7 ต.ค. เวลา 19:00 • ดนตรี เพลง

คอนดักเตอร์มีหน้าที่ทำอะไร??

คอนดักเตอร์ (Conductor) หรือวาทยกร มีหน้าที่สำคัญในการควบคุมและนำวงดนตรีหรือวงออร์เคสตราให้ทำการแสดงอย่างประสานสอดคล้องกัน คอนดักเตอร์ทำหน้าที่ดังนี้:
1. ควบคุมจังหวะและเวลา: ใช้ไม้บาตองหรือมือในการกำหนดจังหวะให้กับนักดนตรีทุกคน เพื่อให้เล่นในจังหวะที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ
2. ตีความและถ่ายทอดอารมณ์ของเพลง: คอนดักเตอร์ตีความผลงานดนตรีจากโน้ตที่เขียนขึ้นมา แล้วถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก และการตีความให้กับนักดนตรี เพื่อให้การแสดงสะท้อนอารมณ์และบรรยากาศของเพลง
3. ให้สัญญาณการเริ่มต้นและหยุด: คอนดักเตอร์จะให้สัญญาณแก่วงดนตรีว่าเมื่อใดควรเริ่มต้น เล่นต่อ หรือหยุดการแสดง เพื่อความราบรื่นและเป็นหนึ่งเดียวกัน
4. ควบคุมความดัง-เบา: นอกจากจังหวะแล้ว คอนดักเตอร์ยังควบคุมระดับความดังเบาของเสียงในแต่ละช่วงเพลง เพื่อให้เกิดความสมดุล
5. สร้างความสอดคล้อง: ทำให้นักดนตรีทุกคนประสานงานกันอย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรีที่เล่นเครื่องสาย เครื่องเป่า หรือเครื่องเคาะเสียง
คอนดักเตอร์มีบทบาทสำคัญในการทำให้ดนตรีมีชีวิตและถ่ายทอดความหมายของเพลงไปยังผู้ฟังอย่างเต็มที่
คอนดักเตอร์ออเคสตร้ากับกับคอนดักเตอร์ประสานเสียงต่างกันอย่างไร?
คอนดักเตอร์ออเคสตร้าและคอนดักเตอร์ประสานเสียงมีหน้าที่คล้ายกันในแง่ของการควบคุมวงดนตรีหรือวงประสานเสียง แต่มีความแตกต่างกันในรายละเอียดและลักษณะการทำงานดังนี้:
1. คอนดักเตอร์ออเคสตร้า
• ลักษณะวงดนตรี: คอนดักเตอร์ออเคสตร้าควบคุมวงดนตรีที่มีเครื่องดนตรีหลากหลายประเภท เช่น เครื่องสาย (ไวโอลิน เชลโล) เครื่องเป่าไม้ (ฟลุต โอโบ) เครื่องเป่าทองเหลือง (ทรัมเป็ต ทรอมโบน) และเครื่องเคาะ (กลอง ฉาบ)
• หน้าที่หลัก: ควบคุมจังหวะ การประสานกันของเครื่องดนตรีต่าง ๆ และถ่ายทอดอารมณ์เพลง โดยการตีความและนำวงให้เล่นอย่างสมบูรณ์แบบ
• การสื่อสาร: คอนดักเตอร์ต้องสื่อสารกับนักดนตรีที่ใช้เครื่องดนตรีต่าง ๆ และต้องเข้าใจบทเพลงที่มีหลายเครื่องดนตรีเล่นพร้อมกัน
2. คอนดักเตอร์ประสานเสียง
• ลักษณะวง: คอนดักเตอร์ประสานเสียง (choir conductor) ควบคุมวงร้องเพลงที่มีนักร้องหลายคน แบ่งออกเป็นกลุ่มเสียง เช่น โซปราโน อัลโต เทเนอร์ และเบส
• หน้าที่หลัก: นำพานักร้องให้ร้องเพลงร่วมกันอย่างกลมกลืน ทั้งในเรื่องของจังหวะ ความดัง-เบาของเสียง และการออกเสียงที่ถูกต้อง
• การสื่อสาร: ต้องเน้นเรื่องการควบคุมลมหายใจ การออกเสียงที่ชัดเจน และการประสานกันของเสียงมนุษย์มากกว่าเครื่องดนตรี
ความแตกต่างหลัก:
• เครื่องมือที่ใช้: คอนดักเตอร์ออเคสตร้าควบคุมนักดนตรีที่ใช้เครื่องดนตรีหลากหลายประเภท ขณะที่คอนดักเตอร์ประสานเสียงควบคุมนักร้องที่ใช้เสียงเป็นเครื่องมือ
• การทำงาน: คอนดักเตอร์ออเคสตร้าต้องจัดการกับหลายส่วนที่มีโทนเสียงและวิธีการเล่นที่แตกต่างกัน ส่วนคอนดักเตอร์ประสานเสียงมุ่งเน้นไปที่การทำให้นักร้องประสานเสียงกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งสองต้องการความสามารถในการสื่อสารและการตีความดนตรีที่ลึกซึ้ง แต่การทำงานของพวกเขาจะแตกต่างกันตามประเภทของวงที่พวกเขาควบคุม
แรกเริ่มของคอนดักเตอร์
การคอนดักเตอร์ (Conducting) หรือการควบคุมวงดนตรีมีประวัติศาสตร์ยาวนาน โดยมีพัฒนาการที่สอดคล้องกับวิวัฒนาการของดนตรีตะวันตก ต่อไปนี้คือภาพรวมของประวัติการคอนดักเตอร์:
ยุคเริ่มต้น (ยุคบาโรกและยุคคลาสสิก)
ในช่วงยุคบาโรก (1600-1750) และยุคคลาสสิก (1750-1820) วงดนตรีมีขนาดเล็ก คอนดักเตอร์ในยุคแรก ๆ ไม่ได้มีบทบาทเด่นชัดเหมือนในปัจจุบัน หัวหน้าวงหรือนักดนตรีที่มีประสบการณ์ เช่น นักไวโอลินนำ (concertmaster) หรือผู้เล่นเครื่องลิ่มนิ้ว (เช่น ฮาร์ปซิคอร์ด) จะทำหน้าที่ในการนำวงด้วยตนเอง โดยการให้สัญญาณจังหวะหรือเคาะจังหวะด้วยเท้า
การควบคุมวงในยุคนั้นยังไม่มีการใช้ไม้บาตอง (baton) อย่างแพร่หลาย และมักใช้การเคาะไม้หรือตีกับพื้นเพื่อควบคุมจังหวะ นอกจากนี้ ผู้เล่นเครื่องลิ่มนิ้ว เช่น คีตกวีโยฮันน์ เซบาสเตียน บาค (Johann Sebastian Bach) และนักแต่งเพลงวอล์ฟกัง อมาเดอุส โมซาร์ท (Wolfgang Amadeus Mozart) ก็มักจะทำหน้าที่นำวงด้วยการเล่นไปพร้อมกับการควบคุมวง
ยุคโรแมนติก (ศตวรรษที่ 19)
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 วงดนตรีเริ่มขยายขนาดและซับซ้อนมากขึ้น นักดนตรีและนักแต่งเพลงอย่าง Ludwig van Beethoven (ลุดวิก ฟาน เบโธเฟน) เริ่มแต่งเพลงที่ต้องการการควบคุมที่ละเอียดอ่อนมากขึ้น จึงเริ่มมีความจำเป็นต้องมีบุคคลเฉพาะที่ทำหน้าที่เป็นคอนดักเตอร์อย่างจริงจัง
หนึ่งในผู้ที่มีบทบาทสำคัญในพัฒนาการของการคอนดักเตอร์คือ Felix Mendelssohn (เฟลิกซ์ เมนเดลโซห์น) ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในคอนดักเตอร์ที่ใช้ไม้บาตอง (baton) ในการควบคุมวงดนตรีเป็นครั้งแรกในปี 1820 การใช้ไม้บาตองช่วยให้คอนดักเตอร์สามารถสื่อสารจังหวะและการตีความเพลงได้อย่างชัดเจน
อีกหนึ่งคอนดักเตอร์ผู้มีชื่อเสียงในยุคนี้คือ Hector Berlioz (เอ็คตอร์ แบร์ลิออซ) ซึ่งมีผลงานเพลงที่ซับซ้อนและต้องการคอนดักเตอร์ที่มีทักษะสูงในการนำวงดนตรีที่ใหญ่ขึ้นและหลากหลายกว่าเดิม
ยุคสมัยใหม่ (ศตวรรษที่ 20 – ปัจจุบัน)
ในศตวรรษที่ 20 คอนดักเตอร์กลายเป็นบุคคลที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแสดงดนตรี โดยคอนดักเตอร์ที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ ได้แก่ Arturo Toscanini (อาร์ตูโร ทอสคานินี) Herbert von Karajan (แฮร์แบร์ท ฟอน คารายัน) และ Leonard Bernstein (ลีโอนาร์ด เบิร์นสไตน์) บุคคลเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำวงดนตรี แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการตีความและนำเสนอดนตรีสู่ผู้ฟังด้วยวิธีการเฉพาะตัว
บทบาทใหม่ของคอนดักเตอร์
ในปัจจุบัน คอนดักเตอร์ไม่เพียงแต่มีบทบาทในการควบคุมวงดนตรีในห้องแสดงดนตรี แต่ยังมีบทบาทในการสร้างความสัมพันธ์กับนักดนตรี การทำงานร่วมกับนักแต่งเพลง การบันทึกเสียง และการสร้างสรรค์การแสดงใหม่ ๆ ที่ทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการของผู้ฟังในยุคปัจจุบัน
โฆษณา