12 ต.ค. เวลา 07:36 • ธุรกิจ

วิเคราะห์ความแตกต่าง Business Model ของ MLM กับแชร์ลูกโซ่ ผ่าน Business Model Canvas

Multilevel Marketing (MLM) และแชร์ลูกโซ่ หรือที่รู้จักในชื่อ Pyramid Scheme เป็นรูปแบบธุรกิจที่มีกลยุทธ์ทางการตลาดที่คล้ายกัน โดยทั้งสองมีโครงสร้างที่ใช้ผู้แทนจำหน่ายหรือสมาชิกในการขยายเครือข่ายเพื่อเพิ่มยอดขาย แต่มีข้อแตกต่างที่สำคัญ ซึ่งสามารถอธิบายได้จากการวิเคราะห์ Business Model Canvas ดังนี้:
1. Value Propositions (คุณค่าที่นำเสนอ)
- MLM: เน้นผลิตภัณฑ์คุณภาพและโอกาสทางธุรกิจที่นำไปสู่การเติบโตทางการเงิน การนำเสนอของ MLM คือการให้ทั้งผลิตภัณฑ์ที่ดีและโอกาสทางการเงินที่ยั่งยืนสำหรับผู้เข้าร่วม
- Pyramid Scheme: เน้นสัญญาผลตอบแทนสูงในระยะเวลาสั้น โดยเน้นไปที่การรับผลตอบแทนทางการเงินจากการสรรหาสมาชิกใหม่ ทำให้ผู้คนถูกดึงดูดด้วยความหวังในการสร้างรายได้ที่รวดเร็ว
2. Customer Segments (กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย)
- MLM: มีลูกค้าหลักเป็นผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ (Product Users) และบุคคลที่มองหาโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มเติมโดยเข้าร่วมเป็นตัวแทนจำหน่าย (Recruits)
- Pyramid Scheme: กลุ่มเป้าหมายหลักคือบุคคลที่ต้องการรายได้เสริมหรือกำลังมองหาโอกาสทางการเงิน ซึ่งถูกโน้มน้าวให้เข้าร่วมเพื่อสร้างรายได้จากการหาสมาชิกใหม่ต่อไป
3. Channels (ช่องทางการสื่อสารและจัดจำหน่าย)
- MLM: ใช้ช่องทางต่าง ๆ เช่น โซเชียลเน็ตเวิร์ก แพลตฟอร์มออนไลน์ กิจกรรม และการขายแบบตัวต่อตัว (Sales Rep) เพื่อโปรโมตและขายผลิตภัณฑ์
- Pyramid Scheme: ใช้ช่องทางเดียวกันคือ โซเชียลเน็ตเวิร์ก แพลตฟอร์มออนไลน์ กิจกรรมต่าง ๆ และการขายผ่านตัวแทน แต่เน้นไปที่การโน้มน้าวและชักชวนคนเข้าร่วมมากกว่าการขายผลิตภัณฑ์จริง
4. Customer Relationships (ความสัมพันธ์กับลูกค้า)
- MLM: สร้างความสัมพันธ์แบบที่เน้นความเชื่อมั่นและการให้คำปรึกษา โดยตัวแทนจำหน่ายจะคอยช่วยเหลือสมาชิกใหม่และสนับสนุนการทำงานให้ประสบความสำเร็จ
- Pyramid Scheme: มีการกดดันให้สมาชิกใหม่ต้องสรรหาสมาชิกต่อไปเพื่อรักษาความต่อเนื่องของเครือข่าย การกดดันนี้สร้างความสัมพันธ์ที่เน้นการบังคับมากกว่าการให้ความช่วยเหลืออย่างจริงใจ
5. Revenue Streams (แหล่งรายได้)
- MLM: รายได้หลักมาจากการขายผลิตภัณฑ์จริงและค่าคอมมิชชั่นจากยอดขายของทีมงาน ยอดขายจากผลิตภัณฑ์ถือเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ ซึ่งช่วยสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
- Pyramid Scheme: แหล่งรายได้หลักมาจากค่าธรรมเนียมในการเข้าร่วมจากสมาชิกใหม่และค่าคอมมิชชั่นจากการสรรหาสมาชิกเพิ่มเติม การขายผลิตภัณฑ์มีน้อยหรือแทบไม่ได้เน้น ทำให้การพึ่งพาการสรรหาสมาชิกใหม่นั้นเป็นความเสี่ยงที่ทำให้รูปแบบนี้ไม่ยั่งยืน
6. Key Resources (ทรัพยากรหลัก)
- MLM: ทรัพยากรหลักประกอบด้วยสินค้าคงคลังและเครือข่ายของผู้แทนจำหน่าย ซึ่งช่วยในการขยายการขายและกระจายผลิตภัณฑ์
- Pyramid Scheme: ทรัพยากรหลักคือเครือข่ายการสรรหาขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้มีรายได้จากค่าธรรมเนียมของผู้เข้าร่วมใหม่ แทนที่จะเน้นสินค้าคงคลัง พวกเขามุ่งเน้นที่การสร้างเครือข่ายเพื่อหารายได้
7. Key Activities (กิจกรรมหลัก)
- MLM: มีกิจกรรมหลักสองอย่างคือ การขายผลิตภัณฑ์ และการฝึกอบรมและสนับสนุนสมาชิกใหม่ ตัวแทนจำหน่ายจะต้องทำกิจกรรมเหล่านี้เพื่อสร้างรายได้
- Pyramid Scheme: กิจกรรมหลักคือการชักชวนผู้อื่นให้เข้าร่วมโดยการลงทุนหรือจ่ายเงินเข้ามา โดยเน้นการโน้มน้าวให้คนอื่นเข้าร่วมมากกว่าการขายผลิตภัณฑ์
8. Key Partnerships (พันธมิตรหลัก)
- MLM: พันธมิตรหลักคือผู้ผลิตสินค้า ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญที่ช่วยสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตัวแทนจำหน่ายนำไปจำหน่ายต่อให้กับลูกค้า
- Pyramid Scheme: พันธมิตรหลักคือผู้ที่เข้าร่วมเป็นกลุ่มแรกและได้รับผลประโยชน์จากการสรรหาสมาชิกใหม่ (downline recruits) แทนที่จะเน้นไปที่ผู้ผลิตสินค้า พวกเขามุ่งเน้นการสร้างเครือข่ายเพื่อหาผลประโยชน์จากการสรรหาสมาชิกใหม่
9. Cost Structure (โครงสร้างต้นทุน)
- MLM: ต้นทุนหลักคือการผลิตและการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการทำการตลาด กิจกรรม และการฝึกอบรมสมาชิกใหม่ ต้นทุนเหล่านี้จำเป็นต่อการสร้างความยั่งยืนในการขายและสนับสนุนสมาชิก
- Pyramid Scheme: ต้นทุนในการผลิตสินค้าน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย เน้นไปที่ค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรมเพื่อดึงดูดผู้เข้าร่วมใหม่และกิจกรรมการสรรหาสมาชิก
สรุปความแตกต่าง
จากการวิเคราะห์ Business Model Canvas ทั้ง 9 กล่อง จะเห็นได้ว่า MLM และ Pyramid Scheme มีความแตกต่างในเชิงโครงสร้างและแนวทางในการสร้างคุณค่าให้กับผู้เข้าร่วม MLM เน้นการขายผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าและการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน ในขณะที่ Pyramid Scheme เน้นการสรรหาสมาชิกใหม่และสัญญาผลตอบแทนสูงอย่างรวดเร็ว ซึ่งมักนำไปสู่ความล้มเหลวเมื่อไม่มีผู้เข้าร่วมใหม่ และทำให้ผู้ที่อยู่ในชั้นล่างของเครือข่ายสูญเสียเงินลงทุนไปโดยไม่ได้ผลตอบแทน
การทำความเข้าใจในความแตกต่างเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาเข้าร่วมธุรกิจ เนื่องจาก MLM ที่มีผลิตภัณฑ์และการสนับสนุนที่แท้จริงย่อมมีโอกาสสร้างรายได้ที่มั่นคงมากกว่า Pyramid Scheme ที่มุ่งเน้นแต่การสรรหาอย่างเดียว
#KnowledgeSpiral #MLM #Pyramidscheme #แชร์ลูกโซ่
โฆษณา