9 ต.ค. เวลา 23:41 • ปรัชญา
ไม่จริงค่ะ สำหรับคนที่ใช้ขั้นปัญญา ถ้าสำหรับขั้นทานแล้วยังไม่ได้พิจารณาก็จริงค่ะ
เราต้องแยกบุญที่เรามีในโลกมนุษย์จัดเป็น มนุษยสมบัติบุญนี้เกิดจากการให้ทาน แต่เก่าก่อนมาเรียกว่าสละของหยาบเพื่อให้พบของละเอียด เป็นบุญเบื้องต้น นำไปสู่สวรรค์สมบัติรอส่งผลเมื่อจากโลกนี้ไปแล้ว ส่งผลในโลกนี้คือการรักษาศีล เมื่อเริ่มรักษาศีลจะพบความสงบภายในจิต เพราะถ้ารักษาศีลไม่ครบ บาปกรรมตรงนี้จะทำให้เราไม่สามารถรักษาจิตเจริญภาวนาในข้อต่อไปได้คือ ทำให้จิตเกิดสมาธิได้
1
นี่คือการเตรียมสร้างอริยทรัพย์ เราจึงต้องขอขมากรรม เมื่อเราจิตสงบจึงนำไปสู่ขั้นปัญญา พูดถึงว่าชาวพุทธเราขาดความสุขที่ได้จากบุญ ส่วนใหญ่เราทำแต่ขั้นนี้ ต้องแยกเป็นบุญที่เราได้จากการให้ทาน๓ระดับคือ สุขที่เกิดก่อนการให้ทาน สุขที่เกิดขณะให้ทาน สุขที่เกิดหลังจากการให้ทาน นี่คือสุขชั่วคราว เป็นบันไดไปสู่สุขที่แท้จริงคือความสงบที่เกิดขึ้นจากการพิจารณาแล้วเกิดปัญญา
1
ความสุขนี้จะนำไปสู่ความสงบ นี้คือความสุขที่พระพุทธองค์ปรารถนาให้พวกเราค้นพบด้วยปัญญาของเรา เป็นนิรันดร์ ยุคนี้เราต้องพิจารณาความเป็นจริงของโลก เราจะทุกข์น้อย
1
เราไม่ประมาทเมื่อเราเตรียมเสบียงของเราพร้อมแล้ว เราต้องออกเดินทาง นี่คือความสุขโดยแท้ ในเบื้องต้น ในท่ามกลาง สุดท้ายท้ายสุดคือ ไม่มีสุขใดเสมอด้วยความสงบเป็นไม่มี พระพุทธองค์ตรัสถูกต้องเป็นสัจวาจา อมตะวาจา
ก่อนที่เราจะเมตตาผู้อื่นเราต้องเมตตาตนเองก่อน
เพลงแผ่เมตตาอัปปมัญญา
โฆษณา