2 ต.ค. เวลา 01:59 • ความคิดเห็น
วัฏสงสารเป็นภัยอยู่แล้วครับ ธรรมชาติทุกรูปแบบอยู่ในลักษณะของ วังวน หรือที่เรียกว่า วัฏฏะ วัฏจักร ก็เรียก มันจะวนเวียนเป็นลูบซ้ำๆ เดิมๆ เช่น ต้นไม้งอกจากเมล็ด เติบโต เหี่ยว เฉาตาย คนเกิดเสื่อมแก่ เจ็บและตาย มีลาภก็หมดลาภ มีชื่อเสียงก็สิ้นชื่อเสียง มีสุขก็มีทุกข์มีทุกข์ก็มีสุข มีได้มา ยึดมั่นและจากลา เสียไป และแน่นอนครับ วัฏสงสารมีเป้าหมายเดียว คือ หลอกให้สัตว์ ข้องยึดอยู่ ด้วยการสร้างภัยทางโลก และ ภัยทางธรรมชาติ มาขู่พวกเราทุกคน
เคยสังเกตไหมครับ เวลาเราเจอเรื่องร้ายๆ จิตของเรากลับยิ่งกระตือรือร้นที่จะดิ้นรนแสวงหาความสุข อยากรีบพ้นไปจากสภาวะที่เป็นทุกข์โดยการสรรหาความสุขทางโลกต่างๆใส่ตัวให้มากขึ้นไปอีก แต่แทบจะไม่เคยมีใครสักคนเลยที่จะคิดเบื่อหน่ายโลกใบนี้ เบื่อหน่ายระบบวัฏฏะนี้ แล้วคิดที่จะหนีไปจากสารระบบนี้ คิดที่จะไม่ตกเป็นเบี้ยล่างของสารระบบนี้อีกต่อไป หรือถ้ามีก็มีน้อยมาก แต่มีอยู่คนหนึ่งที่เป็นผู้หนีวัฏสงสารนี้ไปได้เป็นคนแรก บุรุษคนนั้นมีนามว่า อรหันตสัมมาสัมพุทธะ สิทธัตถะโคตมะ
พระพุทธองค์ทรงค้นพบความจริงของวัฏฏะสงสารอันแสนอันตรายนี้ว่ามันคือวังวนแห่งทุกขภัยที่หนีได้ มีทางไปที่ประเสริฐยิ่งกว่าสวรรค์ นั่นคือ สภาวะที่เรียกว่า "นิพพาน" การจะเริ่มเข้าสู่คลื่นกระแสแห่งนิพพาน คือการปฏิบัติขัดเกลาจิตใจให้ตรงตามหลัก มรรคมีองค์๘ เพื่อให้ได้ความเป็นโสดาบันมาเพื่อปูทางให้จิตของคุณวิมุตต์หลุดพ้น สู่ระบบนิพพาน คือ ความดับเย็นเป็นอมตะนิรันดรโดยถาวรอนันตกาล วิธีที่ถูกต้องที่สุดสำหรับการหนีพ้นภัยแห่งสังสารวัฏ คือการเดินมรรค ทิ้งความกำหนัด จัดระเบียบสติปัญญาให้แม่นมั่น ไม่หวั่นต่อแรงยุ
เพื่อจะปิดประตูแห่งการเวียนว่ายตายเกิด เพราะแม้ไม่ตกนรกอบาย แต่ได้ไปเป็นเทพเทวาก็หนีไม่พ้นความทรมานในขันธ์ห้าประการใดประการหนึ่ง ทางเดียวที่จะทำให้พวกเราพ้นความทรมาน คือพระนิพพาน ซึ่งสิ้นแล้วซึ่งการเวียนว่ายเท่านั้น เป็นกำลังใจให้คุณเกิดดวงตาเห็นธรรมในเร็วๆนี้นะครับ เพราะแค่การตั้งคำถามนี้ของคุณมันก็มีประโยชน์ต่อคุณและคนทุกคนมากๆ แสดงว่าคุณ มีเชื้อแห่งธรรมอยู่คู่สติปัญญานั่นเองครับ
โฆษณา