7 ต.ค. เวลา 06:45 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

บทวิจารณ์ Joker : Folie à Deux

คือภาคต่อของ Joker (2019) ของ Todd Phillips ที่กลับมาเล่าเรื่องราวของไอคอนตัวนี้อีกครั้ง ด้วยความที่เป็นภาคต่อที่ควรดูภาคแรกมาก่อน ฉะนั้นก็ทำการบ้านครับ จะดูบนแอพฯ หรือจะดูในโรง ก็จัดกันไปนามสะดวก เพราะภาคนี้ต้องการความรู้ความเข้าใจในเหตุการณ์จากภาคแรกจริงๆ
หนังเล่าเรื่องราวของ Arthur Fleck ที่ถูกจับได้แล้วนำตัวมาขังไว้ในสถาบันจิตเวช เพื่อพิสูจน์ว่าสามารถขึ้นศาลเพื่อจพิจารณาคดีความได้หรือไม่
ที่นั่น เค้าต้องทุกข์ทรมานจากการค้นหาตัวตนที่แท้จริงว่ามีเพียง Arthur Fleck เท่านั้น คือว่ามี The Joker อยู่ในจิตใจของเค้าด้วย แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ เค้าได้พบเจอ Lee Quinzel ผู้ต้องขังสาวสวยที่เค้าตกหลุมรัก พร้อมกับได้ค้นพบว่านอกจากความรักแล้ว เค้ายังมีดนตรีอยู่ในหัวใจอีกด้วย
หนังใช้ความเป็น courtroom drama ที่เข้มข้นไปด้วยการพิจารณาคดีและการว่าความที่หยิบเอาเหตุการณ์และการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นในภาคแรกมาตีแผ่และขยี้ประเด็น โดยมี Harvey Dent อัยการหนุ่มอนาคตไกลเป็นโจทก์และมี Arthur Fleck เป็นจำเลย ใครที่ชอบแนวว่าความบอกเลยว่าบันเทิง เพราะมันดุเดือดเลือดพล่านผ่านวาจาที่เชือดเฉือนโดยไม่ต้องออกแอ๊คชั่น มีความพลิกไปพลิกมาระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย นับเป็นส่วนที่ตื่นเต้นเร้าใจของหนัง
อีกแนวทางหนึ่งที่หนังหยิบมาใช้ในการเล่าเรื่องก็คือ musical ใช่ครับ musical ประเภทตัวละครพูดๆ คุยๆ กันอยู่ ก็ตัดไปร้องเพลง แบบนั้นเลย อารมณ์รัชดาลัยเธียร์เตอร์กันเลยทีเดียว ซึ่งหนังทำถึงในแง่ของเหตุและผลที่ทำให้เรานั้นเชื่อในทิศทางของการนำเสนอเรื่องราวแบบนี้
หลายครั้งที่เพลงที่เค้าเลือกมานั่นเหมาะสมและตรงประเด็นกับอารมณ์ ความคิด และความรู้สึกของ Arthur และ Lee ที่ดูแล้วก็อินตาม แต่ก็มีบ้างเช่นกันที่จังหวะสอดแทรกเพลงดูขาดๆ เกินๆ และขรุขระในอารมณ์ เพราะจังหวะเข้าทำไม่ลื่นไหล ส่วนเพลงที่เลือกมานี่ต้องยอมรับเลยว่าไพเราะเสนาะหูทุกเพลง
หนังขยับเส้นเรื่องโดยรวมอย่างเชื่องช้าและใจเย็น เป็นหนัง slow burn ที่เราคนดูต้องค่อยๆ ซึมซับเรื่องราวและนั่งเก็บจิ๊กซอว์ข้อมูลกันไปเรื่อยๆ ตามเส้นเรื่องที่ขยับไปข้างหน้าอย่างไม่รีบร้อน มีที่ดุเดือดก็คือช่วงว่าความกันในศาลที่กล่าวถึงไปข้างบน แต่พอตัดมาในช่วงที่ตัวละครอยู่ในเรือนจำ
ช่วงนี้แหล่ะครับ ที่หนังขยับไปข้างหน้าแบบช้าๆ แต่มีสีสันนะ สีสันที่มาพร้อมกับ Lee Quinzel ที่ร้องและเต้นเพื่อบอกเล่าความรู้สึกและเรื่องราว ในขณะที่ Arthur เองก็ตอบสนองด้วยการร้องรำทำเพลงเช่นกัน ด้วยความไพเราะของเพลง ก็เลยสามารถผ่านความ slow burn ไปได้อย่างเพลิดเพลิน
ในแง่มุมทางจิตวิทยา เรารับรู้และเข้าใจอยู่แล้วว่า Arthur Fleck โดนอะไรมาในวัยเด็กที่ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่มีปัญหาทางจิต หนังภาคแรกทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีอยู่แล้วครับ พอมาถึงภาคต่อ หนังตั้งใจที่จะตีแผ่และขยี้ประเด็นนี้ต่อ ด้วยการนำตัวละครนี้มาขึ้นศาลเพื่อพิจารณาความผิด แต่ในขณะเดียวกันหนังก็โฟกัสไปที่ความเป็น multiple personalities ที่อยู่ในจิตใจของ Arthur ซึ่งก็ทำให้เราเข้าใจตัวละครนี้มากขึ้น
ส่วนสิ่งที่เรียกกันว่า Folieà Deux มันคืออาการความบ้าคลั่งร่วมกันของคนมากกว่า 2 คนขึ้นไป มันคืออาการป่วยทางจิตที่ถ่ายทอดจากคนหนึ่งไปสู่คนใกล้ชิด ซึ่งก็มักจะไม่พ้นคนในครอบครัว คนรัก คนสนิท ญาติพี่น้อง ในหนังก็คือ Arthur Fleck และ Lee Quinzel นั่นเองครับ แต่ถ้ามองให้ดี สาธารณะชนที่ยกย่องและเชิดชู The Joker มาตั้งแต่กลางเรื่องของภาคแรกไปจนถึงตอนจบของภาคแรก แล้วก็ต่อเนื่องมาถึงทั้งหมดของภาค 2 ความบ้าคลั่งที่ว่านี้ก็ไม่ได้ขาดช่วงลงเลย แถมยังทวีความรุนแรงมากขึ้นในภาคต่อด้วยซ้ำไป
เอาจริงแอบคิดนะว่าถ้าหนังมันไม่ได้มาในทิศทางของ courtroom drama แต่เลือกที่จะไปในแนวทางของความเป็น road movie ที่ให้ตัวละครที่เป็นอาชญากรออกเดินทางโดยมีเจ้าหน้าที่ไล่ล่า รสชาติของหนังเรื่องนี้มันจะออกมาประมาณ Bonnie and Clyde หรือเปล่านะ ที่แอบคิดนี่เพราะว่ามันจะมีช่วงหนึ่งครับที่เหมือนหนังทำราวกับว่าจะให้ Arthur และ Lee หนีออกจากเรือนจำ
production ดีงาม cinematography ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำงานสอดประสานกันจนทำให้เกิดโลกที่น่าเชื่อถือที่ทำให้เราในฐานะคนดูรู้สึกอินและจมดิ่งลงไปในโลกที่หนังสร้างขึ้น ด้วยความรู้ความเข้าใจจากหนังภาคแรก ด้วยเส้นเรื่องที่ลากต่อมาในภาคนี้ ด้วยความไพเราะของบทเพลง ด้วยความอยากรู้อยากเห็นในชะตากรรมของตัวละคร สิ่งเหล่านี้แหละครับที่มันผสมผสานกันให้เกิดความรู้สึกและเกิดอารมณ์ร่วมไปกับหนัง
โดยสรุปแล้วก็ยังเป็นหนังที่ฉันนั้นรู้สึกดีกับมันอย่างที่เคยรู้สึกกับภาคแรก ถึงแม้ว่าจะแอบมีความกังขาในทิศทางของความเป็น musical มาหลายสัปดาห์ก่อนจะได้ชมรอบสื่อมวลชน แต่พอได้ดูแล้วก็หายห่วงครับ เพราะหนังทำให้เราเชื่อในส่วนของการร้องรำทำเพลง บวกกับโดยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบดูหนัง courtroom drama อยู่แล้ว พอความ musical ผ่าน ทุกอย่างก็ลงตัว ชอบครับ ถึงแม้หนังจะมีบาดแผลอยู่พอสมควรก็ตาม
ความคุ้มค่าของ Joker : Folie à Deux จากคะแนนเต็ม 10 เอาไป 8.5/10 ครับผม อย่าลืมนะครับ กรุณาทำการบ้านด้วยการดูภาคแรกก่อน วันนี้ยังมีเวลา สะดวกที่บ้าน เปิดแอพ สะดวกข้างนอก เข้าโรง แล้วจะได้ไปดูภาคต่อกันอย่างเข้าใจครับ
หมีเล็ก
#สองหมีขยี้หนัง
#JokerFolieÀDeux
#Joker2
#WarnerBrosPictures
โฆษณา