10 ต.ค. เวลา 07:58 • สัตว์เลี้ยง

Puppy Socialisation 101: คู่มือพาหมาเด็กไปเปิดโลกอย่างมั่นใจฉบับ Dogology

สิ่งแรก ๆ ที่เจ้าของควรทำเมื่อมีหมามาอยู่ด้วยนอกเหนือไปจากการฝึกขับถ่ายคือเรื่องของการ Socialize หรือที่นิยมเรียกว่าการพาเข้าสังคม เพราะเป็นเรื่องที่การทำในวัยเด็กโดยเฉพาะก่อนอายุ 16 สัปดาห์นั้นจะมีประสิทธิภาพกว่าการทำตอนโตแล้วมาก ๆ หมาที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการเข้าสังคมที่ดีในช่วงวัยเด็กมักมีปัญหาเกี่ยวกับความกลัว เช่น กลัวคนแปลกหน้า กลัวหมาตัวอื่น กลัวจักรยาน กลัวเสียงดังจากประทัด หรือฟ้าร้อง เป็นต้น
หัวใจสำคัญของการพาหมาเข้าสังคมนั้นคือการเตรียมตัวให้หมาเด็กของเราพร้อมจะโตไปใช้ชีวิตในโลกมนุษย์อย่างมั่นใจ เพราะเขาจะไม่ได้โตในป่าเหมือนสัตว์อื่น แต่เขาจะอยู่ในเมืองที่มนุษย์สร้างขึ้น และเต็มไปด้วยมนุษย์คนอื่น ๆ รวมถึงสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ ดังนั้นเป็นหน้าที่ของเราที่จะสอนให้เขาโอเคกับการเจอกับมนุษย์คนอื่น สิ่งของในบ้าน หมาตัวอื่น ยานพาหนะต่าง ๆ เสียงฟ้า เสียงฝน รวมถึงสิ่งอื่น ๆ ที่เขาจะต้องเจอไปตลอดชีวิตหลังจากนี้
เพื่อการนั้นสิ่งที่เราต้องทำหลัก ๆ คือการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการพบเจอสิ่งเหล่านั้นให้กับเขาตั้งแต่เด็ก และให้เขาเห็นสิ่งใหม่ ๆ รอบตัวเป็นเรื่องดี
🐕 การพาเข้าสังคมแบบเก่า
ที่ผ่านมาโรงเรียนฝึกหมา และฟาร์มหลาย ๆ ที่อาจจะมีคำแนะนำเกี่ยวกับการ socialize ว่าให้พาไปเจอคนใหม่ ๆ 100 คนที่มีลักษณะแตกต่างกัน เช่น คนมีหนวด คนไม่มีหนวด คนที่ใส่หมวกแปลก ๆ หรืออะไรทำนองนั้นอยู่บ้าง นอกจากนั้นอย่าลืมให้เขาเจอกับข้าวของเครื่องใช้ และเสียงทุกประเภท โดยทั้งหมดนี้ต้องทำภายใน 16 สัปดาห์แรกด้วย บางที่อาจจะมีให้เป็น checklist มาด้วยเพื่อช่วยเราติดตามผล
ปัญหาของวิธีการแบบนี้คือแค่ฟังก็ดูยากเกินไปแล้วใช่ไหมครับ ที่ภายใน 16 สัปดาห์เราจะพาหมาเด็กเราไปเจอทุกสิ่งอย่างที่เขาอาจจะได้เจอไปตลอดชีวิตได้ นั่นทำให้ checklist แบบนี้ยิ่งทำให้ทั้งเรา และหมาเด็กเราเครียดไปตลอด 3 เดือนแรกของอายุเลย
และอีกปัญหาสำคัญของการพยายามทำแบบนี้คือด้วยความเร่งรีบ และเยอะของมันทำให้เจ้าของอดไม่ได้ที่จะพาเขาไปเจอแบบรีบ ๆ โดยที่ไม่ทันสังเกตอาการของหมาเด็กเราว่าเขาพร้อมไหม ทำให้ได้ผลตรงกันข้ามกับที่ตั้งใจ คือเขาเครียดกว่าเดิมเวลาเจอ หรืออาจเกิดอาการที่เรียกว่า over-socialized ที่หมาจะที่ชอบ และตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ ๆ จนขาดสติ
🐕 การพาเข้าสังคมแบบที่ควรเป็น
จะเห็นได้ว่าการพาเข้าสังคมแบบเน้นการเจอเยอะ ๆ นั้นโดยหลักการนั้นถูกแล้ว แต่ปัญหาคือวิธีการและการทำจริงเป็นเรื่องยาก ผิดพลาดได้ง่าย ๆ และใช้ความพยายามเกินกว่าที่คนส่วนใหญ่จะทำได้จริง
วิธีที่ดีกว่าในการช่วยลูกหมาปรับตัวกับโลกมนุษย์คือสิ่งที่ผมจะเรียกว่า “การพาหมาไปเปิดโลก” เพราะมันคือไม่ใช่แค่การเจอให้คุ้นก็พอ แต่คือการที่เราต้องมองว่านี่คือโอกาสที่จะสอนให้หมารู้ว่าเขาสามารถสำรวจโลกมนุษย์นี้ได้อย่างปลอดภัยไปกับเรา
หมายความว่าแทนที่เราจะพยายามให้เขาคุ้นกับทุกอย่างที่อาจจะเจอในชีวิต เราจะสอนให้เขาเห็นสิ่งใหม่ว่าเป็นเรื่องดีไว้ก่อน เพื่อให้เขามั่นใจ และพร้อมรับได้กับทุกอย่างที่จะได้เจอ และการที่หมาจะมองโลกในแง่ดีและพร้อมสำรวจโลกอย่างมั่นใจได้นั้น พื้นฐานสำคัญคือการที่เขาเห็นเราเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเขา
ดังนั้นภาพของการพาหมาเปิดโลกโดยสรุปคือ
🐾 ฝึกหมาให้รู้ว่าสิ่งใหม่ ๆ นั้นเป็นเรื่องที่โอเค
🐾 ฝึกหมาให้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวนั้นส่วนใหญ่ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องเข้าไปยุ่ง
🐾 ฝึกหมาให้รู้ว่าเราคือพื้นที่ปลอดภัยในทุก ๆ สถานการณ์
ถ้าเราทำสำเร็จทั้ง 3 ข้อนั้นหมายถึงเวลาที่เราพาหมาออกไปนอกบ้าน เช่น ไปเราเดินจูงหมาที่สวนสาธารณะแล้วเขาเจอกระรอกเป็นครั้งแรก หมาจะไม่ตกใจเมื่อเห็น แต่ก็ไม่พยายามจะเข้าหากระรอก และอยากจะอยู่ใกล้ ๆ เรามากกว่า
🐕 การพาหมาเปิดโลกทำอย่างไร ?
ว่าด้วยหลักการกันไปแล้วครับ ทีนี้มาดูวิธีกันบ้าง โดยในการฝึกนี้สิ่งสำคัญคือให้เราทำเป็นชีวิตประจำวันตลอดเวลาที่เราใช้เวลากับหมาได้เลย โดยไม่ต้องแบ่งเวลาออกมาเป็นพิเศษ ที่เจ้าของทุกคนทำได้เองง่าย ๆ ที่บ้านเลยครับ โดยหลัก ๆ เราจะมี 3 หัวข้อในการฝึกด้วยกัน คือ
🚩ฝึกหมาให้มองโลกในแง่ดี
สิ่งที่ต้องมี:
🐾 ขนมที่หมาชอบ
🐾 หมา
การสอนเรื่องนี้ทำได้ง่าย และมีเป็นประโยชน์กับหมามาก ๆ โดยวิธีง่าย ๆ คือ “อะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ชม และให้ขนม” ตัวอย่างเช่น
🐾 กระรอกวิ่งผ่าน > ชม >ให้ขนม
🐾 มีคนกดกริ่งบ้าน > ชม > ให้ขนม
🐾 คนแปลกหน้าเข้าบ้าน > ชม >ให้ขนม
อาหารคือสิ่งที่ดีอย่างเป็นสากลสำหรับหมา และในการฝึกหมาคือนี่เป็นวิธีหลัก ๆ ที่เราจะสื่อสารให้เขาเข้าใจได้ว่านี่เป็นเรื่องดี ซึ่งระดับความดีก็ขึ้นอยู่กับระดับขนมที่เขาชอบ เริ่มตั้งแต่อาหารที่เขากินปกติ = โอเค จนไปถึงขนมที่ชอบที่สุด = ดีมากกกกกก
ดังนั้นการให้ขนมเวลามีสิ่งใหม่ ๆ เกิดขึ้นเป็นการบอกเขาว่าสิ่งนี้ดีนั่นแหละครับ และการมีคำชมคั่นกลางเป็นเพราะหลายครั้งเราอาจจะไม่สามารถให้อาหารเขาได้เลยทันทีเวลามีอะไรเกิดขึ้น คำชมที่มาคั่นกลางจะช่วยให้เขาเข้าใจว่าขนมที่กำลังจะตามมานั้นเราให้เพราะอะไร
กิจกรรมนี้เราทำได้ตลอดเวลาในทุก ๆ วันครับ โดยช่วงแรก ๆ ที่เขามาอยู่ด้วยทุกอย่างจะใหม่สำหรับเขา แนะนำให้ใช้รางวัลที่เขาชอบมาก ๆ เพราะสำหรับบางตัวถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นน่าสนใจเกินไปเขาอาจจะไม่ยอมกินรางวัลที่ชอบกลาง ๆ พอเขาเริ่มชินกับสิ่งนั้นแล้วเราค่อยลดระดับรางวัลลงมาได้
ช่วงสัปดาห์แรกแค่สิ่งของในบ้านก็เยอะมากแล้ว ดังนั้นไม่ต้องรีบพาเขาออกจากบ้านครับ พอเขาโอเคกับทุกอย่างในบ้านแล้วเราค่อยเริ่มจากของนอกบ้านทีละนิดละหน่อย ก่อนที่จะค่อย ๆ พาออกนอกบ้านทีละขั้น ๆ ไป
สิ่งที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษในการฝึกแบบนี้คือจำพวกเสียงดังทั้งหลาย เช่น ฟ้าร้อง กริ่ง เครื่องดูดฝุ่น เพราะทำให้หมากลัวได้ง่าย ของพวกนี้ควรที่จะเริ่มจากเสียงเบาก่อน แล้วค่อยเพิ่มระดับเสียง เช่น ก่อนที่หมาจะเจอฟ้าร้องจริง ๆ แนะนำให้เปิดเสียงฟ้าร้องเบา ๆ ไปก่อนได้
สัญญาณที่บอกว่าเรากำลังประสบความสำเร็จคือ การที่หมาหันมาทางเราเวลามีอะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้น นั่นแปลว่าหมารอคำตอบจากเราว่าสิ่งนี้โอเคไหม ถึงจุดนี้อย่าหยุดทำนะครับ ทำต่อไปเรื่อย ๆ ตลอดชีวิตเขาได้เลย ให้เขาติดเป็นนิสัยในการหันเข้าหาเราเวลามีเรื่องใหม่ ๆ เกิดขึ้นไปเลย
🚩 ฝึกหมาให้ใจเย็น
สิ่งที่ต้องมี:
🐾 ขนมที่หมาชอบกลาง ๆ
🐾 เตียง หรือ กรง (ถ้ามี)
🐾 หมา
หลักการของการฝึกให้หมาใจเย็นคือสอนให้รู้ว่าการอยู่ในความสงบนั้นเป็นเรื่องดี ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำให้ให้ขนมเวลาเขาสงบ
ฟังดูง่ายใช่ไหมครับ ปัญหาอยู่ที่ว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าหมาสงบ ? สำหรับการฝึกนี้เรานิยามพฤติกรรมสงบของหมาคือ การที่เขาอยู่ในท่านอน และสำคัญคือเขาต้องอยู่ในท่านี้โดยที่เราไม่ได้บอก
วิธีการ:
🐾 รอ
🐾 หมานอนเอง
🐾 ชม
🐾 ให้รางวัล
ความยากของกิจกรรมนี้ได้แก่:
การรอให้หมาเด็กนอนเอง – คนที่มีหมาเด็กจะรู้ครับว่าการรอให้เขานอนเองนี่ไม่ง่าย อาจจะต้องรอนานด้วย ตัวช่วยที่ช่วยได้คือกรง และเตียงหมานั่นเองครับ การมีพื้นที่สงบ ๆ ที่ดึงดูดให้เขาเข้าไปนอนนั้นจะช่วยกระตุ้นให้เขาเข้านอนเองง่ายขึ้น
รางวัลทำให้หมาตื่น – นี่คือส่วนที่ยากที่สุดเลย เพราะเมื่อหมาล้มตัวลงนอนแล้วนั้น เมื่อเราชม หรือหยิบขนมเข้าไปใกล้ ๆ หมามักจะตื่นเต้นออกจากท่านอนขึ้นมาทันที
วิธีการที่ช่วยได้คือในการฝึกนี้พยายามเลือกขนมที่เขาไม่ได้ชอบมากนัก เช่น อาหารปกติของเขาอาจจะเพียงพอแล้วสำหรับหมาส่วนใหญ่ และวิธีการเสิร์ฟของเราต้องพยายามไม่ให้เขารู้ตัวโดยการค่อย ๆ หยิบไปวางตรงหน้าที่กำลังนอนอยู่ของเขา คำชมเองก็ต้องเบา ๆ ใจเย็น และไม่ดีใจจนเกินไป เช่น กระซิบเบา ๆ ว่า “เก่ง~”โดยอาจจะต้องพยายามหลายครั้งหน่อยนะครับ แต่สุดท้ายแล้วจะทำได้แน่นอน และจะง่ายขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
ความสำเร็จของกิจกรรมนี้สังเกตได้จาก:
🐾 หมาจะนอนบ่อยขึ้น
🐾 หมาถูกรบกวนได้ยากขึ้น แม้จะมีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้น เช่น กระรอกวิ่งผ่านก็นอนต่อไป
เมื่อถึงขั้นนี้แล้วเราอาจจะปรับเป็นการให้รางวัลเวลาเขานอนแล้วมีสิ่งรบกวนไปด้วย หรือนอนแม้จะมีคนแปลกหน้ามากดออดก็จะยิ่งช่วยให้หมาสงบได้เก่งกว่าเดิม
🚩 ฝึกหมาให้ชอบอยู่ใกล้เจ้าของ
สิ่งที่ต้องมี:
🐾 ขนมที่หมาชอบ
🐾 หมา
วิธีการ:
🐾 รอ
🐾 หมาเดินมาหา
🐾 ชม
🐾 ให้รางวัล
หลักการเดียวกับทั้งสองกิจกรรมก่อนหน้านี้ โดยเราคาดหวังให้หมาชอบการเข้ามาหา และอยู่ใกล้ ๆ เรา โดยถ้าฝึกในวัยเด็กจะค่อนข้าง่าย เพราะหมาเด็กจะเป็นวัยที่เข้าหาเจ้าของตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นเราแค่ให้รางวัลเวลาเขาเดินมาหาเราด้วยตัวเองก็พอ
ถ้าให้ดีกว่านั้นเวลาที่เขาเข้าหาเราตอนที่เจออะไรใหม่ ๆ ก็ยิ่งควรให้รางวัลโดยเฉพาะรางวัลที่ชอบมาก ๆ การฝึกเรื่องนี้นอกเหนือจากการเปิดโลกแล้ว ยังส่งผลให้การฝึกคำสั่งเรียกมาหา และการเดินในสายจูงทำได้ง่ายขึ้นมากขึ้นด้วย ในขั้นสูงสุดมันจะช่วยให้เราเดินกับหมาโดยไม่ต้องใช้สายจูงได้เลยด้วย !
🐕 สรุป
การ socialize หรือ การพาหมาไปเปิดโลกในช่วงวัยเด็กนั้นสิ่งสำคัญไม่ใช่จำนวนสิ่งต่าง ๆ ที่เขาจะได้เจอ แต่มันคือการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้เขาเวลาเจอสิ่งใหม่ ๆ ให้ทุกครั้งที่เขาเจออะไรใหม่ ๆ ทั้งระหว่างนี้ และหลังจากนี้ให้เขารู้สึกโอเคกับมัน ไม่เครียด ไม่กลัว และไม่จำเป็นต้องเข้าหา
โดยการฝึกที่ยกตัวอย่างไปทั้ง 3 แบบในบทความนี้สามารถทำได้ตลอดช่วงอายุของหมาทั้งหมด เพราะแม้ว่าช่วงเวลาที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือก่อนอายุ 4 เดือน แต่สำหรับหมานั้นไม่มีคำว่าสายไป ไม่มากก็น้อยการฝึกนี้สามารถพัฒนาหมาได้ทุกวัย
สุดท้ายนี้อย่าลืมว่าการเปิดโลกคือวิธีการที่ตรงที่สุดในการทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นสำหรับหมา และฝากติดตามบทความอื่น ๆ ของเราได้ที่ www.dogology.org/blog
โฆษณา