9 ต.ค. เวลา 23:00 • ประวัติศาสตร์

For Money to Change The World เงินเปลี่ยนโลก

บทนำ
ลองคิดดูนะ ถ้าคุณให้เงินก้อนโตแก่บริษัทน้ำมัน หลายหมื่นหลายแสนล้านดอลลาร์ คุณจะปล่อยให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาเป็นคู่แข่งที่อาจทำให้การลงทุนของคุณเสี่ยงขึ้นเหรอ?
แล้วก็เรื่องการผลิตไฟฟ้าที่บ้านเรานี่เอง ซึ่งก็ดูเหมือนจะมีปัญหาเหมือนกัน ที่เราเห็นค่าไฟแพงขึ้นทุกวัน จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เพราะการไฟฟ้าไม่มีการผลิตพอ แต่เค้าถูกจำกัดให้ผลิตไฟฟ้าด้วยตัวเอง และต้องไปซื้อพลังงานทางเลือกจากเอกชนแทนเป็นจำนวนมาก น่าสนใจไหม?
เงินเปลี่ยนโลก
เงินมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลกในยุคเริ่มต้น โดยเฉพาะในยุคล่าอาณานิคมของยุโรป ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญอีกครั้ง บริษัทสำรวจจากอังกฤษและดัตช์ อย่างเช่น Dutch East India Company และ East India Company ของอังกฤษ เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจ แม้จะมีชื่อคล้ายกันเพราะมาจากประเทศที่ต่างกัน แต่แนวทางในการระดมทุนต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อังกฤษได้ใช้วิธีระดมทุนจากชนชั้นสูง ในขณะที่ดัตช์นั้นเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกคนที่สนใจสามารถลงทุนได้ โดยมีการออกใบหุ้นให้กับผู้ที่ลงทุน ซึ่งถือว่า Dutch East India Company เป็นบริษัทมหาชนแห่งแรกของโลก
ในช่วงเวลานั้น อังกฤษยังมีการเกิดขึ้นของวัฒนธรรมกาแฟอย่างรวดเร็ว ร้านกาแฟได้ถูกเปิดขึ้นมากมายในลอนดอน และร้านกาแฟชื่อดัง เช่น Jonathan’s Coffee ก็เป็นจุดเริ่มต้นของโลกการเงินสมัยใหม่ที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน
Jonathan’s Coffee ร้านกาแฟที่มีการเขียนราคาหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ลงบนกระดานและกระดาษในปี 1698 จนกลายเป็นศูนย์รวมบรรดานักซื้อขายหุ้น นักลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า กลายเป็นจุดศูนย์กลางของเหล่าโบรกเกอร์ทั่วลอนดอน จนทำให้ลอนดอนค่อยๆ กลายเป็นศูนย์กลางการเงินโลกในท้ายที่สุด
ส่วนอีกหนึ่งร้านกาแฟสำคัญที่สร้างประวัติศาสตร์การเงินโลกด้านธุรกิจประกันภัยก็คือ Lloyd’s Coffee House ร้านกาแฟธรรมดาที่รวมเหล่านักเดินเรือ คนที่เกี่ยวกับการเดินเรือทั้งหลายไว้อย่างน่าสนใจ เหล่าคนเดินเรือมักมารวมตัวที่ร้านกาแฟแห่งนี้กัน จนค่อยๆ ก่อให้เกิดการแชร์ข้อมูลของเรือแต่ละลำ จนนำไปสู่การเกิดบริษัทประกันภัยระดับโลกอย่าง Lloyd’s Insurance ในท้ายที่สุด
นี่คือจุดเริ่มต้นของเงินเปลี่ยนโลกที่ชัดเจนยุคแรก ลองมาดูเงินเปลี่ยนโลกยุคถัดมาอีกสักนิดดีกว่า
กำเนิดฟองสบู่
ลองเข้าใจว่าฟองสบู่คืออะไรนะครับ มันเป็นสถานการณ์ที่คนหันมาสนใจบางอย่างอย่างมาก จนทำให้ราคาของมันพุ่งสูงขึ้น แต่สุดท้ายแล้วมันก็จะแตกไป อีกตัวอย่างที่น่าสนใจในประวัติศาสตร์อเมริกาคือฟองสบู่หุ้นรถไฟ ในช่วงที่อเมริกาพัฒนาทางรถไฟเพื่อเชื่อมเมืองต่างๆ โดยมีโฆษณาบอกว่าที่ดินรอบสถานีจะมีมูลค่าสูงและเกิดการค้าและการเดินทางมากมาย นั่นทำให้การลงทุนในหุ้นรถไฟกลายเป็นฟองสบู่ที่ทำให้หลายคนหลงเชื่อและประสบความเสียหายอย่างมหาศาล
กฎหมายเอื้อเศรษฐีเปลี่ยนโลก
ทุกคนที่ลงทุนหรือมีเงินมักต้องการวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาเงินของตัวเอง การหลีกเลี่ยงภาษีด้วยวิธีที่ถูกกฎหมายกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับคนรวย ดังนั้น การเลือกลงทุนนั้นควรเริ่มจากการมองหาวิธีลดหย่อนภาษีให้ได้มากที่สุด หรือถ้าไม่ต้องเสียภาษีเลยนั้นจะถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ
หลายประเทศหรือรัฐได้ปรับกฎหมายด้านการเงินและภาษีเพื่อดึงดูดมหาเศรษฐีให้ย้ายเงินมายังประเทศหรือรัฐของตน เช่น หมู่เกาะหรือบางรัฐในอเมริกา เช่น รัฐเดลาแวร์ ที่มีบริษัทจดทะเบียนมากกว่าจำนวนประชากร เพราะกฎหมายการเงินที่เอื้อให้เกิดผลดีต่อผู้ลงทุน
รัฐเดลาแวร์ได้ออกแบบกฎหมายใหม่เพื่อทำให้เป็นสวรรค์ทางการเงินสำหรับมหาเศรษฐี โดยการจดทะเบียนบริษัทที่นี่จะเสียภาษีเพียงเล็กน้อย ในขณะที่รัฐอื่นอาจมีอัตราภาษีที่สูงกว่า
ควรพิจารณาว่าการที่รัฐเหล่านี้ทำเช่นนี้เพื่อดึงดูดทุนจากบริษัทใหญ่ๆ นั้น ช่วยให้นักลงทุนเห็นความน่าสนใจและความได้เปรียบในการประหยัดภาษี แม้จะเป็นเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถหมายถึงการประหยัดเงินได้มหาศาล
ผลก็คือรัฐเดลาแวร์ซึ่งมีประชากรไม่ถึงล้าน กลับมีบริษัทมากกว่า 1.6 ล้านบริษัทที่มาจดทะเบียนที่นั่น ดังนั้น การออกกฎหมายเพื่อสนับสนุนการหลบเลี่ยงภาษีจึงเป็นกลยุทธ์ที่สามารถดึงดูดเม็ดเงินจากที่อื่นเข้ามาได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
สวิตเซอร์แลนด์คือสวรรค์ของคนรวย
เพราะที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการจัดการเงินและการหลบเลี่ยงภาษี โดยเฉพาะตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่พวกเขาก็รับฝากเงินจากทั้งชาวยิวและนาซีอย่างพร้อมเพรียง แถมยังมีการป้องกันข้อมูลลูกค้าอย่างเข้มงวด จนออกกฎหมายห้ามเปิดเผยข้อมูล ซึ่งทำให้สวิตเซอร์แลนด์กลายเป็นสวรรค์ของคนมีเงินอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเงินขาว เงินเทา หรือเงินดำก็มีหมด!
บทสรุป
รู้มั้ยครับว่าในขณะที่เงินดอลลาร์ถือเป็นค่าเงินหลักของโลกในปัจจุบัน แต่จริงๆ แล้วมันถูกใช้เพียง 25% เท่านั้นเอง ในอดีต เงินปอนด์อังกฤษเคยโด่งดังมากๆ ใช้กันทั่วโลกมากกว่า 80% จนทำให้ลอนดอนกลายเป็นศูนย์กลางการเงินที่สำคัญ ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ก็ยังได้รับความนับถือในเรื่องนี้
สำหรับสิงคโปร์เอง การเติบโตขึ้นมาเป็นศูนย์กลางการเงินที่เชื่อมโยงกระแสเงินทั่วโลกก็เป็นผลจากการวางเป้าหมายนี้จากลอนดอนไปอเมริกา โดยที่ข้อมูลทางการเงินไม่หยุดอยู่แค่ลอนดอน แต่ถูกส่งต่อมายังสิงคโปร์เพื่อเตรียมให้ตลาดเงินในลอนดอนเปิดทำการในวันถัดไป
จากการเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้โลกการเงินในทุกวันนี้ไม่มีการหยุดพัก เงินจะหมุนไปตามแสงไฟอย่างไม่รู้จักเหนื่อย แม้ว่าเราจะหลับอยู่ แต่เงินทั้งหลายกลับทำงานอย่างไม่มีหยุด
นี่คือบทเรียนเกี่ยวกับเงินที่ส่งผลต่อโลกเราในทุกยุคสมัย ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนโลก เริ่มจากการปรับทิศทางเงินของคุณให้ถูกต้อง แล้วโลกจะหมุนตามกระแสเงินนั้นเองครับ
โฆษณา