รู้ธรรมะผ่านกามารมณ์ของเรา(97)ตอน12

ขอแค่ "รู้ความทุกข์ของเรา" กำหนดรู้ความทุกข์ให้ชัดเจนในเบื้องต้นให้ได้เสียก่อนอย่างกรณีผู้เขียนสมัยหนุ่มเสพกามจนกลายเป็นบุคคลเหมือนเสพติดในเรื่องนี้จนขาดไม่ได้ เมื่อรู้แล้วต้องหาทางลด ละ เลิกให้ได้ ก็ใช้วิธีอดทนสู้กับมัน ซึ่งเป็นเรื่องของกำลังใจล้วนๆ ซึ่งก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้างไม่กี่วันก็กลับไปหาใหม่ แต่เมื่อเราได้ตกลงสู้กับมันแล้วก็เท่ากับว่า "เราได้กำหนดรู้ความทุกข์"ที่เกิดขึ้นกับเราแล้ว เมื่อสู้กับมันก็สู้อย่างเหมือนที่เราลงสนามเล่นกีฬามีแพ้ชนะสลับกันไป โดยใช้กำลังใจของเราเป็นสำคัญ
1
แต่ถ้าเรามีหลักในการสู้กับสิ่งที่เราเสพติดอยู่นั้น มันจะอยู่ในกรอบของหลักพุทธศาสนาทั้งหมดเลย เพียงแต่เราใช้ "ปัญญาของเรา" เท่าที่มีไม่จำเป็นต้องฉลาดหลักแหลมแต่อย่างไร ให้พิจารณา "จิตของเรา" ที่อาบไปด้วยกิเลสตัณหาหรือกามารมณ์ที่เราติดอยู่นั้น ให้พิจารณาทุกสรรพสิ่งให้ลงไปที่ "เป็นทุกข์ ไม่เที่ยงแท้ ไม่มีตัวตนอย่างแท้จริง" ซึ่งเป็นสัจจะธรรมสากลของโลกใบนี้ เป็นการใช้"ปัญญาอบรมจิต"
เราเสพกามอย่างหนัก เมื่อเรามานั่งพิจารณาด้วยปัญญาของเราให้คิดพิเคราะห์ย้อนหลังเป็นการใช้ความจำเก่าๆของเราเป็นหลัก ทุกอย่างมันได้ผ่านไปแล้วมันได้จบไปแล้วแสดงว่า "ไม่เที่ยง" มันมีแต่ความทรงจำที่เราหวนหาตลอด "เป็นทุกข์" มันเกิดขึ้นและก็ดับไปแสดงว่า "มันไมีมีตัวตนเลย" จิตของเรานี้เหละเป็นผู้สร้างปรุงแต่งขึ้นมาเป็นเรื่องเป็นราวและมันก็จบลงทุกครั้ง สามารถพิจารณาด้วยปัญญาและวิธีการของเราก็ได้แต่สุดท้ายมันจะหนี "สัจจธรรมความจริงของโลก" ไม่พ้นคือเราต้องพิจารณาลงไปสู้ ไตรลักษณ์ ทุกขัง อนิจจา อนัตตา
1
โฆษณา