1 ต.ค. เวลา 00:12 • ท่องเที่ยว

อนุสรณ์วิคตอเรีย .. The Victoria Memorial, Kolkata.

อนุสรณ์สถานวิกตอเรีย … เป็นอนุสรณ์สถานหินอ่อนของพระมหากษัตริย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบอินเดีย-ซาราเซนิก ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่สวน 64 เอเคอร์ บนถนนไมดานในใจกลางเมืองโกลกาตา
.. สร้างขึ้นระหว่างปี 1906 ถึง 1921 โดยราชอังกฤษ เพื่อรำลึกถึงสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย จักรพรรดินีแห่งอินเดียระหว่างปี 1876 ถึง 1901 ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ภายใต้การควบคุมของกระทรวงวัฒนธรรมของรัฐบาลอินเดีย
ภาพด้านหน้า ณ ทางเข้าอนุสรณ์สถาน ..
ดูโอ่อ่า สง่างาม มีรูปปั้นสิงโตคู่ขนาบประตูรั้วเตี้ยๆสวยงาม ตรงกลางรั้วเป็นตราแผ่นดินของสหราชอาณาจักร (Royal coat of arms of the United Kingdom)
รูปปั้นของพระนางเจ้าวิกตอเรียบนบัลลังก์
จอร์จ แฟรมป์ตันได้รับมอบหมายให้สร้างรูปปั้นในกัลกัตตาเพื่อรำลึกถึงการครองราชย์ครบ 60 ปีของราชินีในปี 1897 "หล่อด้วยบรอนซ์และเป็นรูปวิกตอเรียบนบัลลังก์และชราภาพ มองลงมายังโลกของเธอในขณะที่สวมชุดดวงดาวแห่งอินเดียและถือลูกแก้วและคทา"
พระราชินีวิกตอเรีย (ค.ศ.1819-1901).. ทรงสร้างยุคสมัยแห่งความสำเร็จ พระองค์เป็นตัวแทนของอารยธรรมทุนนิยมที่รุ่งเรืองและมีชีวิตชีวา และเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกยุคนั้น
ในช่วงเวลานั้น จักรวรรดิอังกฤษเชิดหน้าชูตาก้าวเข้าสู่ยุควิกตอเรียนอันรุ่งโรจน์สูงสุด .. เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของอังกฤษเจริญรุ่งเรืองอย่างเป็นประวัติการณ์ วิทยาศาสตร์และศิลปะพัฒนาถึงขีดสุด การปกครองระบบราชาธิปไตยใต้รัฐธรรมนูญมุ่งหน้าสู่ความมั่นคงและสุกงอม จักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินโดดเด่นเหนือนานประเทศ มองทั่วโลกด้วยแววตาหยิ่งผยอง
พระราชินีวิกตอเรีย สังเขปพระราชประวัติ
พระราชินีวิกตอเรียเริ่มศึกษาเล่าเรียนตั้งแต่พระชนมายุ 5 ชันษา จนกระทั่ง 11 ชันษา พระองค์สามารถสนทนากับผู้คนด้วยภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน พระราชมารดาของพระองค์ตั้งเป้าหมายสูงสุดในพระชนม์ชีพว่า จะต้องอบรมให้พระนางเป็นราชินีผู้มีความรู้ลึกซึ้งกว้างขวาง บิชอบ 2 ท่านที่ได้รับเชิญมาตรวจสอบผลการเรียนของพระนางรายงานว่า ...
พระนางเข้าพระทัยสาระสำคัญที่สุดของประวัติศาสตร์คัมภีร์ไบเบิลแห่งคริสต์ศาสนา รวมถึงหลักธรรมและข้อห้ามที่สำคัญของศาสนาคริสต์อันเป็นศาสนาประจำชาติของอังกฤษ พระองค์ทรงจำประวัติศาสตร์แต่ละยุคสมัย และประวัติศาสตร์อังกฤษได้แม่นยำ ความรู้เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ การใช้ลูกโลก รวมถึงไวยากรณ์ภาษาละติน อยู่ในเกณฑ์น่าพอใจ การออกเสียงภาษาอังกฤษและภาษาละตินถูกต้อง ไพเราะน่าฟัง นั้นคือความสามารถทางการศึกษา ในวัย 11 พรรษา
พระราชินีวิกตอเรียที่ขึ้นครองราชย์ขณะยังไม่ประสีประสาด้วยวัยเพียง 18 พรรษา จนกระทั่ง 82 พรรษา เป็นราชินีที่ครองราชย์นานที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ .. พระองค์ทรงทุ่มเทและใส่พระทัยอบรมเลี้ยงดูพระราชโอรสพระราชธิดา 9 พระองค์เป็นอย่างมาก ทรงรำลึกถึงพระราชสวามีผู้ล่วงลับก่อันวัยอันควร และทรงให้เหล่าราชนิกุลทั่วทั้งยุโรปเรียกขานพระองค์ว่า “สมเด็จย่าแห่งยุโรป”
มงกุฎบนพระเศียรของพระราชินีวิกตอเรียคือสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศและความงามของจักรวรรดิ พระนางทรงกลายเป็นที่พึ่งทางใจที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประชาชน .. ในความรู้สึกของผู้คน
หลังขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน พระราชินีวิกตอเรียทรงแสดงความสามารถทางการเมืองออกมาอย่างรวดเร็ว เมื่อลอร์ดเมลเบริน์ นายกรัฐมนตรี แนะนำให้พระราชินีเปลี่ยนตัวนางสนองพระโอษฐ์ 2 นาง เพราะสามีของพวกเธอจงรักภักดีกับรัฐบาลชุดก่อน พระองค์กลับตรัสว่า “ข้าพเจ้าไม่เปลี่ยนตัวใครทั้งนั้น ข้าพเจ้าไม่สนใจทัศนะการเมืองของพวกนาง เพราะข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องถกปัญหาการเมืองกับพวกนาง”
พระราชินีวิกตอเรียเข้าพระทัยภารกิจที่พระนางต้องรับผิดชอบในฐานะราชินีอย่างถ่องแท้ พระนางไม่เคยมีพระดำริจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเพิ่มพูนอำนาจกษัตริย์ และไม่เคยมองข้ามมติรัฐบาลเพียงเพราะพระนางมีฐานะเป็น “ประมุขเพียงนาม” แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าราชการในคณะรัฐมนตรีจะมาสามารถทำงานให้พระนางอย่างขายผ้าเอาหน้ารอดได้
พระราชินีทรงรู้ชัดเจนว่าพระนางมีอำนาจในพระราชโองการที่ประกาศต่อรัฐบาล พระราชินีวิกตอเรียทรงแจ้งต่อรัฐบาลอย่างชัดเจนว่า หากรัฐบาลไม่เคารพต่ออำนาจกษัตริย์ เช่นนั้นเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก็อาจเผชิญความเสี่ยงที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่ง
“ยุควิกตอเรียน” กว่า 60 ปีที่พระนางครองราชย์ ระบบทุนนิยมเสรีอังกฤษก็เริ่มก้าวสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่าน จากช่วงริเริ่มสู่จุดรุ่งโรจน์และข้ามมาสู่ระบบทุนนิยม .. ภายใต้การปกครองของพระนาง อังกฤษเปลี่ยนจากประเทศธรรมดาๆ ในยุโรปเป็นจักรวรรดิอันเกรียงไกร
พระราชินีวิกตอเรียมีความสามารถด้านการปกครองยอดเยี่ยมเช่นนี้ เป็นเพราะพระนางได้รับการศึกษาที่เปิดกว้างทุกด้านของโลกตะวันตก
ภาพลักษณ์ที่พระราชินีวิกตอเรียทรงทิ้งไว้ให้แก่ผู้คนดูจะมีเพียงความอบอุ่นสง่างาม และไม่แสวงหาลาภยศสรรเสริญ ยินดีปิดทองหลังพระโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์
.. แต่ในความเป็นจริงแล้วพระราชินีวิกตอเรียเป็นบุคคลที่ซับซ้อน บางครั้งทรงอ่อนโยนเมตตา บางครั้งก็ทรงเย็นชาแข็งกร้าว บางทีก็ทรงปรับตัวตามกระแส แต่บางทีกลับต่อต้านอย่างดื้อรั้น
.. ภายในประเทศ พระนางพยายามรักษาภาพลักษณ์ที่ดูเมตตาโอบอ้อมอารี แต่กับโลกภายนอกกลับสนับสนุนการขยายอาณานิคมอย่างไม่รู้จักพอ
ทว่าระหว่างปี 1868-1874 ภายหลังสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย การยกเลิกระบอบกษัตริย์ในฝรั่งเศสและเกิดการก่อตั้งสาธารณรัฐ ส่งผลต่อแนวคิดสาธารณรัฐนิยมแบบสุดโต่งภายในประเทศอังกฤษเติบโตมากขึ้น ... หนังสือพิมพ์โจมตีราชวงศ์และระบอบกษัตริย์อย่างต่อเนื่อง มีการเสนอให้ถอดพระราชินีและก่อตั้งสาธารณรัฐในประเทศต่างๆ ฯลฯ
จนถึงปลายทศวรรษ 1860 ในที่สุดพระราชินีวิกตอเรียจึงเข้าพระทัยว่า การล้มล้างระบอบกษัตริย์ ลดทอนอำนาจกษัตริย์ รวมถึงการแสดงเสรีภาพ และความเสมอภาคกลายเป็นกระแสที่ครองใจผู้คนได้มากที่สุดในยุคนั้น หากพระนางไม่ปรับตัว แม้แต้ตำแหน่งในปัจจุบันก็ยากจะรักษาไว้
ประวัติการก่อสร้าง Victoria Memorial Hall
นักประวัติศาสตร์ Durba Ghosh เล่าว่า .. แผนการสร้างพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่กลายมาเป็น Victoria Memorial Hall ของลอร์ด Curzon VMH อุปราชของอินเดียในสมัยอังกฤษนั้นมีขึ้นก่อนที่สมเด็จพระราชินีวิกตอเรียจะสิ้นพระชนม์ในปี 1901 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้กับจักรวรรดิ
หลังจากสมเด็จพระราชินีวิกตอเรียสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 22 มกราคม 1901 เคอร์ซอนได้เขียนจดหมายถึงลอร์ดจอร์จ แฮมิลตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอินเดีย เมื่อวันที่ 24 มกราคม
โดยระบุถึง ความสำคัญของการปกครองแบบสตรีเป็นใหญ่ของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย และเพื่อส่งเสริมความรู้สึกจงรักภักดี
เขาเสนอให้สร้างอาคารใหญ่ โอ่อ่า กว้างขวาง ยิ่งใหญ่อลังการ พร้อมพิพิธภัณฑ์และสวน .. เพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน และแหล่งเรียนรู้บทเรียนจากประวัติศาสตร์ และเพื่อรำลึกถึงกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้ประทับอยู่ไกลโพ้นข้ามทะเล .. แต่เป็นกษัตริย์ที่ดีสุดที่อินเดียเคยรู้จัก
เจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าชาย นักการเมือง และประชาชนชาวอินเดียตอบรับคำร้องขอเงินทุนของลอร์ดเคอร์ซอนอย่างใจกว้าง .. ต้นทุนการก่อสร้างอนุสรณ์สถานทั้งหมดซึ่งมีมูลค่า 10 ล้านรูปี และ 500,000 รูปี มาจากเงินบริจาคโดยสมัครใจของชาวอินเดีย
ในปี 1905 เคอร์ซอนออกจากอินเดีย ทำให้โครงการล่าช้า แต่เมื่อวันที่ 4 มกราคม 1906 จอร์จ เจ้าชายแห่งเวลส์ได้วางศิลาฤกษ์ และเริ่มงานสร้างโครงสร้างส่วนบนในปี 1910 ในปี 1911
ก่อนที่การก่อสร้างจะเสร็จสิ้น .. พระเจ้าจอร์จที่ 5 จักรพรรดิแห่งอินเดีย ได้ประกาศย้ายเมืองหลวงของอินเดียจากกัลกัตตาไปยังนิวเดลี ดังนั้น อนุสรณ์สถานวิกตอเรียจึงตั้งอยู่ในที่ซึ่งจะเป็นเมืองหลวงของจังหวัดสำคัญ แทนที่จะเป็นเมืองหลวงของประเทศ
อนุสรณ์สถานวิกตอเรียสร้างเสร็จและเปิดให้สาธารณชนเข้าชมอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 1921 โดยเจ้าชายแห่งเวลส์ ซึ่งต่อมาเป็นพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 .. หลังจากปี 1947 อนุสรณ์สถานบางส่วนได้รับการเพิ่มเติม
Design and architecture
Victoria Memorial Hall ได้รับการออกแบบให้อาคารเป็น "บันทึกประวัติศาสตร์อันยอดเยี่ยมของเรา" และเป็นตัวอย่างที่น่าประทับใจของการดำรงอยู่ของอาณานิคม
อนุสรณ์สถานแห่งนี้เป็นการผสมผสานและผสานรวมองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่งดงามที่สุดของอิสลาม เดคคาน อังกฤษ เวนิส และอียิปต์ ..
เซอร์วิลเลียม เอเมอร์สัน (William Emerson : 1843–1924) สถาปนิกชื่อดังของอังกฤษ ประธานสถาบันสถาปนิกอังกฤษ เป็นผู้ออกแบบและวางผังอาคารแห่งนี้ บริษัท Messrs. Martin & Co. แห่งเมืองกัลกัตตา ซึ่งเป็นเจ้าของโดย Sir R.N. Mookerjee ได้รับความไว้วางใจให้ดำเนินการก่อสร้าง
อนุสรณ์สถานแห่งนี้เป็นสถาปัตยกรรมแบบฟื้นฟูฮินดู-ซาราเซนิก หรือ อินโด-ซาราเซนิก (IndoSaracenic) โดยผสมผสานเทคนิคการก่อสร้างและวิศวกรรมที่ซับซ้อนเข้ากับความรู้สึกทางสุนทรียศาสตร์ของการฟื้นฟูแบบโกธิกของทวีปยุโรป ร่วมกับองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมอินเดียและอินโด-อิสลาม ซึ่งต้องใช้ทักษะอันชาญฉลาดของช่างฝีมือในการตกแต่งและประดับประดาอย่างประณีต
ความยิ่งใหญ่ของอนุสรณ์สถานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ความสูง 200 ฟุต (184 ฟุตขึ้นไปถึงฐานของรูปปั้นแห่งชัยชนะ ซึ่งสูง 16 ฟุตเช่นกัน) โดยเน้นที่ทางเดินที่เงียบสงบ
อาคารหลังนี้มีขนาด 338 ฟุต x 228 ฟุต ก่อสร้างด้วยหินอ่อนจากเหมืองหินมักรานา โดยยึดตามมาตรฐานวิศวกรรมโครงสร้างขั้นสูงของอังกฤษในช่วงปี ค.ศ. 1800
… ซึ่งรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานของเหล็ก เหล็กกล้า และคอนกรีตหล่อ น้ำหนักรวมของอนุสรณ์สถานวิกตอเรียที่หุ้มด้วยหินอ่อนอยู่ที่ประมาณ 80,300 ตัน
อนุสรณ์สถานอันสง่างามแห่งนี้มีโดมที่ด้านบนมีรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ (สูง 16 ฟุต หนัก 3 ตัน) ของไนกี้ แองเจิลแห่งชัยชนะ ถือแตรในมือ รอบๆ
รอบๆ โดมมีประติมากรรมเชิงเปรียบเทียบ ได้แก่ ศิลปะ สถาปัตยกรรม ความยุติธรรม และการกุศล และเหนือเฉลียงด้านเหนือคือ แม่ ความรอบคอบ และการเรียนรู้
ความสมบูรณ์แบบของสถาปัตยกรรมนั้นชัดเจนในโดมที่ประกอบไปด้วยแชททรีโดมแปดเหลี่ยมย่อยอีกสี่แชททรี ประตูสูง ระเบียง และหอคอยโดมมุมสไตล์โมกุลที่แกะสลักรอบส่วนโค้งหน้าต่างซึ่งเผยให้เห็นสัมผัสของซาราเซนิกมากมาย
Victoria Memorial Hall ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นตัวอย่างสถาปัตยกรรมอินเดีย-อังกฤษที่งดงามที่สุดในอินเดีย
ปัจจุบัน อนุสรณ์สถานหินอ่อนสีขาวขนาดใหญ่แห่งนี้ทำหน้าที่เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยคอลเลกชันโบราณวัตถุจำนวน 29,000 ชิ้นจากช่วงที่จักรวรรดิอังกฤษปกครอง
.. โดย 4,000 ชิ้นเป็นคอลเลกชันภาพวาดสีน้ำมันและสีน้ำขนาดใหญ่ของศิลปินชาวยุโรปที่มีชื่อเสียง เช่น ชาร์ลส์ ดอยลี โยฮันน์ ซอฟฟานี วิลเลียม แฮดเจส วิลเลียม ซิมป์สัน ทิลลี เคตเทิล โทมัส ฮิกกี้ บัลตซาร์ โซลวินส์ โทมัส ฮิกกี้ เอมิลี่ อีเดน และคนอื่นๆ
Victoria Memorial Hall ทำหน้าที่ในการเป็นหอศิลป์ พิพิธภัณฑ์ ห้องสมุดวิจัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศิลปะและการศึกษาด้านพิพิธภัณฑ์ และพื้นที่ทางวัฒนธรรมในเมืองโกลกาตา
Royal Gallery
หอศิลป์ Royal Gallery .. เป็นที่จัดแสดงภาพวาดสีน้ำมันจากคอลเลกชัน VMH ซึ่งประกอบด้วยภาพวาดของศิลปินชื่อดัง เช่น Thomas & William Daniell, Johann Zoffany, R. Mackenzie, Charles Horsley เป็นต้น
จุดเด่นอย่างหนึ่งของหอศิลป์แห่งนี้คือภาพวาดขนาดใหญ่ประดับผนังด้านใต้ที่สร้างสรรค์โดย Vassili Verestchagin ศิลปินชาวรัสเซียชื่อดัง
ผลงานชิ้นเอกนี้แสดงถึงการเสด็จเข้าเมืองชัยปุระของกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 7 เจ้าชายแห่งเวลส์ในขณะนั้นในปี 1876
และได้รับการยกย่องว่าเป็นภาพวาดสีน้ำมันบนผืนผ้าใบผืนเดียวที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียและยังเป็นหนึ่งในภาพวาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย
Entnrace Hall โถงทางเข้า
โถงทางเข้าจัดแสดงนิทรรศการที่มีชื่อว่า “การก่อสร้างวิกตอเรียเมมโมเรียลฮอลล์”
นิทรรศการนี้จัดแสดงภาพถ่ายที่บันทึกขั้นตอนต่างๆ ของการก่อสร้างวิกตอเรียเมมโมเรียลฮอลล์ตั้งแต่ปี 1906 ถึง 1921 โดยให้ผู้เยี่ยมชมได้ชมความเป็นมาของอาคารก่อนเข้าชมพิพิธภัณฑ์
นอกจากนี้ โถงทางเข้ายังจัดแสดงรูปปั้นหินอ่อนของกษัตริย์จอร์จที่ 5 และพระราชินีแมรีอีกด้วย
Queen Hall; Gallery ห้องโถงควีนส์ : ห้องโถงกลาง
ห้องโถงกลางหรือห้องโถงควีนส์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของวิกตอเรียเมโมเรียลฮอลล์
ห้องโถงนี้มีรูปร่างเป็นวงกลม โดยมีรูปปั้นหินอ่อนขนาดเท่าตัวจริงของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรียในวัยสาว (ค.ศ. 1819-1901) โดยเซอร์โทมัส บร็อค ยืนอยู่ตรงกลางห้องโถง ใต้โดมหลักของอนุสรณ์สถานโดยตรง
ในช่องผนังของห้องโถงวงกลมมีแผ่นหินอ่อนซึ่งมีจารึกข้อความจากคำประกาศของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรียในโอกาสที่มกุฎราชกุมารแห่งจักรวรรดิอินเดียขึ้นครองราชย์ (ค.ศ. 1858) และในโอกาสที่พระองค์ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดินีแห่งอินเดีย (ค.ศ. 1877) เป็นภาษาต่างๆ
ใต้โดมกลางมีภาพวาดบนผ้าใบทรงครึ่งวงกลมจำนวน 12 ภาพ โดยแฟรงก์ ซอลส์เบอรี ซึ่งบรรยายถึงเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของสมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย
Prince Hall
ห้องจัดแสดงอาวุธและชุดเกราะจากสมัยก่อนจากคอลเลกชันของ VMH มีทั้งปืนใหญ่ฝรั่งเศส 2 กระบอกที่ทำด้วยทองเหลือง ซึ่งโรเบิร์ต ไคลฟ์ นายพลทหารของบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษยึดมาจากกองทหารฝรั่งเศสในยุทธการพลาสซีย์ (ค.ศ. 1757)
และแบบจำลองสมรภูมิพลาสซีย์จากปูนปลาสเตอร์แห่งปารีส ปืนทองเหลืองของมหาราชา กฤษณะ จันทรา เรย์ และรูปปั้นครึ่งตัวสำริดสองสามชิ้นเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งประดิษฐ์ที่จัดแสดงในห้องจัดแสดงนี้
สิ่งประดิษฐ์อื่นๆ เช่น คันจาร์ โล่ กาตาร์ ปืนคาบศิลา เป็นต้น ถือเป็นจุดสนใจหลักของห้องจัดแสดงนี้เช่นกัน
Durbar Hall
Durbar Hall’ ใช้สำหรับจัดนิทรรศการชั่วคราวของ Victoria Memorial Hall ปัจจุบันจัดแสดงนิทรรศการที่มีชื่อว่า “India: In the Eyes of Thomas and William Daniell”
นิทรรศการนี้จัดแสดงภาพแกะสลักที่คัดสรรโดยตระกูล Daniell จากคอลเลกชันที่แสดงถึงมรดกทางสถาปัตยกรรมของอินเดีย
Victoria Memorial Hall มีคอลเลกชันภาพวาดของตระกูล Daniell เกี่ยวกับชีวิตและภูมิทัศน์ของอินเดียที่ใหญ่ที่สุด
Biplobi Bharat Gallery (1st Floor)
เนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีของ Victoria Memorial Hall ในปี 2022 ได้มีการเปิดนิทรรศการมัลติมีเดียเกี่ยวกับชาตินิยมปฏิวัติของอินเดียในชื่อ Biplobi Bharat
โดยนำเสนอการต่อต้านด้วยอาวุธที่เผชิญโดยอังกฤษในอินเดีย
นิทรรศการนี้นำเสนอการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของอินเดียโดยนักปฏิวัติตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 จนถึงการประกาศอิสรภาพ
โดยนำเสนอตัวอย่างการต่อต้านในอินเดียและทั่วทั้งยุโรปผ่านเครือข่ายนักปฏิวัติอินเดีย
นิทรรศการเชิงตีความของกองทัพแห่งชาติอินเดียและธงของพรรค Ghadar, Azad Hind Fauj และ Azad Hind Sarkar ยังจัดแสดงในแกลเลอรีนี้ด้วย
นิทรรศการนี้รำลึกถึงการต่อสู้ของนักสู้เพื่ออิสรภาพนับไม่ถ้วนและการมีส่วนสนับสนุนในการทำให้ประเทศอินเดียเป็นอิสระ
โฆษณา