12 ต.ค. เวลา 06:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

FTA กุญแจสำคัญปลดล็อก FDI และกํารเติบโตของการค้า ส่องหุ้นได้อานิสงค์

บล.เมย์แบงก์ มองความหวัง FTA จะกระตุ้นการค้าและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ พร้อมส่องหุ้นได้อานิสงค์
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MST มองว่า FTA ของไทยกับสหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศอื่นๆ จะสามารถสรุปได้ภายในปี 2568 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) และการส่งออกของไทยได้เป็นอย่างดี จากอัตราภาษีศุลกากรของสหภาพยุโรปในปัจจุบันและการลดภาษีที่อาจเกิดขึ้น โดยคิดว่าอุตสาหกรรมอาหารเป็นภาคส่วนที่น่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุด จาก FTA ไทย-สหภาพยุโรป
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MST มองว่า FTA กุญแจสำคัญปลดล็อก FDI และกํารเติบโตของการค้า
นอกจากนี้ ไทยกำลังเจรจา FTA หลายฉบับ ซึ่งสำคัญที่สุดคือ FTA ไทย-สหภาพยุโรป โดยที่มีความคืบหน้ามากที่สุดคือ ไทย-EFTA ซึ่งอาจสรุปได้ภายในสิ้นปี 2567 ซึ่งนายจิรัตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการส่วนยุโรป กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (DTN)
กระทรวงพาณิชย์ ยังคาดหวังว่า FTA กับสหภาพยุโรปเกาหลีใต้และภูฏาน จะสามารถสรุปได้ภายในปี 68 แม้ว่าการเจรจา FTA ในปัจจุบันจะซับซ้อนมากกว่าในอดีต (เนื่องจากมีประเด็นนอกเหนือจากการค้าในสินค้าทางกายภาพ) แต่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับ FTA เป็นอันดับแรก และต้องการสรุปการเจรจาเหล่านี้โดยเร็วที่สุด
ยอมรับไทยยังตามหลังเพื่อนบ้านในอาเซียน เรื่อง FDI และ ส่งออก
โดยในอาเซียนสหภาพยุโรปได้ทำ FTA กับเวียดนามและสิงคโปร์ไปแล้ว ในขณะที่การเจรจากับอินโดนีเซียอยู่ในขั้นตอนที่ก้าวหน้า
โดยไทยมี FTA 19 ประเทศ สิงคโปร์ 62 ประเทศ เวียดนาม 45 ประเทศ และอินโดนีเซีย 22 ประเทศ ซึ่งมองว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุที่ทำให้สัดส่วน FDI ของไทยอาเซียนลดลงจาก 13.5% ในปี 53 เหลือเพียง 2.0% ในปี 66 และน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้การเติบโตของการส่งออกสะสมของไทยไปยังสหภาพยุโรปในช่วง ปี 62 - ช่วง 8 เดือนของปี 67 อยู่เพียง 35% เมื่อเทียบกับเวียดนามที่มี 62%
หุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จาก FTA ไทย-สหภาพยุโรป
เชื่อว่าอุตสาหกรรมอาหาร เช่น CPF GFPT และ TU มีแนวโน้มได้รับประโยชน์มากที่สุด ปัจจุบันการส่งออกอาหารไทย เช่น หมู ไก่ และปลาทูน่ากระป๋อง ถูกเก็บภาษีสูง (24-57%) ด้วยข้อตกลง FTA ที่คิดว่าภาษีเหล่านี้อาจลดลงเหลือ 0-36% ขณะที่ภาคส่วนอื่นๆ ที่มีภาษีสูงในปัจจุบันและอาจได้ประโยชน์ ได้แก่ ยานยนต์ และ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี/พลาสติก ในทางกลับกัน อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อาจได้รับผลกระทบจำกัดเนื่องจากภาษีส่วนใหญ่ของอิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่ 0% แล้ว
อ่านเนื้อหาต้นฉบับได้ที่ : https://www.pptvhd36.com/wealth/stock-investment/234449
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ https://www.pptvhd36.com
และช่องทาง Social Media
โฆษณา