30 ก.ย. เวลา 11:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สรุปภาวะตลาดสัปดาห์ที่ 23 – 27 กันยายน 2567

จีนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ด้านสหรัฐฯ เศรษฐกิจยังแกร่ง
ภาพรวม
  • จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ทั้งด้านการเงิน อสังหาริมทรัพย์ ตลาดหุ้นและการบริโภค
  • ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง หลังออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
  • GDP สหรัฐฯ ไตรมาส 2 โต 3% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 บ่งชี้เศรษฐกิจแข็งแกร่ง
  • เงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัวลงต่อเนื่อง สนับสนุนการลดดอกเบี้ยของ Fed
  • ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง หลังซาอุดีอาระเบีย และ OPEC+ เตรียมเพิ่มการผลิตเดือน ธ.ค.
  • คุณอิชิบะ ชิเงรุ ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนใหม่ ส่งผลให้เงินเยนแข็งค่า
สถานการณ์ตลาด
  • ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดโดยรวมปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และตัวเลขตลาดแรงงานออกมาดี ขณะที่เงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง สนับสนุนแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
  • จีน :
๐ ตลาดหุ้นจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากทางการจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดหุ้น สร้าง Sentiment เชิงบวกให้กับตลาดหุ้นทั่วโลกและหุ้นที่สะท้อนความเคลื่อนไหวกับจีน
๐ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
• ด้านการเงิน :
- ปรับลดอัตราดอกเบี้ย Reverse Repo ประเภท 7 วัน ลง 20 bps จาก 1.7% เป็น 1.5%
- ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ลง 30 bps จาก 2.3% เป็น 2%
- ปรับลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 50 bps ช่วยเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคารประมาณ 1 ล้านล้านหยวน และอาจลดเพิ่มเติมอีก 25- 50 bps ภายในปีนี้
• ด้านอสังหาริมทรัพย์ :
- ปรับลดเงินดาวน์สำหรับซื้อบ้านหลังที่ 2 จาก 25% เหลือ 15% (เท่ากับบ้านหลังแรก)
- ปรับลดดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่มีอยู่เดิม (Existing Mortgage) ลง 50 bps
• ด้านตลาดหุ้น:
- ทางการจีนจะจัดตั้งโครงการสนับสนุนด้านสภาพคล่อง (swap facility) วงเงิน 5 แสนล้านหยวนสำหรับสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร ให้สามารถกู้ยืมโดยตรงกับธนาคารกลางของจีน (PBOC) สามารถนำสินทรัพย์สภาพคล่องต่ำไปแลกสินทรัพย์สภาพคล่องสูง และซื้อหุ้นได้โดยตรง
- จัดตั้งโครงการ Re-Lending วงเงิน 3 แสนล้านหยวน เพื่อให้บริษัทจดทะเบียนสามารถกู้เงินไปซื้อหุ้นคืน (Share Buyback) โดยใช้พันธบัตรรัฐบาลเป็นสินทรัพย์ค้ำประกัน และตอนนี้อยู่ระหว่างศึกษาและพิจารณาในการจัดตั้งกองทุนพยุงหุ้น
• ด้านการบริโภค:
- แจกเงิน Cash Handout ให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบาง 1.55 แสนล้านหยวน ขณะที่เซี่ยงไฮ้แจกคูปองมูลค่า 5 ร้อยล้านหยวน เพื่อกระตุ้นการบริโภค และทางการจีนเตรียมอัดฉีดเงิน 1 ล้านล้านหยวนให้กับธนาคารรัฐวิสาหกิจ (SOE) ขนาดใหญ่เพื่อนำไปปล่อยกู้ต่อ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
๐ การประชุมโปลิตบูโรของทางการจีนที่ผ่านมา ทางการจีนแสดงความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ และให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการใช้จ่ายทางด้านการคลัง สร้างเสถียรภาพในตลาดอสังหาฯ สนับสนุนตลาดหุ้น การบริโภคและการจ้างงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 5%
๐ Goldman Sachs มองว่าการออกมาตรการของทางการจีนครั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนถึงการดำเนินนโยบายในเชิงผ่อนคลาย (Easing Mode) และคาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมในอนาคต เช่น การปรับลด RRR ลงอีก 25 bps ใน Q4/2024 และคาดว่าปี 2025 จะปรับลด RRR อีก 2 ครั้ง ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้ง และน่าจะออกพันธบัตรเพิ่มขึ้น เป็นต้น
  • สหรัฐฯ :
๐ ตัวเลขเศรษฐกิจ GDP ไตรมาส 2 (ประมาณการครั้งที่ 3) อยู่ที่ 3% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 ที่ 1.4% โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการลงทุนภาคเอกชน
๐ รายงานจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงาน (Initial jobless claim) ลดลงมากกว่าที่ตลาดคาด และต่ำสุดในรอบ 4 เดือน ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และตลาดแรงงานที่อ่อนแอ
๐ ตัวเลขเงินเฟ้อ Core PCE เดือน ส.ค. อยู่ที่ 2.7% YoY เป็นไปตามที่ตลาดคาด และชะลอตัวลงจากเดือนก่อนที่ 2.6% ในแง่ของ MoM อยู่ที่ 0.1% น้อยกว่าที่ตลาดคาด และน้อยกว่าเดือนก่อนที่ 0.2% เงินเฟ้อที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง สนับสนุนการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ในระยะข้างหน้า แต่ยังคงต้องติดตามตัวเลขตลาดแรงงานที่จะประกาศในสัปดาห์นี้
๐ ราคาน้ำมันในช่วงต้นสัปดาห์ ได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน แต่หลังจากนั้นราคาน้ำมันปรับตัวลดลง หลังจากซาอุฯ และ OPEC+ เตรียมเพิ่มการผลิตในเดือน ธ.ค. จึงเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันให้ปรับตัวลดลงเมื่อเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อนหน้า
1
  • ญี่ปุ่น:
๐ คุณอิชิบะ ชิเงรุ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น ชนะเป็นหัวหน้าพรรค LDP เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ทำให้คุณอิชิบะ จะได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น แทนคุณคิชิดะ ฟุมิโอะ ที่ประกาศลาออกเมื่อช่วงกลางเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้ค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้น เนื่องจากคุณอิชิบะ มีแนวคิดสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินให้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
มุมมองการลงทุนของบลจ.กรุงศรี
  • ตลาดมองว่ามาตรการของจีนครั้งนี้ออกมามากกว่าที่คาด ส่งผลให้โมเมนตัมของตลาดจีนกลับมาอีกครั้ง แนะนำลงทุนในกองทุน KF-CHINA ซึ่งลงทุนในดัชนี HSCEI Index เนื่องจาก PE อยู่ในระดับต่ำ มีมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ และ EPS ของดัชนี HSCEI มีการปรับประมาณการขึ้น แต่ยังมีความเสี่ยงโดยเฉพาะภาคอสังหาฯ ที่อาจยังไม่ฟื้นตัว แนะนำให้มีจุด Cut Loss ที่ 5-7%
  • คาดว่า BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยจากถ้อยแถลงของผู้ว่า BOJ ที่กล่าวว่าจะไม่ได้ขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ จะรอพิจารณาจากความผันผวนของตลาดการเงินและภาคเศรษฐกิจด้วย ด้าน Goldman Sachs คาดว่า BOJ อาจจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ม.ค. ปีหน้า
  • มุมมองภาพรวม มองว่าตลาดรอแถลงการณ์ของพาวเวลในสัปดาห์นี้ รวมไปถึงข้อมูลตัวเลขตลาดแรงงานของสหรัฐฯ และความตึงเครียดในฝั่งตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น หลังจากอิสราเอล สังหารผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ อาจเป็นปัจจัยสร้างแรงกดดันต่อภาพตลาดโดยรวมได้
ข้อมูลกองทุนแนะนำประจำสัปดาห์ KF-CHINA คลิกที่นี่
นโยบายการลงทุนและคำเตือน
● KF-CHINA ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ Hang Seng China Enterprises Index ETF (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชี ≥ 80% ของ NAV ระดับความเสี่ยง 6 – เสี่ยงสูง
ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน จึงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจทำให้ผู้ลงทุนขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ (โดยปกติกองทุนจะป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย ≥ 90% ของมูลค่าเงินลงทุนในต่างประเทศ)
กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในประเทศจีน | กองทุนลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก
● เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือได้ ณ วันที่แสดงข้อมูล แต่บริษัทฯ มิอาจรับรองความถูกต้องความน่าเชื่อถือ และ ความสมบูรณ์ของข้อมูลทั้งหมด โดยบริษัทฯขอสงวนสิทธิ์เปลี่ยนแปลงข้อมูลทั้งหมดโดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
● ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
● ผู้ลงทุนสามารถขอข้อมูลหนังสือชี้ชวนได้ที่สำนักงานของบริษัทจัดการ หรือจาก www.krungsriasset.com หรือตัวแทนสนับสนุนการขาย หรือเจ้าหน้าที่ขายหน่วยลงทุน
ติดตามกองทุนกรุงศรี อัปเดตข่าวสาร และกิจกรรมต่างๆ ได้ที่
#KrungsriAsset #กองทุนกรุงศรี #Weeklymarketview #สรุปภาวะตลาดรายสัปดาห์
โฆษณา