11 ต.ค. เวลา 09:14 • ความคิดเห็น
ผมตอบไม่ได้จริงๆว่า ท่านท้อหรือไม่
ท่านอาจไม่ท้อก็ได้ ระดับท่านแล้ว ปฏิบัติตั้งแต่ทรมานร่างกายตนเอง จนเกือบตาย ก็ยังทำมาแล้ว
กะอีแค่รู้สึกว่า สิ่งท่านค้นพบ มันยากสำหรับคนทั่วไปจะเข้าใจ แค่นี้จะทำให้ท่านท้อได้อย่างไร
คนที่บอกกับตัวเองว่า จะนั่งอยู่ตรงนี้ จนกว่าจะบรรลุความจริง แม้จะต้องตายอยู่ใต้ต้นไม้นี้ ก็จะไม่ลุกขึ้น
คนแบบนี้หรือครับ ที่จะท้อกับเรื่องจะเผยแพร่สิ่งที่ตนค้นพบหรือไม่
ประเด็นคือท่านกำลังตัดสินใจว่า ท่านจะเป็นปัจเจกพระพุทธเจ้าดี คือรู้ของท่านคนเดียว หรือจะเป็นพระพุทธเจ้าของปวงชน จุดความสว่างในใจคนที่พร้อม ชี้ทางสว่างกับคนที่ยังมีความหวัง และยอมรับความจริง ที่ไม่ใช่ทุกคน จะเข้าใจธรรมของท่านได้
โชคดีของพวกเรา ที่ท่านตัดสินใจเดินเข้าเส้นทางแห่งคงามเมตตาต่อปวงชน เราจึงประหยัดเวลา ไม่ต้องไปค้นหาเส้นทางแห่งความจริง แค่เดินตามทาง ที่ท่านชี้ไว้ เราก็มีโอกาสพบความจริงแล้ว
บอกได้เลยว่า ธรรมของท่านเข้าใจได้ง่าย แต่ปฏิบัติตามได้ยากมาก เอาแค่ศีลห้ายังทำได้ยากเลย
แต่ถ้าเอาคำว่า “ยาก” มาเป็นตัวตั้ง มันก็จบลงตรงนี้แล้ว ดังนั้นผมขอเปลี่ยนเป็นว่า เราต้องมีความตั้งใจที่จะลงมือทำ แม้บางครั้ง บางเรื่อง มันจะขัดอกขัดใจกับ “ความอยาก” ในตัวเรา ก็ให้ถือว่า เรามาถูกทางแล้ว เพราะความอยากตัวเดียวเท่านั้น ทำให้เราทุกข์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ
รูปที่ผมใส่ มันมีความหมายนะครับ ไม่ใช่แค่อยากใส่
คนเราชอบพึ่งคนอื่น ชอบให้คนมาช่วย แต่พระพุทธเจ้าท่านบอกตลอดครับว่า ท่านเป็นผู้ชี้ทาง เธอต้องเดินทางนั้นด้วยตัวคนเดียว
ท่านจุดไฟความสว่างให้ เราต้องต่อความสว่างนั้น ด้วยความพยายามของตนเอง
เห็นไหมครับว่า ข้อความในรูปที่กล่าวว่า “มันตลกที่ใครสักคนจุดไฟในใจเรา แล้วปล่อยให้เราเดินไปคนเดียว“
นี่มันเป็นความคิดแบบคนทั่วไปครับ ถ้าคิดจะหวังพึ่งคนอื่นตลอดไป เพื่อรู้ความจริงของชีวิต
ไหว้พระยานาคต่อไปเถอะครับ
ง่ายกว่าเยอะ
โฆษณา