1 ต.ค. 2024 เวลา 03:08 • ท่องเที่ยว

ออกเดินทาง

ก่อนไปญี่ปุ่น อุปสรรคด่านแรกเริ่มขึ้น เมื่อทางโครงการได้ให้ผู้เข้าร่วมทุกคนเรียนภาษาญี่ปุ่นเสียก่อน ผมจึงมีโอกาสได้พบเพื่อนอีกหลายคนที่เข้ามาอบรมภาษาญี่ปุ่นด้วยกัน ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง 3 เดือนที่จังหวัดกาญจนบุรี นี่นับเป็นความท้าทายแรกของผมที่จะต้องก้าวข้ามให้ได้
.
การเรียนรู้ภาษานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ผู้เรียนต้องมีความตั้งใจและฝึกฝนอย่างมีสมาธิ เพื่อเข้าใจและสื่อสารออกมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้การใช้ชีวิตในประเทศญี่ปุ่นอาจเป็นไปได้ด้วยความลำบาก
ระหว่างการฝึกฝน วันเวลาล่วงผ่านไปเร็วจนเหมือนความฝัน ในที่สุดวันแห่งการเดินทางก็มาถึง…
.
จากผู้ที่รับคัดเลือกรอบแรก 19 คน มีเพื่อน 2 คนที่ต้องถอนตัวก่อนออกไปก่อน อย่างไรก็ดี สุดท้ายพวกเราทั้ง 17 คนก็เริ่มออกเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นในวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2566 ในเวลาเช้ามืดของวันนั้นเลย
เรานั่งเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังประเทศญี่ปุ่น ปลายทางคือสนามบินนาริตะ วินาทีแรกที่เครื่องเหยียบน่านฟ้าญี่ปุ่น ผมได้เห็นทุ่งหญ้าอันสวยงามสลับกับนาข้าวเขียวขจี อีกทั้งยังเห็นสวนองุ่นและสวนผลไม้มากมาย ซึ่งที่นี่มีการแบ่งโซนการทำเกษตรดีมาก เป็นพื้นราบอีกด้วย ต่างจากบ้านเรา เพราะว่าเราทำเกษตรบนภูเขายังไม่ค่อยเป็นระเบียบมากนับ จึงรู้สึกประทับใจอย่างมาก
เมื่อเครื่องลงจอดที่สนามบินเป็นที่เรียบร้อย พวกเราจะต้องไปเอากระเป๋าที่โหลดไว้ตามปกติ แต่เวลานั้นทุกคนจะต้องผ่านกรมตรวจคนเข้าเมืองเสียก่อน
แต่แล้วเรื่องก็เกิดขึ้นจนได้ ก่อนเข้าด่านตรวจคนเข้าเมือง ผมดันลืมถ่ายรูปเอกสารเพื่อแสดงตัวเอาไว้ อีกทั้งยังลืมใบรับรองการได้รับการฉีดวัคซีนโควิดเก็บไว้ที่ประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ใหญ่สำหรับด่านตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่น เพราะหากไม่มีหลักฐานก็ไม่สามารถเข้าประเทศได้
.
ผมรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างหนัก แต่ก็พยายามรวบรวมสติ แล้วเดินหาเพื่อนคนอื่นเพื่อขอใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อเอารูปภาพมาแสดงตัว
มันคือช่วงเวลาที่วุ่นวายเป็นอย่างมาก ผู้คนที่ต่อแถวเช็คอินตรวจคนเข้าเมืองก็ค่อนข้างเยอะ ผมเลยต้องหลบให้คนอื่นไปก่อน ในระหว่างนั้นก็หาอินเทอร์เน็ตกับเพื่อนร่วมทางไปเรื่อย แต่ก็ไม่มีใครใช้อินเทอร์เน็ตได้สักคนเดียว
.
ผมไม่รู้จะทำยังไงดี? มองซ้ายมองขวาเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังหาไม่พบ คิดว่าคงจะต้องติดอยู่ในสนามบินอีกนาน แต่แล้วเหมือนโชคยังเข้าข้างอยู่บ้าง เพราะมีเพื่อนคนหนึ่งที่พอมีอินเทอร์เน็ตในตอนนั้น และช่วยให้ผมดาวน์โหลดออกมาได้สำเร็จ
หลังจากทำเรื่องเกี่ยวกับตรวจคนเข้าเมืองหลายนาที ในที่สุดทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พวกเราต้องรอเพื่อน ๆ จากต่างประเทศอีกประเทศหนึ่งคือประเทศอินโดนีเชีย เพื่อรอเดินทางไปพร้อมกันที่สถานที่นัดหมายนั้นคือ “วิทยาลัยเกษตรกรรมและโภชนาการโคอิบุจิ” (KOIBUCHI College of Agriculture and Nutrition) จังหวัดอิบารากิ เพื่อเรียนรู้การทำเกษตรร่วมกัน
ผมได้ยินมาว่าที่นั่นเป็นวิทยาลัยที่มีวิทยาการด้านเกษตรครบวงจรทีเดียว กล่าวกันว่ามีทั้งระบบสาธารณะที่มีความทันสมัย มีโรงเรือนที่ควบคุมด้วยอินเทอร์เน็ต และยังมีการปลูกพืชสาธิตต่าง ๆ อีกหลายสายพันธุ์
.
และยิ่งทางโครงการจะให้พวกเรามาพักอาศัยอยู่ที่วิทยาลัยโคอิบุจิ” เป็นเวลา 12 วันด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งตื่นเต้นไปใหญ่ และอดใจรอที่จะได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองไม่ไหวแล้ว
.
โปรดติดตามตอนต่อไป…
.
“จ๊อปิแนว” บันทึกปกาเก่อเญ่อผลัดถิ่นในดินแดนอาทิตย์อุทัย
ตอนที่ 2 ออกเดินทาง
ผู้เขียน : พงศธร​ แสง​กระจ่าง​ชื่น
โฆษณา