6 ต.ค. เวลา 12:35 • หุ้น & เศรษฐกิจ

EP 34 The Elite Lineage: House of Nahyan ผู้นำการปฏิวัติพลังงานและเทคโนโลยี

ราชวงศ์อัล นะห์ยาน เป็นราชวงศ์ปกครองอาบูดาบีและเป็นหนึ่งในเจ็ดเอมิเรตของ UAE ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ด้วยทรัพย์สินมูลค่าประมาณ 305 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2024 มูลค่าทรัพย์สินของราชวงศ์นี้มากกว่า GDP ของประเทศไทยถึง 54% (GDP ไทยอยู่ที่ประมาณ 563 พันล้านดอลลาร์) ความร่ำรวยของราชวงศ์นี้เกิดจากการค้นพบน้ำมันในปี 1950 และการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนสู่ภาคส่วนอื่น ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์และพลังงานทดแทน
Economic Status
การลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมันของ UAE เป็นส่วนสำคัญในยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ โดยเฉพาะผ่านนโยบาย "Vision 2030" และ "UAE Energy Strategy 2050" ที่มุ่งหมายสร้างเศรษฐกิจที่มีความหลากหลายขึ้นอย่างชัดเจน ด้วยการลงทุนในภาคที่ไม่ใช่น้ำมัน (non-oil sectors) มากขึ้น รวมถึงพลังงานทดแทน, เทคโนโลยี, การท่องเที่ยว, อสังหาริมทรัพย์ และการผลิตภาคอุตสาหกรรม​
ตั้งแต่ปี 1970 รายได้จากน้ำมันลดลงจาก 70% ของ GDP มาอยู่ที่ประมาณ 29% ในปี 2020 ทั้งนี้ การลงทุนในภาค non-oil ได้รับการส่งเสริมอย่างมาก โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา UAE ได้เน้นการลงทุนในพลังงานสะอาดและเทคโนโลยี โดยเฉพาะการผลิตพลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนให้ได้ถึง 50% ภายในปี 2050 ผ่านโครงการอย่าง Masdar City ซึ่งเป็นศูนย์กลางการวิจัยพลังงานสะอาด
ในด้านมูลค่าการลงทุน รัฐบาลได้ประกาศแผนการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมูลค่าประมาณ 150 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงทศวรรษนี้ ซึ่งมุ่งเน้นในสาขาอุตสาหกรรมหนัก เทคโนโลยีสารสนเทศ การเดินทาง และอวกาศ โดยเฉพาะภายใต้โครงการ Dubai Expo 2020 และ Abu Dhabi Economic Vision 2030 ที่ได้เร่งการพัฒนาภาคเศรษฐกิจที่ใช้ทักษะสูงและมีมูลค่าเพิ่มสูง เช่น อุตสาหกรรมการบินและเทคโนโลยี AI​
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงทางนโยบายยังรวมถึงการเปิดให้มีการถือครองธุรกิจต่างชาติได้ 100% ในหลายภาคส่วน เช่น พลังงานทดแทนและการผลิต เพื่อดึงดูดการลงทุนและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของเศรษฐกิจ UAE
Political Influence
ในศตวรรษที่ 21 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) มีบทบาทในการสร้างสมดุลระหว่างอิทธิพลทางการเมืองของทั้งจีนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของ UAE ที่จะรักษาความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงในระดับสากล
Political Influence มุมมองของจีน
UAE ได้สร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นกับจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้โครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ของจีน ซึ่งทำให้ UAE กลายเป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนของจีนในตะวันออกกลาง UAE เป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญของจีนในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในด้านโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี 5G และพลังงานทดแทน ความสัมพันธ์ด้านเทคโนโลยีนี้ได้สร้างความกังวลให้กับสหรัฐฯ เนื่องจากเทคโนโลยี 5G จาก Huawei อาจเป็นภัยต่อความมั่นคง
จีนยังมีบทบาทในการสร้างความร่วมมือในด้านความมั่นคงของข้อมูล โดย UAE ได้เรียนรู้จากระบบควบคุมและเฝ้าระวังของจีน ซึ่งใช้ AI และการจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มความสามารถในการควบคุมภายในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของ COVID-19 ที่ UAE ได้ใช้เทคโนโลยีในการติดตามและป้องกันการแพร่ระบาดในแบบที่คล้ายกับจีน
Political Influence มุมมองของสหรัฐอเมริกา
ในขณะเดียวกัน UAE ยังเป็นพันธมิตรทางการทหารที่สำคัญของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ โดย UAE เป็นที่ตั้งของฐานทัพและศูนย์สนับสนุนหลายแห่งของกองทัพสหรัฐฯ ความร่วมมือทางทหารนี้เน้นไปที่การป้องกันอิทธิพลของอิหร่าน ซึ่งเป็นคู่ปรับสำคัญในภูมิภาค
ในช่วงหลังมานี้ ความสัมพันธ์ของ UAE กับสหรัฐฯ มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย เนื่องจากสหรัฐฯ มีท่าทีที่ไม่แน่นอนต่อภูมิภาค โดยเฉพาะหลังจากการถอนทหารจากอิรักและอัฟกานิสถาน ทำให้ UAE ต้องสร้างความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ เช่น จีน เพื่อให้เกิดความหลากหลายทางยุทธศาสตร์​
โดยรวม UAE พยายามสร้างสมดุลระหว่างสองมหาอำนาจนี้ เพื่อให้สามารถพัฒนาทางเศรษฐกิจและเสริมความมั่นคงภายในประเทศ โดยไม่ยึดติดกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากเกินไป
บทสรุป
ภายใต้วิสัยทัศน์ 2030 สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ได้วางแผนการลงทุนอย่างสำคัญในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI), ฟินเทค (Fintech) และพลังงานทดแทน เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากน้ำมันและพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
  • การลงทุนด้าน AI: AI คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ UAE โดยจะสร้างรายได้สูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 367 พันล้าน AED) หรือคิดเป็น 14% ของ GDP ภายในปี 2030 การพัฒนาในด้าน AI รวมถึงการใช้ในภาคอุตสาหกรรม เช่น การแพทย์ โลจิสติกส์ และการเงิน​
  • การลงทุนในฟินเทค: ฟินเทคใน UAE เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีมูลค่าการลงทุนในปี 2022 สูงถึง 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐและเอกชน ความร่วมมือในระดับสากลและโปรแกรมสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาฟินเทคจะยังคงเป็นส่วนสำคัญในการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้ไปจนถึงปี 2030​
  • พลังงานทดแทน: UAE ตั้งเป้าลงทุนระหว่าง 150 ถึง 200 พันล้าน AED ในพลังงานทดแทนภายในปี 2030 ภายใต้โครงการ UAE Energy Strategy 2050 โดยตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งของพลังงานสะอาดในระบบพลังงานเป็น 30% และลดการปล่อยคาร์บอนลงถึง 70% ทั้งยังสร้างงานด้านพลังงานสีเขียวประมาณ 50,000 ตำแหน่ง​
ผลตอบแทนคาดการณ์: ภายในปี 2030 การลงทุนในพลังงานทดแทนคาดว่าจะช่วยประหยัดเงินได้ถึง 100 พันล้าน AED จากการลดต้นทุนพลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การลงทุนใน AI และฟินเทคคาดว่าจะสร้างเศรษฐกิจที่เติบโตแบบยั่งยืนและลดการพึ่งพาน้ำมันในระยะยาว​
บทความอ้างอิง
  • 1.
    BizNews. (2024). "Unlocking the vault: How to meet the UAE's $1.5tn Sheikh."
  • 2.
    Wikipedia. (2024). "House of Nahyan."
  • 3.
    Chatham House. (2023). "China’s renewed influence in the Gulf."
  • 4.
    MEPC. (2024). "East or West: The UAE’s Balancing Act with China and the US."
  • 5.
    UAE Government. (2024). "UAE Energy Strategy 2050."
โฆษณา