7 ต.ค. เวลา 14:07 • ความคิดเห็น
ถ้าหากพูดกันถึงความว่า จิต ..ที่เค้าพูดถึงว่า จิตประภัสสร ..ก็จิตนาการไม่ออก ยากที่จะเข้าใจ เมื่อพูดคำว่า จิตนั่นมีแต่แสง เรื่องรอง เราก็ไม่เข้าใจ เพราะเราเป็นจิตน้อยๆ มีแสงเหมือนหิ่งห้อย ริบหรี่ จนมองไม่ออกว่า สิ่งที่ปกคลุมจิต ของเรานั้น ไม่ว่ารูปที่เราอาศัย อารมณ์นึกคิดที่ปรุงแต่ง ..วิญญาณทั้งหก ก็ล้วนมีสิ่งแปลกปลอม เป็นมายา .สมมุติเรื่องนั้น เรื่องนี้ ขึ้นมามันเป็นมายา จะว่าของปลอม ก็บอกไม่ถูก
เหมือนคนสายตาดี สายตาสั้น สายตาเอียง ตาบอดส๊ ..จะว่ามันเป็นของปลอมกายบอกไม่ถูก มันจึงมีเรื่องที่ว่า ทำอย่างไรจะให้วิญญาณทั้งหดนั้นใสสะอาดหมดจน ไม่มีสิ่งที่เป็นฝุ่นละอองสกปรกเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ทำได้ถึงตรงนั้น เค้าว่า ระดับหูทิพย์ตาทิพย์เชียว
คาที่จะสามารถขยับขยายมองไปเห็นรับรู้ในสิ่งที่เป็นนามธรรม ที่ตาปุถุชนทั่วไปมองไม่เห็น นั่นจึงเป็นเรื่องราวที่จะขัดฟอกวิญญาณทั้งหก ให้ใส่สะอาดได้ สามารถสองเห็นม่านหมอกที่ปกคลุม แล้วก็นำม่านหมอกนั้นออกไปได้ เมื่อเรายังทำไม่ได้ มันก็เบลอๆมัวไปตามอารมณ์ เป็นมายาของม่านกมอกนั่น ..เรื่องราวพวกนั้น ไม่ใช่สมบัติของจิตอย่างที่จะมีได้ เพราะเราเป็นปุถุชนคนธรรมดา อาศัยกายที่เคลื่อนที่ ไปสู่ความเฒ่าชรา
พอเฒ่าชราหูตาฝ้าฟาง มองไม่ค่อยรู้ หูก็ตึง ใครพูดอะไรก็ไม่ค่อยได้ยิน..เพราะมันค่อยเสื่อนสภาพไปตามกาลเวลา เหมือนรถที่ใช้ ใช้ไปซ่อมไป กายเราก็เหมือนกัน ก็ต้องดูแล อะไหล่มันไม่มีให้เปลี่ยนเหมือนรถ จะว่ากายนี้เป็นของปลอม กายนี้เป็นมายาให้เรายึดถือชั่วโมง
..แล้วก็มีเวทนาของกาย ให้สุขหรือทุกข์ไปตามอารมณ์ .ที่เปลี่ยนแปลง ขันธ์ห้าก็เปลี่ยนแปลง ไปตามอารมณ์ ..อารมณ์มันไม่มีตัวตน ..จิตเราไปยึดอารมณ์ไม่ตัวตน มาทำให้มีตัวตนเกิดขึ้น ..แล้วอะไรมันเป็นของปลอม ที่หลอกจิตที่อาศัยกายให้หลงใหล . เขียนไปเขียนสับสน ไม่รู้ว่า อะไรจริงอะไรปลอมในกายนี้ได้เลย นั่นแหละเป็นปัญหา ที่ปัญญาธรรมของจิต จิตที่ไม่เป็นประภัสสร มันก็มืดมัวเช่นนี้เอง
โฆษณา