11 ต.ค. เวลา 04:06 • การตลาด

เทรนด์ Influencer & Digital Marketing 2025 เปลี่ยนไปยังไง? มาอัปเดตข้อมูลที่น่าสนใจกันเลย!

อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงปีใหม่แล้ว การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2025 เป็นสิ่งที่นักการตลาดควรให้ความสำคัญ เพราะการรู้เทรนด์เหล่านี้จะช่วยให้สามารถวางแผนล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจับจุดที่สำคัญในการปรับกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสม
ในปี 2025 ที่จะถึงนี้ เราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการ Influencer Marketing และ Digital Marketing เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง และกฎระเบียบใหม่ๆ ล้วนมีผลต่อการปรับตัวของกลยุทธ์ในยุคนี้
ในบทความนี้ ได้มีการรวบรวมเทรนด์สำคัญที่จะกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรม Influencer Marketing เพื่อให้นักการตลาด อินฟลูเอนเซอร์ และแบรนด์ สามารถเตรียมความพร้อม ปรับตัว และคว้าโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาติดตามกันเลยค่ะ
1. การเติบโตของ Nano และ Micro-Influencers
เทรนด์การร่วมงานกับ Nano และ Micro-influencers จะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะถึงแม้อินฟลูเอนเซอร์กลุ่มนี้จะมียอดผู้ติดตามน้อยกว่า Mega-influencers แต่กลับสามารถสร้างการเชื่อมต่อและการมีส่วนร่วมได้อย่างมีคุณภาพ แบรนด์จึงสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเฉพาะเจาะจงได้มากขึ้น พร้อมกับได้ผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ที่ดีกว่า อีกทั้งยังช่วยประหยัดงบประมาณ ทำให้การทำแคมเปญมีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. ความโปร่งใสด้านค่าตอบแทนและการจ่ายเงินตามผลลัพธ์
แนวโน้มในอนาคตแสดงให้เห็นว่าอินฟลูเอนเซอร์จะเรียกร้องค่าตอบแทนที่ชัดเจนและยุติธรรมมากขึ้น แบรนด์จึงต้องปรับตัว โดยเปลี่ยนไปใช้ระบบการจ่ายเงินตามผลลัพธ์จริง หรือ Performance-based เช่น การมีส่วนร่วม (Engagement) และการเปลี่ยนแปลงยอดขาย (Conversions) ซึ่งจะช่วยให้อินฟลูเอนเซอร์ได้รับค่าตอบแทนตามความสำเร็จของแคมเปญ
ระบบนี้จะทำให้ทั้งแบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์เข้าใจคุณค่าและเป้าหมายของแคมเปญตรงกัน ส่งผลให้เกิดความโปร่งใสในการทำงานร่วมกันและสร้างความสำเร็จร่วมกันได้อย่างยั่งยืน
3. AI กับบทบาทที่ขยายใหญ่ขึ้น ช่วยให้นักการตลาดทำงานได้เร็วขึ้น
AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในปี 2025 ทั้งในด้าน Digital Marketing และ Influencer Marketing โดยจะช่วยจัดการงานพื้นฐาน เช่น การสร้างคอนเทนต์ (Content Creation) และการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analysis) ทำให้นักการตลาดสามารถมุ่งเน้นไปที่การวางกลยุทธ์ที่ซับซ้อนและการตัดสินใจเชิงลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Virtual Influencers จะเติบโตมากขึ้น โดยสามารถทำหน้าที่ตอบคำถามและโต้ตอบกับผู้ติดตามได้เพื่อลดภาระของอินฟลูเอนเซอร์ตัวจริง ขณะเดียวกัน AI ยังช่วยในการค้นหาอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสม ปรับกลยุทธ์ สร้างและปรับปรุง Briefs และวางแผนแคมเปญได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4. Social Media กลายเป็น Search engine แห่งใหม่
แนวโน้มในปี 2024 พบว่าแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียกำลังทำหน้าที่เสมือนเป็น Search Engine แห่งใหม่ โดยข้อมูลจาก Hubspot ระบุว่า 87% ของนักการตลาดเชื่อว่าผู้บริโภคจะค้นหาแบรนด์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียมากกว่าการใช้ Search Engine แบบดั้งเดิม เช่น Google นอกจากนี้ 76% ของผู้บริโภคใช้โซเชียลมีเดียเพื่อค้นหาสินค้าและแบรนด์ใหม่ๆ ทำให้แบรนด์ต้องปรับตัวและพัฒนาเนื้อหาให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการค้นหาบนโซเชียลมีเดียมากขึ้น
คาดว่าในปี 2025 แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจะพัฒนาฟีเจอร์ Social Commerce มากขึ้น เช่น การซื้อสินค้าผ่านโพสต์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายออนไลน์ โดยมีอินฟลูเอนเซอร์เป็นกลยุทธ์สำคัญในการกระตุ้นยอดขาย ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับแบรนด์ในการใช้ประโยชน์จากช่องทางเหล่านี้
5. Live Commerce แนวโน้มที่น่าจับตามองในโลก Social Commerce
Live Streaming ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตถึง 27% ที่รับชมคอนเทนต์แบบเรียลไทม์ทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุ 18-34 ปี ที่นิยมใช้ Instagram ในการรับชม Live Video ซึ่งคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่า TikTok จะชะลอการทำ Live Shopping ในยุโรปและ Meta ยกเลิกฟีเจอร์นี้ไป แต่ Live Commerce ยังคงเติบโตในแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น YouTube และ Twitch
นอกจากนี้ Live Commerce ยัง เป็นช่องทางที่ช่วยให้แบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์สามารถโปรโมตสินค้าแบบเรียลไทม์ กระตุ้นให้ผู้ชมตัดสินใจซื้อสินค้าทันทีภายในแอป พร้อมมอบส่วนลดและค่าคอมมิชชั่น ทำให้การช้อปปิ้งเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากขึ้น
6. Cross-Platform เพิ่มพลัง Influencer Marketing ให้ปังยิ่งกว่าเดิม
กลยุทธ์ Influencer Marketing แบบ Cross-Platform จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น YouTube, Instagram และ TikTok ต่างพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อรองรับการใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม ซึ่งช่วยให้อินฟลูเอนเซอร์สามารถสร้างคอนเทนต์เพียงชุดเดียว แล้วเผยแพร่ได้หลายแพลตฟอร์มอย่างมีประสิทธิภาพ
การรวมพลัง Cross-Platform จะช่วยลดข้อจำกัดด้านเวลาและงบประมาณ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น และช่วยเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้ง
แม้ว่าในปัจจุบัน เทคโนโลยี Cross-Platform บางส่วนจะมีต้นทุนสูง แต่ในอนาคตคาดว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและใช้งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
7. วิดีโอและ UGC ยังคงเป็นสื่อที่ทรงพลัง
วิดีโอยังคงเป็นสื่อการตลาดที่สำคัญที่สุด ข้อมูลจาก Wyzowl ระบุว่า 87% ของนักการตลาดเชื่อว่าการใช้วิดีโอช่วยเพิ่มยอดขายและโอกาสทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ โฆษณาวิดีโอที่เป็น User-Generated Content (UGC) ยังมีประสิทธิภาพสูงกว่าโฆษณาทั่วไปถึง 400% เนื่องจากผู้บริโภคเชื่อถือเนื้อหาที่มาจากผู้ใช้มากกว่าเนื้อหาที่สร้างโดยแบรนด์เอง
เพื่อสร้างความน่าสนใจและเชื่อมโยงกับผู้ชม แบรนด์ควรพัฒนาเนื้อหาที่ให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจ เช่น Webinars, Product Demos และวิดีโอกรณีศึกษา เพื่อตอบสนองความต้องการเนื้อหาวิดีโอเพิ่มเติมจากแบรนด์ที่สูงถึง 89% ของผู้บริโภค
8. Data is King เพิ่มประสิทธิภาพ Influencer Marketing ด้วย Data Analytics
การวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) จะเป็นกุญแจสำคัญสำหรับ Influencer Marketing ในอนาคต โดยแบรนด์จะใช้ Data เช่น พฤติกรรมผู้บริโภค หรือ Engagement ต่างๆ บนโซเชียลมีเดีย มาวิเคราะห์เพื่อทำความเข้าใจ Target Audience ให้มากขึ้น
ซึ่งจะช่วยให้เลือกอินฟลูเอนเซอร์และออกแบบแคมเปญได้อย่างตรงจุด เพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จ และสร้าง Impact ได้มากขึ้น เรียกได้ว่า Data จะกลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ Influencer Marketing มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าที่เคย
9. Niche Market กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของแบรนด์และ Influencer
ในโลกธุรกิจที่การแข่งขันสูง โดยเฉพาะในตลาด Mass ที่ต้องใช้เงินทุนมหาศาลเพื่อสร้างการรับรู้ แบรนด์จำนวนมากจึงเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับ Niche Market ซึ่งเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม ที่แม้จะมีขนาดเล็กกว่า แต่กลับเปิดโอกาสให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับลูกค้า
เช่นเดียวกับอินฟลูเอนเซอร์ ที่ต้องการประสบความสำเร็จ การเลือก Niche ที่สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญ เช่น Beauty, Travel, Food หรือ Tech การโฟกัสที่ Niche ที่ตนเองเชี่ยวชาญ และหลงใหล จะช่วยดึงดูดผู้ติดตามที่มีความสนใจในสิ่งเดียวกัน เสริมสร้างความน่าเชื่อถือ และทำให้อินฟลูเอนเซอร์กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ ที่สำคัญคือ การสร้างเนื้อหาที่ Unique สะท้อนตัวตน และ Passion ของอินฟลูเอนเซอร์อย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาว ทั้งในโลกธุรกิจ และในฐานะอินฟลูเอนเซอร์
10. ยุคแห่งการสร้าง Partnerships ระยะยาว สู่การสร้าง Brand Advocate
ในปัจจุบัน แบรนด์ต่างๆ เริ่มปรับเปลี่ยนจากการจ้างอินฟลูเอนเซอร์เพียงแค่โพสต์เดียว มาเป็นการสร้างความร่วมมือในระยะยาว (long-term partnership) มากขึ้น เนื่องจากความร่วมมือระยะยาวนี้ช่วยให้อินฟลูเอนเซอร์สามารถโปรโมตแบรนด์ได้อย่างจริงใจและสม่ำเสมอ อีกทั้งยังช่วยปรับแต่งข้อความที่สื่อออกมาให้สอดคล้องกับสไตล์ของตัวเอง ทำให้เนื้อหามีความเป็นธรรมชาติและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
แทนที่จะใช้อินฟลูเอนเซอร์หลายคนและจ้างโพสต์แบบครั้งเดียว แบรนด์ควรมองหาอินฟลูเอนเซอร์ที่มีความสอดคล้องและทำงานร่วมกันในระยะยาว เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและยั่งยืน อินฟลูเอนเซอร์ที่ชื่นชอบแบรนด์จริงๆ จะกลายเป็น Brand Advocate ที่ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและส่งเสริมแบรนด์ได้ดีกว่าการจ้างโพสต์ครั้งเดียวอย่างมาก นอกจากนี้การสร้างความร่วมมือระยะยาวช่วยให้แบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์มีความเข้าใจกันมากขึ้น ทั้งยังสร้าง brand loyalty ได้ในระยะยาว ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับแบรนด์ในยุคนี้ค่ะ
ข้อมูลจาก: boksi, themtmagency, medium
โฆษณา