16 พ.ย. เวลา 00:00 • หนังสือ

บทความ Blockdit ความฝันที่เกิดขึ้นจริง

นักปรัชญาชาวอังกฤษ อลัน วัตต์ส เคยเสนอการทดลองทางความคิด (thought experiment) เรื่องหนึ่งว่า สมมุติว่าคุณสามารถใช้เวลานอนหลับ เลือกฝันทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตราว 75 ปีของคุณ คุณคงเลือกฝันแต่เรื่องดีๆ สิ่งที่คุณอยากได้ สิ่งที่คุณปรารถนา คุณจะมีความสุขที่สมหวัง เพราะมันเป็นความฝันที่คุณอยากได้
หลังจากฝันไปอย่างมีความสุขหลายคืน คุณบอกตัวเองว่า ฝันที่ผ่านมาดีจังเลย แต่ว่าตอนนี้คุณอยากได้เซอร์ไพรซ์บ้าง
คุณรู้สึกว่าชีวิตที่ทุกอย่างดีไปหมด ไร้อุปสรรค แต่ค่อนข้างน่าเบื่อ
คุณอยากลองฝันว่าจะเกิดเรื่องที่คุณคุมไม่ได้บ้าง คุณจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่คุณอยากลอง
แล้วคุณก็ฝัน ปรากฏว่าในความฝันนั้นเกิดอันตรายบางอย่างที่คุณไม่รู้ไม่คาด แต่ก็รอดมาได้ในความฝันนั้น คุณบอกตัวเองว่า “โอ้! หวุดหวิดไปนะ”
หลังจากนั้นคุณก็อยากลองความฝันที่คุณควบคุมไม่ได้มากขึ้น คุณกล้าเสี่ยงมากขึ้น คุณเข้าสู่พื้นที่ที่คุณไม่รู้จักมากขึ้น และท้ายที่สุด คุณก็จะฝันสิ่งที่คุณกำลังเป็นอยู่ ณ ขณะจิตนี้ ในตอนที่คุณกำลังตื่นในตอนนี้ ในชีวิตที่เป็นจริงในวันนี้
นี่ก็คือชีวิตจริงของคุณตอนนี้
thought experiment นี้บอกว่า เราทุกคนอยู่ในโลกที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในนาทีหน้า ชั่วโมงหน้า อาจเป็นสิ่งที่ดี สวยงาม หรือเลวร้าย เราไม่รู้
1
แต่เพราะเราไม่รู้ มันจึงน่าสนใจกว่าชีวิตที่เรารู้ทุกอย่างล่วงหน้า
3
สมัยผมเป็นเด็กในต่างจังหวัด เราฟังเพลงทางวิทยุอย่างเดียว บางบ้านอาจมีเครื่องเล่นแผ่นเสียง แต่ส่วนใหญ่ต้องพึ่งวิทยุ มีสถานีวิทยุหลักแค่สถานีเดียว รายการเพลงที่เปิดให้ชาวบ้านฟังก็จัดตามเพลงที่คนจัดรายการชอบ หรือเท่าที่มีแผ่น
เราไม่รู้ว่าเพลงต่อไปจะเป็นเพลงอะไร
เราก็รอทีละเพลง ลุ้นว่าเพลงอะไร
ชีวิตก็เหมือนกัน เราไม่รู้ว่าเพลงต่อไปจะเป็นเพลงอะไร ทำนองเร็วหรือช้า เนื้อหาสนุกหรือเศร้า แต่เราก็ต้องรับฟังเพลงนั้นจนจบ ทีละเพลง ทีละเพลง
ชีวิตเราทุกคนเหมือนความฝันที่เราเลือกเรื่องไม่ได้ มันมาแบบเซอร์ไพรซ์ อุตลุด สับสนปนเป และควบคุมไม่ได้
เราควบคุมชีวิตไม่ได้ เราไม่รู้ว่าจะเจออะไร
ตลอดชีวิตเราเจอเรื่องดี เรื่องไม่ค่อยดี และเรื่องเลวร้ายมากมาย
ชีวิตเป็นเช่นนั้นเอง
บางคนมือเท้าครบสามสิบสอง ทันใดนั้นเกิดอุบัติเหตุ กลายเป็นคนพิการ มันเป็นเหตุที่คาดไม่ถึง บางคนก็สู้ต่อไป บางคนก็ไม่คิดสู้แล้ว
นักธุรกิจมากมายมีฐานะดี แต่ธุรกิจล่มในวันเดียว เมื่อกระแสเศรษฐกิจเปลี่ยนกะทันหัน
มีชีวิตมีขึ้นมีลง
เติ้งเสี่ยวผิงเคยเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกสร้างพรรคคอมมิวนิสต์จีน คู่กับเหมาเจ๋อตง โจวเอินไหล ฯลฯ
เขามีอนาคตที่สดใสยิ่ง
ทว่าวันหนึ่งเขาก็ร่วงลงมาเป็นนกปีกหัก เพราะคนอื่นๆ ในพรรคไม่สามารถรับความคิดอ่านทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ก้าวหน้าเกินกาลของเขา ที่สำคัญคือท่านประธานเหมาเจ๋อตง ไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่าแนวคิดของเติ้งเสี่ยวผิงจะทำให้จีนกลับไปหาระบบทุนนิยม
เติ้งเสี่ยวผิงถูกบีบให้ลาออกจากทุกตำแหน่ง
เขาถูกพิษการเมืองเล่นงานอย่างหนักในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรมเมื่อแก๊งสี่คนครองอำนาจ เขาตกต่ำถึงขนาดที่ถูกส่งไปทำงานเป็นคนขับรถแทรคเตอร์ที่ชายแดนเจียงสีนานถึงสี่ปี
ครอบครัวของเขาก็ได้รับผลกระทบ ลูกชายของเขาถูกจำคุก ถูกโยนออกจากหน้าต่างตึกสี่ชั้น ทำให้เป็นอัมพาตช่วงล่างไปตลอดชีวิต
แต่วันหนึ่งฟ้าก็เปิด โจวเอินไหลช่วยให้เติ้งเสี่ยวผิงกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้ง แต่หลังจากโจวเอินไหลตาย เขาก็ร่วงอีกครั้ง
แล้วชะตาชีวิตของเขาก็เปลี่ยน หลังเหมาเจ๋อตงตาย แก๊งสี่คนถูกขับออก
ขึ้นแล้วลง แล้วขึ้นแล้วลง แล้วขึ้นอย่างไม่น่าเป็นไปได้
เนลสัน แมนเดลา ติดคุก 27 ปี ก็ได้รับอิสรภาพ แต่ก็ยังก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีแอฟริกาใต้
แฟรงกลิน รูสเวลท์ เป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงเอวลงไป แล้วต่อมาก็ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯหลายสมัย
นักแสดง จอห์นี เด็ปป์ ก็มีชีวิตขึ้นๆ ลงๆ คาดไม่ถึง สมัยหนุ่มใช้ยาเสพติด ออกจากโรงเรียน ทำงาน เป็นนักแสดง โด่งดัง ชีวิตรุ่ง แล้วถูกสังคมต่อต้านเมื่ออดีตภรรยาฟ้องร้องทำให้ชื่อเสียงเสียหายหนัก แต่ก็พ้นจากเมฆร้าย กลับมาตามเดิม
ขึ้นๆ ลงๆ อย่างไม่น่าเชื่อ
1
สตีฟ จ๊อบส์ ร่วมก่อตั้งบริษัท Apple ในยุค 1970s เขาทำให้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลกลายเป็นเครื่องเรือนชิ้นใหม่ในบ้าน
อนาคตของเขาย่อมรุ่งโรจน์อย่างมิต้องกังขา
แต่ชะตาชีวิตคนมีขึ้นมีลง สตีฟ จ๊อบส์ ถูกขับออกจากบริษัทที่ตนเองก่อตั้ง
เขาออกไปทำงานอื่นๆ หลายปี แต่แล้ววันหนึ่ง Apple ก็เชิญเขากลับไปเป็นผู้นำอีกครั้ง คราวนี้เขามิเพียงเปลี่ยนทิศทางของบริษัท เขายังเปลี่ยนทิศทางของโลก
แต่ขณะที่ขึ้นสู่จุดสูงสุด เขาก็ป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควร
ไม่มีอะไรแน่นอน
ภาพยนตร์เรื่อง Forrest Gump มีประโยค “Life was like a box of chocolates. You never know what you’re gonna get.”
2
หากพูดตาม thought experiment ของ อลัน วัตต์ส “Life was like a box of dreams. You never know what you’re gonna get.”
1
เราไม่อาจรู้ความฝันแห่งชีวิตของเราล่วงหน้า
1
เราต้องเอาตัวรอดเอง เราเป็นเจ้าของชีวิตเราเอง ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดมาช่วยเรา
และที่สำคัญคือ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความจริง ไม่ใช่ความฝัน
คำถามคือเราเตรียมพร้อมหรือเปล่า
ชีวิตจริงของเราทุกคนก็เหมือนความฝัน บางคนฝันดี คนส่วนใหญ่ฝันร้าย บางคนผสมกัน
เราไม่รู้ว่าอะไรจะมาหาเรา
ชีวิตเต็มไปด้วยความแปลกใจ เราไม่รู้ว่าจะเจออะไร เมื่อไร
ในเมื่อเราไม่รู้ว่านาทีต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น เราก็แค่เตรียมพร้อมรับ ทั้งเรื่องดีและไม่ดี
ถ้าเป็นเรื่องดี เราก็ยิ้มสักนิด
ถ้าเป็นเรื่องไม่ดี เราก็ไม่ตื่นตระหนก เพราะทำใจไว้แล้วในระดับหนึ่ง
1
ทั้งดีและไม่ดีเป็นแพคเกจมาด้วยกัน
2
เหมือนขนมสอดไส้ เนื้อนอกจืดๆ เนื้อในหวาน
กุหลาบสวยงาม มีหนาม ความหอมกับหนามมาด้วยกันเป็นแพคเกจ
ทางเดินที่ตรงแน่ว ตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปถึงจุดหมายย่อมน่าเบื่อ ทางเดินที่มีพื้นเรียบบ้าง ขรุขระบ้าง ขึ้นสูงบ้าง ลงเหวบ้าง น่าสนใจกว่า
2
ชีวิตที่ไม่เคยล้มเหลวอาจทำให้รู้สึกปลอดภัย แต่ไม่ทำให้เราพึงใจที่สุด และอ่อนแอ เพราะไม่มีเคยเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เราแกร่งขึ้น
1
สาระของชีวิตไม่ใช่ว่าเราพบอะไร ดีหรือไม่ดี แต่อยู่ที่เรามีทัศนคติอย่างไร และจัดการกับมันอย่างไรมากกว่า
5
การใช้ชีวิตเป็นคือการไม่พยายามควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต แต่รู้จักตั้งรับสิ่งที่เกิดขึ้น
2
ทัศนคติในการจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นสำคัญมากกว่าตัวเหตุการณ์
2
ที่สำคัญกว่าเป้าหมายคือการใช้ชีวิตแต่ละนาทีอย่างมีความสุขต่างหาก
2
คนจำนวนมากไปหาหมอดู เพื่อดูอนาคต
พวกเขาอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะขายงานลูกค้าผ่านไหม
จะได้แต่งงานกับคนนี้หรือเปล่า
สมมุติว่าหมอดูสามารถมองเห็นอนาคตจริงๆ เรารู้แล้วก็ดำเนินชีวิตไปตามสิ่งที่รู้
ความแปลกใจก็หายไปจากชีวิตโดยสิ้นเชิง
สมัยผมเป็นเด็ก พยากรณ์อากาศยังไม่ค่อยแม่นยำ สมัยนี้โลกมีการพยากรณ์อากาศที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ทายได้แม่นขึ้น
1
เราต้องการรู้ว่าพรุ่งนี้อากาศเป็นอย่างไร บางคนวางแผนไปเที่ยวล่วงหน้าเป็นสัปดาห์
เราอยากรู้เรื่องอนาคต จึงมีหมอดูเกลื่อนเมือง
แต่ใครเล่าสามารถทำนายอนาคตได้จริงๆ เพราะชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง มีลงมีขึ้น
โฆษณา