8 ต.ค. เวลา 13:03 • ข่าวรอบโลก

Secret Story | Ruthless Times: Songs of Care กลั่น “ปัญหาวิกฤติผู้สูงอายุ” เป็น “สารคดีเพลง”

ขึ้นชื่อว่าหนังเพลง บทเพลงเร้าใจหรือไม่ก็หวานเชื่อมแสนไพเราะ คอสตูมครบเครื่องแสงสีเสียงจัดจ้าน ท่าเต้นที่ผ่านการออกแบบมาอย่างหวือหวาประณีต คงเป็นบรรดาภาพจำแรก ๆ ที่เรามี แต่...ในหนังเพลงเรื่องนี้อาจเป็นตรงข้าม เพราะสิ่งที่เราจะได้เจอคือเหล่าผู้สูงวัยและพยาบาลยืนเรียงแถวกัน แล้วร้องเพลงที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกคับแค้นเมื่อพบว่าระบบสาธารณสุขในประเทศของตนช่างอยุติธรรม!
การเปลี่ยนเนื้อหาหนักอึ้งแบบนี้ให้กลายเป็นบทเพลงที่สอดแทรกอยู่เป็นระยะตลอดทั้งเรื่องก็ว่าน่าทึ่งแล้ว แต่ Ruthless Times: Songs of Care ยังสร้างความทึ่งให้เราได้มากกว่านั้นอีก เพราะเพลงเหล่านี้ถูกประพันธ์คำร้องทำนองอย่างไพเราะ ขณะเดียวกันตัวหนังก็ติดตามบุคคลต่าง ๆ และแง่มุมหลากหลายในระบบการดูแลผู้สูงอายุของฟินแลนด์อย่างตรงไปตรงมา เต็มไปด้วยความรู้สึก ดึงเอาประเด็นยาก ๆ มาให้เราสัมผัสและรับรู้ผลกระทบของมันที่เกิดขึ้นแก่ผู้คนได้อย่างใกล้ชิด
สารคดีเรื่องนี้นำเสนอปัญหาที่หลายประเทศในโลกตะวันตกกำลังเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มขึ้นของประชากรผู้สูงอายุ การขาดแคลนบุคลากรในภาคสาธารณสุข และแนวโน้มการแปรรูปบริการสาธารณะให้เป็นของเอกชน ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างแนวคิดทางธุรกิจที่มุ่งเน้นผลกำไรกับจรรยาบรรณในการดูแลประชาชน
ซูซานนา เอลเคอ ผู้กำกับสารคดี Ruthless Times: Songs of Care บอกว่า “ปัญหาเรื่องการดูแลผู้สูงอายุเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมในสังคมตะวันตกโดยทั่วไป ระบบในสังคมของเราทอดทิ้งผู้สูงอายุจริง ๆ ไม่ใช่ว่าเราไม่แยแสนะ แต่โครงสร้างสังคมเป็นแบบนี้ ทุกวันนี้เวลาพูดถึงสุขภาพ การศึกษา หรือแม้แต่ศิลปะ เราก็มักจะมองในแง่เศรษฐศาสตร์ มันครอบงำทุกอย่างไปหมด ทุกแง่มุมในชีวิตเรา รวมถึงการดูแลผู้สูงอายุด้วย”
“ฉันเคยคิดว่าการดูแลกันและกันคือสิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์ แต่ตอนนี้เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เรากลับถามกันแค่ว่า ‘เราจะมีปัญญาจ่ายค่าดูแลคนแก่ไหม’ หรือไม่ก็พูดศัพท์แสงประเภท ‘ช่องว่างความยั่งยืน’, ‘การขาดดุลงบประมาณ’, ‘การขยายตัวเกินขีดความสามารถ’ (ซึ่งก็เป็นคำที่ปรากฏให้เราได้ยินในบทเพลงตลอดทั้งเรื่อง) เรามองเรื่องนี้เป็นเหมือนความท้าทายทางเศรษฐกิจ และที่แย่กว่านั้นคือมันทำให้ผู้สูงอายุในบ้านของเราซึมซับมุมมองจนเห็นว่าตัวเองเป็นภาระอะไรสักอย่าง”
“เพราะอย่างนี้ฉันจึงอยากสำรวจแนวคิดเรื่องการดูแล ให้คนดูได้เห็นว่าระบบมันเละเทะขนาดไหนเมื่อเอาแต่คิดเรื่องกำไร ฉันตกใจมากเลยนะตอนที่รู้ว่า ร้อยละ 65 ของบริการการดูแลผู้สูงอายุน่ะกลายเป็นของเอกชนไปแล้ว แถมบริษัทใหญ่ ๆ ก็เข้ามากอบโกยกำไรกันเต็มที่”
เอลเคอใช้เวลาคิดอยู่นานว่าจะพูดถึงเรื่องพวกนี้ในสารคดีของเธออย่างไรดีไม่ให้มันกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อ และไม่ให้มีแต่ตัวเลขหรือข้อเท็จจริงจนไม่สามารถสื่อสารความเจ็บปวดของผู้คนในระบบไปให้คนดูรับรู้ได้
และแล้วแนวคิดเรื่องหนังเพลงก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ บทเพลงที่เราได้ยินในหนังนั้นแต่งขึ้นมาใหม่จากถ้อยคำในจดหมายของพยาบาล (โดยซับเจ็กต์หลักคือ ทีนา มอลล์เบิร์ก พยาบาลผู้เปิดโปงปัญหาในสถานดูแลผู้สูงอายุเอกชน) ผสมผสานเข้ากับคำพูดที่หยิบมาจากข้อความพาดหัวข่าวหรือนักการเมืองบางคน (ซึ่งเอลเคอบอกว่ามีมุกตลกแบบ ‘วงใน’ สอดแทรกอยู่ด้วย แม้แต่คนฟินแลนด์เองก็อาจจะไม่เข้าใจทั้งหมด)
พยาบาล ผู้สูงวัยที่เกษียณแล้ว และคณะนักร้องประสานเสียงที่มาขับขานบทเพลงเหล่านี้ไม่ใช่คนดัง แต่เป็น ‘มวลชนไร้ใบหน้า’ ที่กำลังยืนอยู่หน้ากล้องและระบายความรู้สึกของตนออกมาอย่างเต็มไปด้วยพลัง เอลเคอบอกว่า “สื่อมวลชนในประเทศเราไม่สนใจวิกฤติของภาคการดูแลผู้สูงอายุมาหลายปีแล้ว ฉันจึงมักพูดกับซับเจ็กต์ในหนังเรื่องนี้ว่า ‘นี่คือการประท้วงของคนรุ่นคุณ’”
“แม่ฉันเองยังเคยพูดว่า ‘อย่าเอาแม่ไปไว้ในสถานดูแลคนแก่พวกนั้นนะ มันมีแต่ปัญหา ถ้าต้องไป แม่ขอกินยาตายไปเลยดีกว่า’ ซึ่งเป็นคำพูดที่กระทบใจฉันรุนแรงมาก เพราะคนรุ่นแม่ฉันนี่แหละที่สร้างระบบสวัสดิการและสร้างสังคมดี ๆ ที่คนรุ่นฉันเติบโตมา พวกเราอยู่กับมันจนคิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา เรารู้สึกเหมือนมีตาข่ายนิรภัยคอยรองรับ เราจึงกล้าทำเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตแม้จะไม่มั่นคง แต่แล้วทุกวันนี้เรากลับปล่อยให้ระบบพังครืนแบบนี้ได้อย่างไร เราช่างไม่ตระหนักเลยว่าเราเป็นหนี้บุญคุณพวกเขา”
▶ ติดตามสารคดี Ruthless Times - Songs of Care ฟินแลนด์ที่รุ่งเรืองกำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก เมื่อการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุได้สร้างแรงกดดันอย่างหนักต่อระบบการดูแลสุขภาพ และเกิดปัญหามากมาย สารคดีเรื่องนี้บอกเล่าวิกฤตเหล่านี้อย่างเปี่ยมสีสัน โดยใช้วิธีการสัมภาษณ์บวกเข้ากับลีลาแบบหนังเพลง
โฆษณา