และได้รับความสนใจจากสื่อในสมัยนั้นอย่างมาก การถูกจับของเท็ดนั้นไม่ได้ถูกจับเพราะเขาเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดคดีฆาตกรรม แต่ถูกจับเพราะขับรถไม่เปิดไฟหน้ารถในเวลากลางคืน เมื่อตำรวจเรียกให้หยุดแล้วไม่ยอมหยุด จึงถูกจับกุมข้อหาไม่ยอมหยุดรถตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากนั้นจึงมีการขยายผลไปยังความผิดอื่น
แต่หลังจากนั้นเขาก็หลบหนีจากที่คุมขังได้ถึง 2 ครั้ง
ชื่อหนังเรื่องนี้ ”Extremely wicked, shockingly evil and vile“ นำมาจากวลีของท่านผู้พิพากษารัฐฟลอริดา เอ็ดเวิร์ด ดี. โควาร์ด (Edward D. Coward) ที่อธิบายความเลวร้ายของเท็ด บันดี ไว้เช่นนั้น แปลเป็นไทยว่า “เลวทรามต่ำช้า ชั่วร้ายจนน่าใจหาย และต่ำตม”
บทสนทนาของหนังเรื่องนี้พูดด้วยภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาไม่ยากและพูดช้า เหมาะสำหรับการฝึกภาษา
การเล่าเรื่องธรรมดาไม่ได้สนุกน่าตื่นเต้น ถ้าอยากได้ความสนุกตื่นเต้นเร้าใจ ฉากฆาตกรรม บอกเลยว่าไม่มี ถ้าอยากได้ความรู้เพิ่มเติมควรดูควบคู่กับสารคดีใน netflix ที่ชื่อว่า “Conversations with a Killer: The Ted Bundy Tapes” และอ่านหนังสือชื่อ “A WORLD HISTORY OF HORROR คดีอาชญากรรมกระฉ่อนโลก“ จึงจะได้ข้อมูลของฆาตกรคนนี้ครบถ้วนสมบูรณ์
ในสารคดีได้บอกไว้ว่าปี 1970 เป็นปีที่เริ่มมีฆาตกรต่อเนื่อง (serial killer) หลายราย แต่ไม่มีรายไหนทำให้ประชาชนเสียขวัญได้เท่า เท็ด บันดี
เท็ดว่าความเอง
ในสารคดียังมีเทปที่บันทึกการให้สัมภาษณ์ของเท็ดที่เขาพูดว่า “ผมตั้งใจอยากเรียนกฎหมายให้จบ เพื่อจะได้เป็นทนาย”
ซึ่งเท็ดเรียนจบปริญญาตรีสาขาจิตวิทยา และได้ศึกษากฎหมายแต่ไม่จบ
การพิจารณาคดีของเท็ดได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก ถึงขั้นมีการอนุญาตให้ถ่ายทอดสดการพิจารณาคดีของเท็ดตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้าย ซึ่งวันที่อ่านคำตัดสิน ผู้พิพากษาเอ็ดเวิร์ด ดี. โควาร์ด พูดกับเท็ดหลังจากอ่านคำพิพากษาให้ฟังว่า “ช่างเปรียบเสมือนโศกนาฏกรรมที่ศาลนี้ต้องเห็นการสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ของความเป็นมนุษย์ที่ศาลได้เห็นในห้องพิจารณาคดีนี้ คุณเป็นชายหนุ่มที่มีอนาคตสดใส คงจะเป็นทนายที่เก่งเอาการ ศาลคงยินดีที่ได้ฟังคุณว่าความ แต่คุณเลือกเดินผิดทางแล้วเพื่อน ดูแลตัวเองให้ดี”
ส่วนตัวผมมองว่าเท็ดไม่ได้ฉลาดถึงขนาดคิดแผนการฆาตกรรม และแผนการหลบหนีได้อย่างแยบยล เพียงแต่ยุคสมัยนั้นกล้องวงจรปิดยังไม่ได้มีแพร่หลายนัก เทคโนโลยีในการแสวงหาพยานหลักฐานยังไม่ก้าวหน้า และการทำงานของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมยังไม่เป็นระบบ ทำให้เป็นช่องทางสำหรับเท็ดในการกระทำความผิด
อย่างที่ในสารคดีบอกไว้ว่า “…back in the late ‘70s, we didn’t have the technology that we have now….No DNA, no teletypes. They didn’t even have fax machines. Imagine a world where most of the communication is done by US mail or rotary telephones. And so they were always at least a step behind Ted.”
หากพิจารณาถึงสาเหตุการกระทำความผิดของเท็ด ทฤษฎีสาเหตุการกระทำความผิด ว่าด้วยสาเหตุทางชีววิทยา ที่เชื่อว่าอาชญากรจะต้องมีรูปลักษณ์แตกต่างกับบุคคลทั่วไป บกพร่องทางร่างกายหรือจิตใจ หรือทฤษฎีเชาว์ปัญญาที่เชื่อว่าบุคคลที่มีสติปัญญาสูงมักจะไม่กระทำความผิดนั้น นำมาใช้กับเท็ด บันดี ไม่ได้ เพราะเขามีร่างกายภายนอกเหมือนคนปกติทั่วไป ทั้งยังรูปร่างหน้าตาดี เป็นที่หลงไหลของสาวๆ ในยุคนั้น มีสติปัญญาดี เป็นนักเรียนกฎหมาย ที่สุดท้ายแก้ต่างให้ตนเองในชั้นศาลด้วย
หลายคนตั้งข้อสังเกตกันว่าสาเหตุอาจจะเกิดจากเท็ดถูกตาทำร้ายร่างกายตอนเด็กบ่อย ส่งผลให้เขามีพฤติกรรมชอบความรุนแรงหรืออาจจะเป็นเพราะความผิดปกติของจิตใจที่ส่งผลให้เขากลายเป็นฆาตกรโรคจิต แต่สุดท้ายแล้วเราก็ไม่อาจทราบได้ว่าเขาทำไปเพราะอะไร จนกระทั่งเขาถูกประหารชีวิตด้วยเก้าอี้ไฟฟ้า ในวันที่ 24 มกราคม 1989
ในสารคดียังบอกอีกว่า มีการเสนอ การต่อรองคำรับสารภาพให้เท็ดด้วยว่า ถ้ารับสารภาพจะให้เท็ดรับโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่เท็ดไม่รับข้อเสนอ ซึ่งการต่อรองคำรับสารภาพ (Plea Bargaining) นี้มีแนวคิดที่จะนำมาปรับใช้กับประเทศไทยอยู่หลายครั้ง แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีการนำมาใช้
ส่วนการลงโทษเท็ดด้วยการนั่งเก้าอี้ไฟฟ้า ก็เป็นไปตามทฤษฎีการลงโทษเพื่อแก้แค้นทดแทน ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยก่อน
การที่ศาลจะรับฟังพยานหลักฐานเพื่อลงโทษจำเลยซึ่งเป็นฆาตกรต่อเนื่องเช่นนี้ กฎหมายไทยมีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226/2 (2) วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดครั้งอื่น ๆ หรือความประพฤติในทางเสื่อมเสียของจำเลย เพื่อพิสูจน์ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดในคดีที่ถูกฟ้องได้ หากเป็นพยานหลักฐานที่แสดงถึงลักษณะ วิธี หรือรูปแบบเฉพาะในการกระทำความผิดของจำเลย
ในกรณีของเท็ดนั้นจะมีรูปแบบเฉพาะที่ใช้ในการก่ออาชญากรรมอยู่ เช่น แกล้งเป็นผู้ชายใส่เฝือกที่ช่วยเหลือตัวเองลำบากและขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวให้ถือของหรือตามไปช่วยเขาที่รถโฟล์คสวาเกน แล้วจึงใช้ของแข็งตีที่ศีรษะเหยื่อให้สลบแล้วพาขึ้นรถ
สรุปให้คะแนนหนังเรื่องนี้ 3 ดาว ⭐️⭐️⭐️

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา