5 ต.ค. เวลา 08:59 • ความคิดเห็น

#จรรยา #มารยาท หน้าที่ของโหรฯ ที่พึงปฏิบัติต่อผู้มารับคำพยากรณ์

คือการออกคำพยากรณ์ ให้คำปรึกษา แนะนำแนวทางที่ถูกที่ควร แต่เพียงเท่านั้น
ซึ่งหากเป็นนักโหราศาตร์ จะมีสิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอนและห้ามเอาไว้ ตัวผมเองซึ่งเป็นนักโหราศาตร์ได้ยึดถือนำมาปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดคือ #ห้ามแสวงหาผลประโยชน์แอบแฝง ต่อเนื่องจากการพยากรณ์เป็นอันขาด
เมื่อพบเห็นเรื่องร้าย #ห้ามฉวยโอกาส นำความทุกข์ความเดือดเนื้อร้อนใจของผู้รับคำพยากรณ์ มาแสวงหาผลประโยชน์ทับซ้อน และจะมีเรื่องที่ห้าม #ทำนาย อยู่ตามโศลก
ทายสามี ภรรยา ให้ราคี
ทายชีวี วิบัติ ตัดชันษา
ทายคุณโทษ ทารก ทาริกา
เรียนโหรา ครูห้าม การทำนาย
ครูบาอาจารย์ทุกท่านเน้นย้ำเสมอในการออกคำทำนาย ให้นักโหราศาสตร์จะต้องออกคำทำนาย ถึงแนวทางแต่ละช่วงเวลาของดวงดาวในพื้นดวงเดิม ดาวจร ในปัจจุบัณ และในอนาคต ถึงจังหวะของชีวิตในแต่ละช่วง สิ่งที่จะเข้ามากระทบ สิ่งที่ควรระมัดระวัง และดำเนินชีวิตไปด้วยความไม่ประมาท อย่างมีสติ รวมถึงการใช้คำพูดที่จะสื่อสารในการทำนายด้วยความ จริงใจ สุภาพ ไม่กระทบกระเทือนจิตใจของผู้รับคำพยากรณ์
และที่สำคัญ “ควรรักษาความลับของผู้มารับคำพยากรณ์เสมอ” อีกทั้งไม่ควรดูดวงใคร โดยไม่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของดวงเอง
นี่แหละข้อพึงปฏิบัติในวิชาชีพที่ควรรักษาอย่างเคร่งครัดยิ่ง
แล้วนักโหราศาสตร์ แตกต่างอย่างไรกับ หมอดู
นักโหราศาสตร์ หรือ #โหรฯ คือ ผู้ที่เฝ้าสังเกตการเปลี่ยนแปลงของ วัน เวลา เหตุการณ์บนท้องฟ้า และเหตุการณ์ต่างๆบนโลก นำมาเป็นข้อมูลเพื่อประโยชน์ในด้านต่างๆ ของมวลมนุษย์
ซึ่งจะพัฒนาไปเป็นสองกระแสหลักคือ ประเภทที่ไม่ออกคำพยากรณ์ต่อตัวบุคคลเป็นการเฉพาะเจาะจงนั้นจะพัฒนาไปเป็น #นักดาราศาตร์ #นักอุตุนิยมวิทยา ฯลฯ
และประเภทที่นำผลจากการเฝ้าสังเกตเหตุการณ์ ที่จดบันทึกไว้นำมาเป็นข้อมูลออกคำพยากรณ์โดยการวิเคราะห์ การทำปฏิกิริยากันของดวงดาว ในพื้นดวงเดิม (ดวงบุพกรรม) และ ดวงดาวจร ในอดีต ปัจจุบัน อนาคต ที่จะส่งผลมาถึงเจ้าชะตา บุคคลใดบุคคลหนึ่ง นี้คือ #นักโหราศาสตร์
และการจะทราบถึงตำแหน่งของดวงดาวแต่ละดวงว่า ณ เวลาประสงค์ใดๆ ดาวดวงใด สถิตอยู่ที่ตำแหน่ง #ราศี #องศา #ลิปดา #ฤกษ์ #ตรียางค์ #นวางค์ ใดเมื่อสังเกตจากโลก หรือที่ในศัพท์โหรฯเรียกว่า #สมผุส จะต้องศึกษาเรียนรู้วิธีการคำนวณจาก #คัมภีร์สุริยยาตร์ และ #คัมภีร์มานัตต์ (ในกรณีที่เป็นโหรฯสาย นิรายนะ)
ซึ่งคัมภีร์สุริยยาตร์ และมานัตต์ เป็นการคำนวณให้ได้ค่าสมผุสโดยประมาณ ที่ใกล้เคียงกับท้องฟ้าจริงที่สุด โดยประมาณ อย่างง่าย - สั้นที่สุด และน่าทึ่งที่สุดด้วยวิธีและภูมิปัญญาโบราณ ย้ำว่าเป็นค่าโดยประมาณ อย่างง่าย - สั้นที่สุด, ที่ว่าโดยประมาณ อย่างง่าย - สั้นที่สุดอย่างไรนั้น โปรดใช้วิจารณญาณ แต่รับรองว่า น่าทึ่งที่สุดอย่างแน่นอน
ตัวผมเองได้ร่ำเรียน คัมภีร์สุริยยาตร์ และ คัมภีร์มานัตต์ในระบบ #นิรายนะ ที่ตัดจุด 0 องศาของ #ราศีเมษ ที่พิกัด 180 องศาจาก #ดาวรวงข้าว หรือดาว #Spica ออกคำพยากรณ์และ #ให้ฤกษ์ โดยใช้หลักการวิชา #โหราศาสตร์ไทย #อินทภาสบาทจันทร์ #ทักษา #มหาทักษา #ตรีวัย จึงขอ #อุปโลกน์ ตนเองว่าเป็นนักโหราศาสตร์คนหนึ่ง
ส่วนหมอดูนั้นจะใช้ศาสตร์การพยากรณ์ใดๆ ก็สุดแล้วแต่วิธีการของแต่ละท่าน
ดังนั้น นักโหราศาสตร์ ≠ หมอดู เหตุเพราะหมอดู ไม่ได้ใช้ปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่ได้จากการสังเกตหรือการคำนวณด้วย คัมภีร์สุริยยาตร์ และ คัมภีร์มานัตต์ หรือใช้การคำนวณจากคัมภีร์อื่นๆ เพื่อหาสมผุสของดาวมาวิเคราะห์เพื่อออกคำทำนาย
นี่คือความแตกต่างระหว่าง นักโหราศาสตร์ และ หมอดู รวมถึงข้อพึงปฏิบัติในวิชาชีพที่ควรรักษาอย่างเคร่งครัดยิ่ง หากท่านใดไม่ปฏิบัติตนตามคำครูบาอาจารย์ จะเรียกตัวว่าเคยเป็นโหรฯ หรือ #หมอดูที่ดี ได้หรือ?
โฆษณา