9 ต.ค. เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
WealthMagik

📢เจาะลึก SSF RMF และ TESG กับสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษี 🌟

👉Super Savings Fund หรือ SSF
เป็นกองทุนเพื่อการออม ซึ่งมาแทนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF โดย SSF เน้นไปที่การออมในระยะยาว อีกทั้งยังได้สิทธิลดหย่อนภาษีอีกด้วย
👉Retirement Mutual Fund หรือ RMF
เป็นกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ โดยส่งเสริมการออมเพื่อการเกษียณ และยังได้สิทธิในการลดหย่อนภาษีควบคู่ไปด้วย
👉Thailand ESG Fund หรือ TESG
เป็นกองทุนไทยที่สนับสนุนการออมระยะยาว สามารถใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนทำธุรกิจโดยเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นบริษัท ESG มากขึ้น
📌ข้อกำหนดและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของกองทุน SSF RMF และ TESF มีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
✅สิทธิลดหย่อนภาษี
– TESG : ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30 % ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 300,000 บาท
– SSF : ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30 % ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อเกษียณอื่นๆ แล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
– RMF : ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30 % ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อเกษียณอื่นๆ
✅สินทรัพย์ที่ลงทุน
– TESG : หุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่เข้าหลักเกณฑ์ ESG
– SSF : ลงทุนได้ทุกสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ
– RMF : ลงทุนได้ทุกสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ
✅ระยะเวลาการลงทุน
– TESG : ถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อ
– SSF : ถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อ
– RMF : ถือหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อ
✅ขั้นต่ำในการซื้อ
– TESG : ไม่มีขั้นต่ำ
– SSF : ไม่มีขั้นต่ำ
– RMF : ไม่มีขั้นต่ำ
✅เงื่อนไขในการซื้อ
– TESG : ไม่จำเป็นต้องซื้อทุกปี และสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ในปี 2567 – 2569 (มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 ม.ค. 2567 )
– SSF : ไม่จำเป็นต้องซื้อทุกปี และสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ในปี 2563 – 2567
– RMF : ซื้อต่อเนื่องทุกปีหรือปีเว้นปี จะขายได้ก็ต่อเมื่ออายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
✅เป้าหมายการลงทุน
– TESG : เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม และลงทุนในระยะยาว
– SSF : เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดหย่อนภาษี และเพื่อการออมระยะยาวมากกว่า 10 ปี
– RMF : เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดหย่อนภาษี และออมเพื่อการเกษียณ
โฆษณา