3 ต.ค. เวลา 05:45 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เคล็ด (ไม่) ลับ จัดการภาษีทรัพย์สินกงสี กุญแจช่วยพยุงธุรกิจครอบครัว

เคล็ด (ไม่) ลับ จัดการภาษีทรัพย์สินกงสี กุญแจสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจกงสีดำเนินไปได้อย่างราบรื่น รุ่นต่อรุ่น
ทำความรู้จัก ‘ทรัพย์สินกงสี’
หมายถึงทรัพย์สินส่วนกลางของครอบครัว ที่อาจถือครองโดยสมาชิกในตระกูลร่วมกัน หรือมอบหมายให้คนใดคนหนึ่งที่ครอบครัวไว้ใจถือครอง เพื่อให้สมาชิกครอบครัวได้รับผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน ทรัพย์สินกงสีมักประกอบด้วยทรัพย์สินหลายประเภท เช่น บัญชีเงินฝาก พอร์ตการลงทุน และอสังหาริมทรัพย์ (ทั้งที่ใช่และไม่ใช่ในธุรกิจครอบครัว) เป็นต้น ลักษณะการถือครองที่พบบ่อยคือ การถือครองทรัพย์สินร่วมกันของสมาชิกครอบครัว เช่น
นายพีระพัฒน์ เหรียญประยูร Managing Director – Wealth Planning and Non-Capital Market Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย (KBANK)
การใส่ชื่อร่วมกันระหว่างพ่อแม่กับลูก หรือพี่น้อง โดยมองว่าเป็นการเสริมความมั่นคงให้แก่ทรัพย์สินกงสี และทำให้สมาชิกครอบครัวมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินกงสีอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งเป็นแนวทางที่จะช่วยรักษาความเป็นเจ้าของให้อยู่ภายในครอบครัว รวมถึงเป็นเครื่องมือส่งเสริมความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างรุ่นสู่รุ่นผ่านการตัดสินใจร่วมกัน โดยเฉพาะในกรณีที่มีการขายหรือโอนย้ายทรัพย์สินในอนาคต
แนวทางการจัดการภาษีของทรัพย์สินกงสี
ทรัพย์สินกงสี มักถูกถือครองในชื่อร่วม ซึ่งหมายถึงการถือครองโดยบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ทำให้การจัดการภาษีของทรัพย์สินกงสีมีความซับซ้อน เนื่องจากมีประเด็นทางภาษีที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียดเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น จึงต้องมีการวางแผนภาษีอย่างเป็นระบบและเหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ตามกฎหมายภาษี การถือทรัพย์สินร่วมกันถือเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ ที่ไม่ใช่นิติบุคคล (หสม.) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งหน่วยภาษีที่ต้องเสียภาษีในอัตราก้าวหน้าเช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา
ในอดีตส่วนแบ่งกำไรที่เจ้าของร่วม (หุ้นส่วน) แต่ละคนได้รับไม่ต้องนำไปรวมเสียภาษีระดับบุคคลอีก ทำให้การถือครองทรัพย์สินร่วมกันหรือการตั้งคณะบุคคลเป็นที่นิยมอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม นับแต่ปี 2558 กฎหมายภาษีได้มีการแก้ไขและยกเลิกการยกเว้นภาษีระดับบุคคลดังกล่าว ส่งผลให้ในปัจจุบัน เงินได้จากทรัพย์สินที่มีชื่อร่วมกัน นอกจากจะต้องเสียภาษีอัตราก้าวหน้าในระดับหสม. แล้ว ยังต้องเสียภาษีในระดับบุคคลอีกครั้งเมื่อมีการแบ่งกำไร โดยถือเป็นเงินได้ประเภทอื่น
(ประมวลรัษฎากร มาตรา 40(8)) ยกเว้น การถือครองทรัพย์สินร่วมกันของสามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสที่ไม่ถือเป็นหสม. และในกรณีที่ทรัพย์สินกงสีถูกถือครองโดยบุคคลเดียว ผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีก็คือบุคคลที่มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์สินนั้นนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แต่ละครอบครัวสามารถวางแผนภาษีการถือครองทรัพย์สินกงสีแต่ละประเภทให้ถูกต้องได้ โดยมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันตามประเภทของทรัพย์สิน ดังนี้
- ทรัพย์สินกงสีประเภทเงินลงทุน : การเสียภาษีของเงินลงทุนที่ถือร่วมกันจะขึ้นอยู่กับประเภทของเงินได้ที่เกิดขึ้น สำหรับดอกเบี้ยเงินฝากนั้นไม่ต้องเสียภาษีซ้ำซ้อน เนื่องจากกฎหมายได้ยกเว้นไว้ว่าหากหักภาษี ณ ที่จ่ายในนามของห้างหุ้นส่วนสามัญแล้ว การแบ่งส่วนแบ่งดอกเบี้ยไม่ต้องเสียภาษีในระดับบุคคลอีก ซึ่งแตกต่างจากเงินปันผลหรือกำไรจากการขาย ที่จะต้องเสียภาษีในระดับห้างหุ้นส่วนสามัญ โดยมีอัตราและข้อยกเว้นเหมือนบุคคลธรรมดา
คือ เงินปันผลสามารถเลือกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% และกำไรจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้รับยกเว้นภาษีในระดับห้างหุ้นส่วนสามัญ แต่เมื่อมีการแบ่งเงินปันผลหรือกำไรระหว่างกัน ต้องนำมารวมกับเงินได้อื่นของตนและเสียภาษีในอัตราภาษีก้าวหน้า
- ทรัพย์สินกงสีประเภทอสังหาริมทรัพย์ : สำหรับเงินได้จากการขายหรือให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ถือร่วมกันก็ถือเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ เช่นกัน หากเป็นการซื้อมาร่วมกัน เงินได้จากการขาย/ให้เช่าต้องเสียภาษีในระดับหสม. ในลักษณะเดียวกับบุคคลธรรมดา และเสียภาษีในระดับบุคคลอีกครั้งเมื่อมีการแบ่งส่วนแบ่งจากการขาย/ค่าเช่า
แตกต่างกับเงินได้จากอสังหาริมทรัพย์ที่ได้มาจากการรับให้หรือรับมรดกร่วมกัน กฎหมายได้ยกเว้นในกรณีนี้ไว้ให้เสียภาษีเพียงระดับเดียว คือ กรณีค่าเช่าเสียภาษีระดับหสม. เท่านั้น และในกรณีขาย ให้เจ้าของแยกคำนวณภาษีตามส่วนของแต่ละคน
แต่....หลายครั้งผลลัพธ์อาจตรงกันข้าม เช่น ครอบครัวที่มีทรัพย์สินเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เจ้าของร่วมบางคนต้องการขายเพราะมีภาระภาษีและค่าใช้จ่ายระยะยาวสูง แต่เจ้าของร่วมที่เหลือไม่ต้องการขายเพราะมองว่าเป็นทรัพย์สินสำคัญของครอบครัว ทำให้ไม่สามารถขายได้ เนื่องจากการขายทรัพย์สินในชื่อร่วมต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของทุกราย (และอาจรวมถึงคู่สมรสด้วย) ยิ่งปล่อยเวลานานไปโดยไม่จัดการ
เมื่อถึงเวลาส่งต่อให้ทายาท จำนวนเจ้าของร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ การตัดสินใจร่วมกันยิ่งยากและอาจนำไปสู่ความขัดแย้งภายในครอบครัว อีกตัวอย่างที่พบบ่อยคือการใส่ชื่อบุคคลอื่นให้ถือทรัพย์สินแทน โดยทุกคนในครอบครัวไม่ได้รับทราบโดยทั่วกัน เมื่อผู้ถือแทนเสียชีวิต ทรัพย์สินนั้นก็จะส่งต่อไปยังทายาทของผู้ถือแทนตามกฎหมาย ทรัพย์สินจึงไม่ตกไปยังเจ้าของที่แท้จริง
ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการถือทรัพย์สินแทนกันถ้าไม่จำเป็นหรือไม่มีข้อตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษร
KBank Private Banking แนะนำ 3 ขั้นตอน เพื่อให้การจัดการทรัพย์สินกงสีเป็นไปอย่างราบรื่น ได้แก่
1. พูดคุยตกลงกันภายในครอบครัว เพื่อแบ่งประเภททรัพย์สินเป็นกลุ่มๆ เช่น กลุ่มทรัพย์สินที่มีคุณค่าทางจิตใจ กลุ่มทรัพย์สินที่อาจขายในอนาคต และกลุ่มทรัพย์สินที่จะส่งต่อให้สมาชิกรายคน เป็นต้น
2. ปรับวิธีการถือครองทรัพย์สินกงสีที่มีอยู่ เพื่อให้ง่ายต่อการจัดการตามที่ตกลงกันไว้และป้องกันไม่ให้มีภาระภาษีซ้ำซ้อน
3. วางแผนการถือครองทรัพย์สินกงสีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/trick-trend/233817
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา