ดูเหมือนไม่เป็นความจริงที่จะบอกว่าไบเดนไม่เต็มใจที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับตะวันออกกลาง.
นี่อาจจะเป็น ประธานาธิบดีที่ไร้ประโยชน์ที่สุดในสหรัฐฯ ...ก่อนอื่นผมขอแสดงความเสียใจกับเหตุคนไทยที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 1 ราย ในพื้นที่นิคมเกษตร ของอิสราเอล
แต่เหตุนี้ไม่ได้เกิดจากการสู้รบครั้งล่าสุดนะครับ มันเกิดจากการเหยียบกับระเบิดที่ยังตกค้างในพื้นที่ เท่านั้น...
เนื่องจาก อิสราเอลโจมตีกรุงเบรุตและภาคตะวันออกเลบานอนต่อเนื่อง ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 22 คนและบาดเจ็บกว่า 100 คน
พร้อมสังหารผู้บัญชาการหน่วยขีปนาวุธต่อต้านรถถังพิเศษ ของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ อีก 1 คน
ส่วนเป้าหมายที่อิสราเอลต้องพุ่งเป้าโจมตีต่อเนื่องเพราะต้องการสังหาร บรรดาญาติๆ ของฮัสซัน นาสรัลลาห์
ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ที่เพิ่งไปหานางในสวรรค์( حور عين )ทั้ง 72 องค์
ด้านสถานทูตไทยในอิสราเอล ยืนยันว่า มีแรงงานไทยเสียชีวิตจากเหตุโจมตี 1 คน
และในรอบศตวรรษที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ได้พูดคุยทางโทรศัพท์นาน 30 นาที
จะเห็นได้ว่า ....ผู้ที่ไม่สามารถเข้าใจผู้คนได้คงต้องใช้แต่กำลัง
แต่บางครั้งความรุนแรงก็สามารถนำมาซึ่งความสงบสุขได้
จากการกระทำดังกล่าว ดูเหมือนไม่เป็นความจริงที่จะบอกว่าไบเดนไม่เต็มใจที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับตะวันออกกลาง
เพราะขณะนี้ เขาได้เพิ่มกำลังทหารของเขาในตะวันออกกลางอย่างมีนัยสำคัญแล้ว
https://youtu.be/0plxCRewWtA?si=GcU3azz5sVGgEWgA
เขาจะพูดได้อย่างไรว่าเขาไม่เต็มใจที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง?
ความตั้งใจของไบเดนชัดเจนมากที่จะไม่สร้างความวุ่นวายในการเลือกตั้ง แต่ตอนนี้ราคาน้ำมันก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
หากอิหร่านถูกโจมตีในตอนนี้ มันจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และทำลายโมเมนตัมที่ดีของอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
ส่วนสหรัฐฯ จะป้องกันการโจมตีอิหร่านหลังการเลือกตั้งได้อย่างไร?
จนถึงตอนนี้ อิสราเอลตอบโต้ได้ค่อนข้างฉลาด อิสราเอลเข้ายึดกลุ่มฮิซบอลเลาะห์และต่อสู้จนตายโดยไม่สูญเสียสมาธิไป
https://www.lbc.co.uk/news/uk-us-launch-attacks-houthi-rebels-yemen-second-time/
แต่อิสราเอลกลับต้องมาข่มขู่อิหร่านและป้องกันไม่ให้โจมตีอีกครั้ง
ส่วนทางด้านสหรัฐอเมริกาและอังกฤษได้เปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มฮูตีโดยร่วมมือกับอิสราเอล
ระหว่างนั้น ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล
ได้พูดคุยทางโทรศัพท์นาน 30 นาที
ซึ่งถือเป็นการติดต่อครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม
เพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้ที่เป็นไปได้สำหรับการโจมตี
ในการตอบสนองของอิสราเอลต่อขีปนาวุธของอิหร่านเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทำเนียบขาวเรียกการสนทนานี้ว่า "เป็นไปโดยตรง" และ "มีประสิทธิผล"
และกล่าวว่าไบเดนและเนทันยาฮูตกลงที่จะ "ติดต่อกันอย่างใกล้ชิด"
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ก็เข้าร่วมการประชุมแบบนี้ด้วย ..เอ๊ะ...
หลังจากนั้นไม่นาน รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ยูอาฟ กาลันท์ (Yoav Gallant)กล่าวว่าการโจมตีอิหร่านจะ "อันตรายถึงชีวิต แม่นยำ และเหนือสิ่งอื่นใด มันจะน่าประหลาดใจ"
ตามที่ผมโปรยไว้ในบรรทัดแรก โจ ไบเดน ไม่อยากเห็นสหรัฐฯ มีส่วนร่วมในสงครามกับอิหร่าน เขาเชื่อว่าสงครามครั้งนี้ไม่จำเป็นและเป็นอันตราย
อีกอย่าง ความเชื่ออันแรงกล้าในหมู่พวกเขา บางคนในอิสราเอล เชื่อว่าพวกเขามีโอกาสที่จะจัดการกับอิหร่านศัตรูตัวฉกาจของพวกเขาอย่างสุดลิ่ม
การรุกฮิซบอลเลาะห์ของอิสราเอลทำให้เกิดความหวังในหมู่ชาวอิสราเอลที่สิ้นหวังที่จะหลบหนีสงครามการขัดสีที่ชายแดนติดกับเลบานอนมายาวนาน
สำหรับพวกเขา เลบานอนดูเหมือนประสบความสำเร็จและก้าวหน้า และดูตรงกันข้ามกับสถานการณ์ในฉนวนกาซาโดยสิ้นเชิง
แม้จะมีการโจมตีฉนวนกาซาของอิสราเอลที่คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 42,000 คน และส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
แต่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู ล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายการทำสงครามถึงสองอย่าง นั่นคือ การทำลายกลุ่มฮามาสและช่วยเหลือตัวประกัน
กลุ่มฮามาสยังคงสู้รบและยังคงจับตัวประกันไว้อีกประมาณ 100 คน ซึ่งหลายคนอาจเสียชีวิตแล้ว
ความสูญเสียที่ศัตรูของอิสราเอลประสบ รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนและกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา ได้โน้มน้าวให้ชาวอิสราเอลบางส่วนเดินหน้าต่อไปและโจมตีอิหร่านโดยตรง
สำหรับพวกเขา การโจมตีทางอากาศอย่างรุนแรงต่ออิหร่านถือเป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูด
สำหรับชาวอิสราเอลจำนวนมาก เป้าหมายสูงสุดคือพื้นที่ที่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา บางแห่งอยู่ลึกเข้าไปในภูเขา
ซึ่งอิหร่านใช้เป็นที่ตั้งของโรงงานนิวเคลียร์ที่อิสราเอลและประเทศอื่นๆ เกรงว่าอาจนำไปใช้สร้างระเบิดได้
และ ประธานาธิบดีไบเดนแสดงให้เห็นชัดเจนว่าสหรัฐฯ คัดค้านแนวคิดนี้
สหรัฐฯ ไม่เชื่อว่าอิหร่านจะสร้างอาวุธนิวเคลียร์ แต่การโจมตีสามารถบังคับให้พวกเขาทำเช่นนั้นได้
หนึ่งในเสียงที่มีอิทธิพลมากที่สุดที่เรียกร้องให้เนทันยาฮูเฉยๆต่อความคิดของสหรัฐฯ คือ
อดีตนายกรัฐมนตรีนาฟตาลี เบนเน็ตต์ (Naftali Bennett)
ซึ่งกล่าวว่าอิสราเอลต้องไม่ลังเลใจที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่เขาเรียกว่า ปลาลึกลับของอิหร่านและให้รีบลงมือปฏิบัติ
เขาบอกอีกว่านี่คือ...... "ช่วงเวลาสุดท้าย"
เช่นเดียวกับนักการเมืองฝ่ายค้านและอดีตนายพลเบนนี แกนต์ซ (Benny Gantz)
เบนเน็ตต์เชื่อว่าอิหร่านเลวร้ายยิ่งกว่าที่เคยเป็นมาในรอบหลายทศวรรษเนื่องจากการล่มสลายของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์และกลุ่มฮามาส
พวกเขาเป็นนโยบายประกันการโจมตีของอิหร่าน
Benny Gantz กล่าว
“โดยพื้นฐานแล้ว อิหร่านปกป้องตัวเองด้วยมือขวาสองคนของพวกเขา นั่นคือฮิซบอลเลาะห์และฮามาส ” เบนเน็ตต์กล่าว
“แต่ตอนนี้ทั้งคู่ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง”
เขาเชื่อว่านี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะสร้างความเสียหายอย่างแท้จริงต่อระบอบการปกครองอิสลามของอิหร่าน
เบนเน็ตต์กล่าวเสริมว่า “นี่คือสิ่งที่กลยุทธ์ขั้นสูงสุดในการต่อต้านอิหร่าน ที่จะไม่เกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เราต้องเร่งการล่มสลายของระบอบการปกครองนี้ในที่สุด หากอิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ พวกเขามักจะใช้มันเพื่อ กอบกู้ระบอบการปกครอง
นั่นหมายความว่าพวกเขาจะเปลี่ยนตะวันออกกลางทั้งหมดให้กลายเป็นฝันร้ายด้านนิวเคลียร์”
เบนเน็ตต์เล่าถึงการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ที่ผ่านมาของอิสราเอลถึงสองครั้ง
ซึ่งเขาแย้งว่าทำให้ตะวันออกกลางปลอดภัยยิ่งขึ้น (เขาหมายถึงการโจมตีอิรักในปี 2524 และซีเรียในปี 2550)
“ผู้คนไม่ชอบมัน” เบนเน็ตต์กล่าว “แต่เรากอบกู้โลกจากการปกครองของอัสซาดติดอาวุธนิวเคลียร์ เรามีงาน(ที่ไม่เห็นคุณค่า)ในการทำลายระบอบการปกครองที่เลวร้ายที่สุดในโลก ทุกคนชอบที่จะวิพากษ์วิจารณ์เรา แต่เรายังคงทำหน้าที่นี้
ถ้าพวกเขามีระเบิด นั่นก็เป็นปัญหาของทุกคน ไม่ใช่แค่เฉพาะของเรา
หรือคุณอยากเห็นขีปนาวุธข้ามทวีป ชาวลอนดอนเห็นมันข้ามทวีป คุณจะรู้สึกอย่างไรเมื่อขีปนาวุธติดระเบิดนิวเคลียร์ตกอยู่ในความขัดแย้ง
ที่ผ่านมา นับตั้งแต่อิสราเอลโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ใส่สถานทูตอิหร่านในซีเรีย และลอบสังหารผู้นำคนสำคัญของอิหร่าน
อิหร่านก็เอาแต่ ตอบโต้ด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล และความตึงเครียดยังคงเพิ่มสูงขึ้น
และการลอบสังหารผู้นำ ฮัสซัน นัสรุลเลาะห์ ทำให้ เมื่อวันอังคารที่แล้ว อิหร่านได้เปิดฉากโจมตีด้วยขีปนาวุธขนาดใหญ่เพื่อตอบโต้การโจมตีครั้งก่อนของอิสราเอลต่อกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ รวมถึงพันธมิตรเลบานอนของอิหร่าน
นายกรัฐมนตรีอิสราเอลให้คำมั่นว่าจะต่อสู้กลับ
เท่าที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไบเดนไม่สนใจที่จะกล่าวถึงการกระทำของอิสราเอลในฉนวนกาซา และ "กระตุ้น" อิสราเอลให้ลดอันตรายต่อพลเรือนเลบานอนให้เหลือน้อยที่สุด
แต่เขายืนกรานมาโดยตลอดว่าอิสราเอลจะต้องไม่ตอบโต้ด้วยการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน
จากแนวโน้มนี้ สหรัฐฯ เชื่อว่าอิหร่านยังไม่ได้สร้างอาวุธนิวเคลียร์
ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่าอิสราเอลต้องปกป้องตัวเอง แต่ไม่ใช่ด้วยการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านหรืออุตสาหกรรมน้ำมัน
นั่นเป็นเพราะ สหรัฐฯ กลัวว่าจะถูกดึงเข้าสู่สงครามที่ตนไม่ต้องการเข้าร่วม
จนมีความกลัวว่าหากอิหร่านรอดชีวิตจากการโจมตีได้ อิหร่านจะผลิตหัวรบนิวเคลียร์สำหรับขีปนาวุธของตนในอนาคต
และระยะต่อไปของสงครามที่ทวีความรุนแรงขึ้นนี้ขึ้นอยู่กับขอบเขตของการตอบโต้ของอิสราเอล ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
- 9
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
