30 ก.ย. เวลา 11:42 • การตลาด

อธิบาย Nash Equilibrium เบสิกเศรษฐศาสตร์ ในทฤษฎีเกม กับไอเดียใช้ ในมุมการตลาด

Nash Equilibrium หรือ สมดุลแบบแนช คือแนวคิดเรื่องหนึ่งที่อยู่ใน ทฤษฎีเกม ซึ่งเจอได้ตามสาขาวิชาคณิตศาสตร์-เศรษฐศาสตร์
Nash Equilibrium อธิบายสถานการณ์ที่ “ผู้เล่นแต่ละคน เลือกทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง ภายใต้เงื่อนไขการพิจารณาทางเลือกของผู้เล่นอื่นในจุดเดียวกัน
2
ทำให้ผู้เล่นแต่ละคนจึงไม่สามารถได้ประโยชน์มากขึ้น ด้วยการเปลี่ยนทางเลือกของตัวเองแต่เพียงฝ่ายเดียวได้ในจุดสมดุล”
ซึ่งชื่อ Nash Equilibrium ถูกตั้งตามชื่อของผู้คิดค้นทฤษฎี คือ คุณจอห์น ฟอร์บส์ แนช จูเนียร์ (John Forbes Nash Jr.) นักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกัน
ทีนี้เรามาดูเหตุการณ์สมมติ ให้เข้าใจกลไกของทฤษฎีนี้กัน
โดยตัวอย่างเกมที่นำมาอธิบายเรื่อง Nash Equilibrium ให้เข้าใจได้ไม่ยาก
คือเกมชื่อว่า Prisoner's Dilemma (เกมการตัดสินใจของนักโทษ)
หลักการของเกม Prisoner's Dilemma คือมีนักโทษอยู่ 2 คน โดยแต่ละคนจะต้องตัดสินใจว่า จะสารภาพหรือไม่ โดยที่ไม่รู้ว่านักโทษอีกคนจะตัดสินใจอย่างไร
เกมนี้มีการสมมติเหตุการณ์ คือ มีตำรวจต้องการสอบสวนนักโทษ 2 คน ได้แก่ นาย A และ นาย B
โดยนักโทษทั้ง 2 คน จะมีตัวเลือกเพียง 2 ตัวเลือก คือ สารภาพ หรือ ไม่รับสารภาพ
ภายใต้เงื่อนไขสำคัญว่า “นักโทษทั้ง 2 คน ไม่มีโอกาสในการปรึกษากัน”
1
และผลที่ได้จะออกมา 4 กรณี สรุปได้ตามตารางในรูปประกอบบทความนี้คือ
- กรณีที่ 1 : หากนาย A และ นาย B สารภาพทั้งคู่ จะต้องจำคุกคนละ 10 ปี
- กรณีที่ 2 : หากนาย A สารภาพ แต่นาย B ไม่รับสารภาพ นาย A ไม่ต้องรับโทษ แต่นาย B ต้องจำคุก 20 ปี
- กรณีที่ 3 : หากนาย B สารภาพ แต่นาย A ไม่รับสารภาพ นาย B ไม่ต้องรับโทษ แต่นาย A ต้องจำคุก 20 ปี
- กรณีที่ 4 : หากนาย A และ นาย B ไม่รับสารภาพทั้งคู่ จะต้องจำคุกคนละ 5 ปี
2
ย้ำอีกทีว่า นักโทษทั้ง 2 คน ไม่มีโอกาสปรึกษากัน
เพราะฉะนั้น ต่างฝ่ายต่างก็กังวลถึงโทษสูงสุดว่า ถ้าตัวเองไม่รับสารภาพ แต่อีกฝ่ายรับสารภาพ ต้องโดนโทษคือจำคุก 20 ปี
ส่วนถ้าตัวเองไม่รับสารภาพ และอีกฝ่ายไม่รับสารภาพเหมือนกัน ทั้งคู่จะติดคุกคนละ 5 ปี
ฉะนั้นอีกทางที่ดูจะเซฟกว่า คือการที่ทั้ง 2 คนชิงรับสารภาพไปเลย
เพราะทางเลือกนี้ หนักที่สุดคือโดนโทษจำคุกเพียง 10 ปี ถ้าอีกฝ่ายสารภาพเหมือนกัน
หรือคนสารภาพ ไม่โดนโทษจำคุกเลย ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมรับสารภาพ
และสรุปตามทฤษฎีนี้ จุดที่ “นักโทษทั้ง 2 คน ยอมรับสารภาพทั้งคู่” คือจุดที่เรียกว่า “Nash Equilibrium”
ทีนี้ ถ้าเรามาลองดูไอเดียเรื่องนี้ กับตัวอย่างที่เราเห็นกันในชีวิตจริงในมุมธุรกิจและการตลาด
เชื่อว่าหลายคน เวลาเปิดตู้แช่ในร้านสะดวกซื้อ จะเห็นขวดน้ำหวานสีดำอยู่หลายแบรนด์ และราคาของแต่ละแบรนด์ต่างกันเพียงไม่กี่บาท
ภายใต้เงื่อนไขว่า เป็นขวดขนาดเดียวกัน ชื่อเสียงของแบรนด์พอ ๆ กัน
หากอธิบายตามแนวคิดทฤษฎีเกม จะได้ตัวเลือกดังนี้
- หากบริษัทหนึ่ง ตั้งราคาสูงกว่าอีกเจ้ามาก ๆ ผู้บริโภคก็อาจซื้อแบรนด์ที่ถูกกว่าเยอะขึ้นมาก
- หากบริษัทหนึ่ง ตั้งราคาต่ำกว่าคู่แข่งในตลาดมากไป กำไรของตัวเองจะลดลงมากเกินไป
- หากบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ตั้งราคาสูงกว่าคู่แข่งมาก ๆ บริษัทที่ตั้งราคาต่ำกว่า ก็มีโอกาสจะได้ส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นมา
เพราะฉะนั้น Nash Equilibrium คือทฤษฎีที่พยายามอธิบายปรากฏการณ์นี้ ให้ออกมาเป็นตรรกะ ที่เข้าใจได้
นอกจากนี้แนวคิด Nash Equilibrium ยังสามารถใช้ได้กับเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อหาจุดที่ทำให้ทุกฝ่ายไม่มีใครได้เปรียบไปกว่าใคร
ไม่ว่าจะเป็น
- การตั้งหน้าร้านไม่ให้ห่างจากคู่แข่งมากเกินไป เพราะพื้นที่ตรงนั้นมีลูกค้าเป้าหมายผ่านไปมาเยอะ
- การตั้งเรตเงินเดือนของพนักงานในอุตสาหกรรมเดียวกัน
- รวมไปถึงการจัดโปรโมชันส่งเสริมการขาย ที่หลายแบรนด์คู่แข่ง ชอบทำเหมือน ๆ กัน
โดยประสิทธิภาพของการปรับใช้แนวคิด Nash Equilibrium ขึ้นอยู่กับว่าเรามีข้อมูลตลาด, พฤติกรรมผู้บริโภค และข้อมูลกลยุทธ์ของคู่แข่งมากน้อยแค่ไหน
แต่ก็ต้องบอกว่า Nash Equilibrium ไม่ได้เป็นตัวตัดสินว่า เราต้องใช้กลยุทธ์แบบไหนในการสร้างยอดขาย หรือแข่งกับคู่แข่ง
เป็นเพียงไอเดียที่ช่วยให้เราสามารถเลือกกลยุทธ์ในการแข่งขัน หรือตอบโต้คู่แข่ง ได้อย่างเหมาะสม
ตามสภาพการแข่งขันของธุรกิจแต่ละแบบเท่านั้น
โฆษณา