Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
นิยายของลักกี้ หยาง
•
ติดตาม
11 ต.ค. เวลา 05:01 • นิยาย เรื่องสั้น
หนีไม่เคยพ้น (2/2)
หนึ่งปีของการทำงานในประเทศโซอารา ในที่สุดก็ถึงเวลาส่งไม้ต่อแก่นักการทูตคนใหม่ และพันโทตุรากรเก็บกระเป๋าเดินทาง พลางคิดว่าก่อนเดินทางตั้งใจจะชวนป้อมปราบ ไปหาอะไรกินเสียหน่อยเพราะต้องเดินทางไกล ทว่าเสียงฝีเท้าที่ดูร้อนรนก็ตรงมาที่ห้องของพันโทตุรากร เผยให้เห็นว่าเจ้าของฝีเท้าที่ดูร้อนรน แท้จริงแล้วก็คือเลขาของเขาเอง
"ท่านทูตครับ เกิดเรื่องแล้วครับ" เลขาหนุ่มมีสีหน้าตื่นตระหนกพอสมควร
"เกิดอะไรขึ้นหรือ ปิแอร์" พันโทตุรากรถาม
"คุณป้อมปราบไปอาละวาดที่ห้องท่านแกรนด์ดยุกซีมอนล์ครับ"
"ว่าไงนะ !"
ตัดภาพมาทางฝั่งป้อมปราบที่ตอนนี้ เขาอยู่ในอารมณ์ที่พร้อมขดขยี้มันทุกคน ที่บังอาจเข้ามาขวางทางเขาไม่ให้ไปหาแกรนด์ดยุก และตอนนี้ป้อมปราบก็สามารถเข้ามาในห้องทำงานได้สำเร็จ ซึ่งคนที่อยู่มีเพียงแกรนด์ดยุกซีมอนล์กับเลขาคนสนิท ที่ยืนตัวสั่นเมื่อเผลอสบตากับแววตาเดือดดาลของชายหนุ่ม
แกรนด์ดยุกซีมอนล์สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากตัวป้อมปราบ แต่ก็ไม่ได้หวาดเกรงเหมือนเลขา ยังคงสงวนท่านั่งสงบนิ่งเช่นเคย
"ท่านมีธุระอะไรกับเรา หลานชายท่านทูตตุรากร" แกรนด์ดยุกซีมอนล์พูด "ท่านควรจัดของเตรียมเดินทางได้แล้วมิใช่หรือ"
"หุบปากไปเลยมึงนะ !" ป้อมปราบพูดเดือดดาล "เคียร่าอยู่ไหน มึงทำอะไรเธอ"
แกรนด์ดยุกซีมอนล์ยังคงนิ่งไม่มีท่าทางจะตอบโต้ มันกลับยิ่งทำให้ป้อมปราบโกรธเป็นสองเท่า สักพักแกรนด์ดยุกซีมอนล์ก็นำของบางอย่างออกมาจากกล่องใบหนึ่ง แล้วจึงเดินตรงมาหาป้อมปราบและยื่นของที่อยู่ในมือให้แก่อีกฝ่าย และพอเขาก้มมองสิ่งนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ
เพราะสิ่งที่อยู่ในมือเขามันคือสร้อยคอ ที่ป้อมปราบมอบให้กับเคียร่า นาทีนั้นสมองของเขาขาวโพลนไปหมด ตามด้วยคำถามว่าทำไมสร้อยคอเส้นนี้ถึงมาอยู่ในมือของแกรนด์ดยุกได้ พริบตานั้นเขาก็กระซากคอเสื้ออีกฝ่าย ชนิดที่ไม่สนใจถึงยศฐาบรรดาศักดิ์ เลขาของแกรนด์ดยุกแทบจะเข่าทรุด
"มึงทำอะไรเคียร่ากันแน่วะ ทำไมสร้อยคอเส้นนี้ถึงมาอยู่กับมึง" ป้อมปราบตวาดลั่นเสียงดัง
"ออ แสดงว่าเด็กคนนี้ไม่ได้โกหก ท่านเป็นซื้อให้จริง ๆ" แกรนด์ดยุกซีมอนล์พูดเสียงเรียบ
"ก็เออสิฟ่ะ ! มึงหูแตกหรือไง ให้กูช่วยตบบ้องหูให้ไหม"
เสียงประตูดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของพันโทตุรากร เมื่อเห็นว่าหลานชายทำอะไรลงไป หัวใจของนักการทูตก็แทบวายให้รู้แล้วรู้แล้ว แต่ก็ยังตั้งสติไว้ได้และพยายามเตือนสติป้อมปราบ ให้ยอมปล่อยแกรนด์ดยุกไปแต่โดยดี ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ยอมฟัง พร้อมยืนยันว่าถ้ายังไม่ได้เจอเคียร่าก็จะไม่ไปไหนทั้งสิ้น
พันโทตุรากรซะงักนิ่งไปเพราะพฤติกรรมของป้อมปราบ ดันไปทับซ้อนกับลูกชายทั้งสองคนที่เคยอาละวาด เพราะมีคนทำร้ายคู่ผูกวิญญาณของพวกเขา เเปลว่าเคียร่าคือคู่ผูกของป้อมปราบแล้วนั้นเอง
[ให้มันได้อย่างนี้สิ ทั้งพ่อทั้งลูก]
พันโทตุรากรเดินไปจับแขนของป้อมปราบ และแยกออกห่างจากแกรนด์ดยุก และชายหนุ่มไม่สามารถขัดขืนผู้เป็นปู่ได้เลย ด้านแกรนด์ดยุกเองก็ไม่มีท่าทางโกรธเคืองแต่อย่างใด กลับยื่นซองจดหมายให้ป้อมปราบ พร้อมกับอธิบายว่าเคียร่าไม่สะดวกที่จะมาพบเขา จึงฝากจดหมายให้มาแทน
ป้อมปราบรับจดหมายมาเปิดอ่าน เขาจดจำลายมือหญิงสาวได้ ใจความจดหมายคือ
.
ถึงป้อมปราบ
ฉันเสียใจที่ไม่สามารถกล่าวลานายได้ด้วยตนเอง และหลายวันที่ผ่านมาฉันคิดทบทวนเรื่องนี้มาหลายรอบจนหัวแทบระเบิด จนในที่สุดฉันก็ตระหนักได้ว่าเรื่องระหว่างนายกับฉัน ควรจะยุติลงไปพร้อมกับการเดินทางกลับบ้านของนาย
นายกับฉันเราต่างกันทั้งฐานะและเส้นทางของชีวิต ฉันเป็นบุตรีของแกรนด์ดยุกที่อีกไม่นานก็อาจจะถูกจับหมั้นหมายสักวัน และอย่างที่เรารู้กันดีว่าฉันขัดขืนไม่ได้ ปราบ... ฉันจะไม่ขอให้นายยกโทษหรือเข้าใจฉันหรอก มันเห็นแก่ตัวเกินไป
และสร้อยที่นายเคยมอบให้ฉัน... บัดนี้ฉันขอส่งคืนให้... และได้โปรด... ลืมฉันเสียเถอะ
ขอแสดงความนับถือ
เคียร่า
.
ป้อมปราบรู้สึกเหมือนทุกอย่างพังทลายลงภายในพริบตา ชายหนุ่มไม่พูดอะไรสักคำนอกจากหมุนตัวเดินออกจากห้อง พร้อมกับใช้พลังไฟธาตุอัคคีเผาจดหมายทิ้ง ส่วนพันโทตุรากรก็เข้ามาขอโทษขอโพยแกรนด์ดยุก ในการกระทำอันไร้มารยาทของป้อมปราบ แม้ว่าในใจจะหวนนึกถึงวันที่อยู่ห้องทำงานท่านทูตอากิระ
เกี่ยวกับคำทำนายโชคชะตาของป้อมปราบ
"เฮ้อ ถึงแท้เจ้าปราบจะได้พบคู่ผูกแล้ว ก็ใช่ว่าจะสมหวัง" ท่านทูตอากิระพูด
"หมายความว่ายังไงครับ" พันโทตุรากรถาม
"อุปสรรคเจ้านั่นมันเยอะมาก ต้องถูกพลัดพรากจากกันยาวนานเลย เจ้าปราบจะทุกข์ทรมานจากความรัก ความโหยหาที่มีต่อคู่ผูก"
พันโทตุรากรที่ได้ฟังก็เริ่มกังวลเรื่องป้อมปราบ แม้ว่ามันจะยังไม่เกิดขึ้นก็ตาม ท่านทูตอากิระรับรู้ความกังวลของคนตรงหน้า
"นายไม่ต้องกังวลไปหรอก โชคชะตาเจ้าปราบมันอาจจะโหดร้ายแค่ช่วงแรก"
"ช่วงแรก... ยังไงหรือครับท่าน"
"ดวงชะตาระหว่างเจ้าปราบกับเธอคนนั่น ถูกลิขิตไว้แล้ว ต่อให้มันหนีเธอจนสุดขอบฟ้าหรือนอกโลก ก็หนีไม่พ้นหรอก"
ถึงแม้จะได้ยินแบบนั้นพันโทตุรากรกลับไม่รู้สึกโล่งใจเลย เพราะที่ผ่านมาเขาต้องเห็นลูกชายทั้งสองถูกความรักกัดกิน จากการถูกพลัดพรากจากคู่ผูกวิญญาณ คนเป็นพ่อก็ย่อมรู้สึกใจจะขาดเพราะสงสารลูกชาย ทว่าบัดนี้มันก็กำลังจะเกิดขึ้นกับหลานชายในอนาคตอีก
ในฐานะที่เป็นปู่คงทำได้แค่ยืนเคียงข้างหลานชายเท่านั้น
.
🦁🦁🦁🦁🗡🗡🗡🗡
.
เป็นเวลากว่าสามปีแล้วนับตั้งแต่เดินทางกลับจากประเทศโซอารา เมธัสสัมผัสได้ว่าป้อมปราบไม่เหมือนเดิม มีบางอย่างเปลี่ยนเพื่อนของเขา หลังจากเดินทางมาถึงป้อมปราบก็ไม่คุยกับใคร เก็บตัวเงียบอยู่ในห้องนานถึงสามวัน เล่นเอาคนทั้งกลุ่มอดเป็นห่วงไม่ได้ และถึงแม้ว่าต่อจากนั้นป้อมปราบก็กลับมาใช้ชีวิตปกติ ซึ่งสหายทั้งหกต่างก็ไม่มีใครอยากถาม เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในโซอารา
แม้แต่กับเมธัสที่ขึ้นชื่อว่าสนิทมากที่สุด ก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากถามเลย กอปรกับเป็นจังหวะนรกที่หน่วยรบอาร์ทิสส์มีนัดประชุมกัน ส่งผลให้ทุกคนรวมทั้งกลุ่มป้อมปราบ ต้องโฟกัสที่หน้าที่และภารกิจที่อาจได้รับมอบหมาย ทุกคนต่างมาร่วมประชุมที่ห้องสี่มิติ เพื่อรองรับสมาชิกหลายร้อยคนที่เพิ่มมากขึ้น ป้อมปราบกับสหายทั้งหกเลือกที่จะมานั่งด้านหน้า
"ภารกิจรอบนี้เป็นสงครามใหญ่หรือเปล่าวะ" เมธัสพึมพำด้วยความสงสัย
"ก็มีแนวโน้มเป็นไปได้ ไม่งั้นคงไม่ประชุมใหญ่ขนาดนี้" ป้อมปราบพูด
"จะภารกิจไหน กูก็ไม่หวั่นเว้ย" พันสรพูดอย่างมั่นใจ "ใครหน้าไหนกูกระทืบจมดิน"
"เออ งานถนัดมึงอยู่แล้วนี่"
เสียงของ อคิราห์ หรือ ไพน์ ซึ่งนั่งอยู่ข้างเมธัสพูดขึ้น แม้จะอยู่ในช่วงประชุมแต่อคิราห์ก็ยังเลือกนั่งสบาย ๆ จนกระทั่งทหารชั้นผู้ใหญ่ทยอยเข้ามา อคิราห์จึงรีบกลับมานั่งปกติตามเดิม สิ่งที่สร้างความแปลกใจให้กับทุกคนคือ รอบนี้คนที่มาให้รายละเอียดก็คือ พันเอกคามิลโล ผู้บัญชาการหน่วยรบอาร์ทิสส์ ซึ่งพึ่งรับตำแหน่งมาไม่นาน
เนื้อหาที่ทุกคนได้รับคือในอีกสิบวันข้างหน้า จะมีการจัดงานสมรสระหว่าง พันตรีอัสตัน กับ เจ้าหญิงคอร์เดเลีย การแต่งงานของทั้งสองเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ของสองประเทศ แต่ก็ใช่ว่าจะมีคนสนับสนุน สืบเนื่องจากพันตรีอัสตันเป็นชาวฟรอนเทียร์ แถมยังเป็นน้องชายของ จอมทัพออกัส ผู้นำสูงสุงของประเทศฟรอนเทียร์
ในงานถูกจัดขึ้นที่ใจกลางเมืองหลวง และจะมีการเชิญแขกบ้านแขกเมือง มาร่วมงานมากมายซึ่งหน้าที่ของทุกคน คือรักษาความปลอดภัยไม่ให้เปิดช่องโหว่ ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีมาทำลายงานมงคลครั้งนี้ จากนั้นพันเอกคามิลโลได้อธิบายเพิ่มเติมก่อนจะเลิกประชุมว่า การทำหน้าที่ของแต่ละคนจะมีคนมาแจ้งรายละเอียดเอง หลังเลิกประชุมกลายเป็นว่าพันสรรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย
"แค่งานแต่งงานจะมาใช้งานพวกเราทำพระแสงห่าอะไรวะ" พันสรพูด "กูเป็นทีมจู่โจมพิเศษนะเว้ย ไม่ใช่พี่เลี้ยงเจ้าบ่าวเจ้าสาว"
ป้อมปราบหันมาตำหนิพันสร "มึงพอได้แล้วต่อให้แม่งโวยวายยังไง หน้าที่นี้มึงก็ต้องทำจะบ่นทำเหี้ยอะไร" เขาพ่นลมหายใจออกจากจมูกบ่งบอกถึงความรำคาญ
"งานใหญ่อยู่นะ แขกที่มาก็คงเป็นบุคคลสำคัญด้วย" อคิราห์แสดงความคิดเห็น "กูว่าจะไปหาข้อมูลเพิ่มเติม ใครจะมากับกู"
กลุ่มเมธัสเลือกที่ตะไปกับอคิราห์ ยกเว้นป้อมปราบที่ขอแยกตัวไปพักผ่อนเอาแรง ซึ่งก็ไม่มีใครรู้อีกว่าชายหนุ่มไปพักผ่อนจริงหรือไม่
.
🦁🦁🦁🦁🗡🗡🗡🗡
.
ก่อนที่จะถึงวันงานมงคลที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ บรรดาแขกบุคคลสำคัญระดับประเทศ ต่างหลั่งไหลเข้ามามากมาย ซึ่งทางรัฐบาลได้จัดงานรับรองพวกเขาเหล่านั้นไว้ เจ้าภาพก็คงไม่พ้นตระกูลลาออน ทีมฮันเตอร์ได้รับภารกิจดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับแขกในงาน พันสรไม่ค่อยสบอารมณ์มากนัก ที่จะต้องคอยมาดูแลความปลอดภัยในงาน
ป้อมปราบจึงไล่ให้พันสรไปลาดตระเวนด้านนอก โดยให้จับคู่กับ อิชญะ หรือ ชุน ส่วนภายในงานเขากับเมธัสจะคอยดูรอบ ๆ ทุกอย่างยังปกติดีจนกระทั่งประตูงานเปิดออก เผยให้เห็นแขกผู้มาร่วมงาน ป้อมปราบซะงักเล็กน้อยเนื่องจากธงชาติที่โบกสะบัดมา มันเป็นธงชาติประเทศโซอารา ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะอีกฝ่ายยังเป็นพันธมิตรกับฟรอนเทียร์อยู่
"ไอ้ปราบ มึงเป็นอะไรหรือวะ" เมธัสหันมาถามเพราะเห็นสีหน้าของป้อมปราบ "มึงอยากออกไปข้างนอกไหม เดี๋ยวกูรับหน้าเอง"
"ไม่" ป้อมปราบพูด "กูจะไม่ทิ้งพื้นที่ที่กูรับผิดชอบ"
สามนาทีต่อมาอคิราห์ก็ใช้พลังฟีนิกซ์ส่งกระแสจิตมาที่ชายหนุ่มทั้งสอง
[เฮ้ย ! มึงสองคนลงมาด้านล่าง เขาเรียกรวมพล]
ป้อมปราบรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย "จะเรียกรวมพลทำห่าอะไรนักหนาวะ"
สองหนุ่มพากันเดินมารวมพลกับคนอื่น ๆ ซึ่งเขากับเมธัสอยู่แถวหน้า โดยทั้งสองต้องยืนอยู่ด้านหลัง ร้อยเอกอีโฮยอง รุ่นพี่ในทีมฮันเตอร์ ไม่นานคณะอาคันตุกะจากโซอาราก็เดินผ่านกลุ่มพวกเขาไป และมันควรเป็นเช่นนั้น ทว่า...
"ไม่ได้พบกันนานเลยนะ ป้อมปราบ"
เสียงที่ป้อมปราบเคยเชื่อมาตลอดสามปีว่า ได้เลือนหายไปจากหัวใจเขาแล้ว ความเชื่อที่ป้อมปราบคิดมาเสมอว่า เขาสามารถลบเลือนใครบางคนออกไปได้แล้ว แต่เมื่อชายหนุ่มเงยหน้ามองเจ้าของเสียง มันก็ทำให้ป้อมปราบตระหนักได้ในทันทีว่า
เคียร่ายังคงอยู่ในหัวใจและทุกลมหายใจของป้อมปราบ และดั่งคำทำนายของท่านทูตอากิระเคยพูดเอาไว้ว่า
เมื่อถูกลิขิตกันแล้วก็ไม่อาจที่จะหนีพ้นได้ แม้จะหนีไปในสุดขอบจักรวาลก็ตาม
.
🦁🦁🦁🦁🗡🗡🗡🗡
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
รวมนิยายเรื่องสั้น By ลักกี้ หยาง
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย