6 ต.ค. เวลา 01:39 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ช่วงเวลาแห่งความยากลำบากของอาร์เจนติน่าภายใต้การผ่าตัดใหญ่ของประธานาธิบดี Javier Milei

สำหรับคนที่ชอบศึกษาปรากฎการณ์ทางเศรษฐกิจ อาร์เจนติน่าเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์เศรษฐกิจที่น่าสนใจมากเพราะเคยเป็นประเทศที่ร่ำรวยหนึ่งในสิบของโลก แต่ความไม่มั่นคงทางการเมืองและการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ผิดพลาดทำให้ประเทศอาร์เจนติน่าตกต่ำลงเรื่อย ๆ และเจอปัญหาเงินเฟ้อรุนแรง (hyperinflation) อยู่เสมอ
สถานการณ์ดังกล่าวได้ผลักให้ประชาชนชาวอาร์เจนติน่าที่เคยร่ำรวยและมีฐานะปานกลางจำนวนมากมีรายได้ที่แท้จริงลดลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นคนยากจนไปในที่สุด สถานการณ์ดังกล่าวมีแต่จะแย่ลงเรื่อย ๆ จนทำให้อาร์เจนติน่าติดหล่มประเทศที่ยากจะพัฒนาให้ดีขึ้นและเป็นปัญหาที่ยากจะมองเห็นทางออก
ในปี 2023 มีผู้สมัครประธานาธิบดีที่ชื่อ Javier Milei ก้าวออกมาหาเสียงด้วยนโยบายสุดโต่งโดยสัญญากับประชาชนว่าหากได้เป็นประธานาธิบดีจะมาล้างระบบเดิมที่เละเทะด้วยนโยบายที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนและคงไม่มีใครกล้าทำ เช่น ยกเลิกการขาดดุลการคลังของรัฐด้วยการยกเลิกโครงการต่างๆ ที่ไม่จำเป็น ยกเลิกสวัสดิการของรัฐที่สร้างความไม่ประหยัดให้กับประเทศในขณะที่สร้างภาระทางการคลังให้รัฐแบบพอกหางหมู ขายรัฐวิสาหกิจที่รัฐต้องสนับสนุนอยู่ตลอดเวลา หรือแม้แต่ยุบหน่วยงานรัฐที่เห็นว่าเอกชนทำได้ดีกว่าและเลิกจ้างข้าราชการ
และที่หนักมากคือยกเลิกเงินเปโซหันไปใช้เงินดอลลาร์สหรัฐและยุบแบงค์ชาติทิ้งไป
การหาเสียงโดยใช้ถ้อยคำที่รุนแรงแต่โดนใจคนอาร์เจนไตน์ส่วนใหญ่ทำให้ Milei ชนะการเลือกตั้งในช่วงปลายปี 2023 อย่างท่วมท้นด้วยเสียงโหวดสูงสุดเท่าที่เคยมีมา และทันทีที่เค้าเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ Milei ก็เริ่มทำนโยบายตามที่ประกาศทันที ผ่านไป 10 เดือน นโยบายที่สำคัญ ๆ ถูกผลักดันให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมแบบที่ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นไปได้ เช่น
1. ยุบกระทรวงจาก 18 กระทรวงเหลือ 9 กระทรวง ยกเลิกการจ้างงานข้าราชการกว่า 50,000 ตำแหน่งจากที่เคยประกาศไว้ 70,000 ตำแหน่ง พร้อมๆ กับตั้งกระทรวงใหม่ชื่อว่า Minister of Deregulation and State Transformation เพื่อปรับโครงสร้างประเทศขนานใหญ่
2. ตัดการใช้จ่ายภาครัฐจำนวนมาก เช่น สั่งหยุดโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการทำให้สามารถลดงบลงทุนลงทันที 71% ลดการอุดหนุนราคาพลังงานและการขนส่งลง 43% ลดการอุดหนุนเงินสำรองเลี้ยงชีพลง 27%
3. ลดค่าเงินลง 50% เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านราคาให้กับสินค้าส่งออก ลดการพึ่งพาสินค้านำเข้า และชะลอการลดลงของเงินสำรองระหว่างประเทศที่เคยไหลออกอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
4. ล่าสุดสภาคองเกรซผ่านร่างกฎหมายแปรรูปรัฐวิสาหกิจให้เป็นธุรกิจเอกชน (privatization) เพื่อลดการขาดดุลและการอุดหนุนของรัฐ และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับองค์กร
ในแง่บวก การขาดดุลการคลังของรัฐบาลลดลงอย่างเห็นผล แต่ในแง่ลบ การยุบหน่วยงานรัฐและการจัดการใช้จ่ายภาครัฐลงจำนวนมากทำให้เกิดการลดการจ้างงานเป็นจำนวนมากด้วยเช่นกันและส่งผลทวีคูณทางลบต่อระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรงจนสร้างผลทางลบที่สำคัญคืออัตราการว่างงานของอาร์เจนติน่าพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 5.7% ใน 2023Q3 เป็น 7.7% ใน 2024Q1 และทำให้สัดส่วนคนจนพุ่งสูงขึ้นจาก 41.7% ในช่วงปลายปี 2023 เป็น 53% ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2024
ส่วนภาวะเงินเฟ้อที่เป็นสนิมเนื้อในของเศรษฐกิจอาร์เจนติน่ามาอย่างยาวนานนั้น แม้ว่าการลดค่าเงินลง 50% จะส่งผลต่อราคาอย่างรุนแรงแต่ก็ถูกทำให้น้อยลงมากด้วยการลดการใช้จ่ายภาครัฐและกำลังซื้อของคนที่ลดลงจากการตกงานและจำนวนคนจนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ก็ทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงอย่างเห็นผลเช่นเดียวกัน โดยลดลงจาก 25% ในเดือนธันวาคม 2023 เหลือเพียง 4.2% ในกลางปี 2024
แม้อัตราการเติบโตของเงินเฟ้อแบบ YoY จะยังคงสูงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาก็ตาม แต่การลดลงของอัตราเงินเฟ้อรายเดือนก็เป็นสัญญาณของการควบคุมศัตรูตัวร้ายได้อย่างเห็นผล
แม้สัญญาณต่างๆ ทางเศรษฐกิจจะดีขึ้นมาก แต่สัดส่วนคนจนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วได้สร้างแรงกดดันทางการเมืองอย่างมากต่อ Milei เช่นเดียวกัน นักการเมืองฝั่งตรงข้ามรวมถึงนักเศรษฐศาสตร์ที่มีแนวคิดตรงกันข้ามกับ Milei ก็จะชี้ให้การตัดการใช้จ่ายภาครัฐในทุกรูปแบบที่ Milei ทำคือความผิดพลาดของนโยบายอย่างมหันต์
ประกอบกับคนจนที่กำลังอยู่กับความหิวที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และไม่รู้ว่าจะไปยุติที่ตัวเลขเท่าไร เป็นใครก็ยากที่จะทนดูต่อไปได้ แต่ Milei ยังยืนกรานที่จะดำเนินการต่อไปอย่างกล้าหาญโดยรัฐบาลเข้าช่วยเหลือประชาชนให้สามารถอยู่ได้ตามความต้องการขั้นพื้นฐานในขณะที่รอเศรษฐกิจฟื้นตัวตามความเชื่อมั่นของ Milei
หลังจากพยายามทำความเข้าใจ Milei อยู่พักใหญ่ ผมคิดเอาเองว่า นโยบายของ Milei จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของอาร์เจนติน่าในระยะยาว เพราะหลังจากนี้เป็นต้นไป เมื่อเอกชนเริ่มเข้ามาทำหน้าที่แทนรัฐบาลในหลายๆ กิจการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การจ้างงานก็จะเริ่มกลับมา (ใน 2024Q2 อัตราการว่างงานเริ่มลดลงจาก 7.7% เป็น 7.6%)
และเมื่อเอกชนที่เข้ามารายแรกๆ มีกำไรมาก ก็จะดึงเอกชนรายต่อๆ มาให้เข้ามาในตลาดมากขึ้นๆ การจ้างงานก็จะมากขึ้น และแต่ละตลาดของแต่ละสินค้าและบริการก็จะกลายเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างเต็มที่ตามที่ Milei อยากให้เป็น
และเมื่อนั้น ทุกตลาดของแต่ละสินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจของอาร์เจนติน่าก็จะกลายเป็นตลาดที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ ในขณะที่ขนาดของภาครัฐถูกลดลงจนอยู่ในขนาดที่ง่ายต่อการบริหารจัดการและปรับตัว ผู้ประกอบการและแรงงานที่อยู่ภายใต้การแข่งขันจะกลายเป็นผู้ประกอบการและแรงงานที่มีศักยภาพเพิ่มขึ้นและสามารถแข่งขันได้กับต่างประเทศ
เมื่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศสูงขึ้น ประเทศก็จะดึงดูดการลงทุนทั้งจากภายในและภายนอกประเทศมากขึ้น เศรษฐกิจก็จะขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
ถึงตอนนั้น หน้าที่ของภาครัฐก็จะเหลือเพียงการดูแลผู้เปราะบางที่จะลดลงอย่างมาก เพราะในบรรยากาศนั้นทุกคนล้วนมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับบริบทใหม่ได้อย่างรวดเร็ว หากมีคนใดต้องหลุดออกมาเพราะปรับตัวไม่ทัน รัฐก็มีหน้าที่ฝึกเค้าและส่งเค้ากลับเข้าไปในระบบได้ใหม่อย่างรวดเร็ว และในท้ายที่สุดทั้งประเทศจะเต็มไปด้วยคนที่มีความสามารถ และเมื่อทุกคนมีความสามารถ ประเทศก็จะเติบโตได้อย่างรวดเร็วในขณะที่รัฐก็จะเก็บภาษีได้มากและนำมาใช้พัฒนาประเทศและสร้างความมั่นคงให้กับทั้งประเทศได้ในทุกๆ ด้าน
น่าจะใช้เวลารอดูผลไม่เกิน 1 – 2 ปี ครับ ถ้า Milei ทำสำเร็จ ก็จะเป็นประเทศตัวอย่างของการพัฒนาประเทศโดยใช้ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แบบ libertarian ที่ประเทศส่วนใหญ่ไม่กล้าใช้
โฆษณา