12 ต.ค. เวลา 09:33 • กีฬา

เกิดเรื่องราวอะไรขึ้น ในเกมที่ไทยชนะฟิลิปปินส์ในคิงส์คัพบ้าง นี่คือรีแคป ประเด็นสำคัญที่เกิดขึ้น

เกมที่ไทยเจอฟิลิปปินส์ เป็นชัยชนะของเราก็จริง ซึ่งก็น่ายินดีที่เข้ารอบ แต่ส่วนตัวผมมองว่า มันพิสูจน์อะไรไม่ได้มาก เพราะสนามมันเละเป็นบ่อน้ำขังขนาดนั้น
สิ่งที่นักเตะทำได้ คือแก้สถานการณ์ให้รอดพ้นจากตรงหน้าไปก่อน แท็กติกอะไรที่วางไว้ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงไปหมด
ทีมชาติไทย เล่นบอลบนพื้นเป็นหลัก จ่ายบอลเรียดเร็วๆ หรือ ไม่ก็ใช้ปีก 2 ข้าง กระชากแล้วปาดเข้าใน แต่ด้วยน้ำขังแบบนี้ จ่ายบอลสั้นก็ติดน้ำ กระชากบอลก็ติดน้ำ คือไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งใจคิด
ทีมที่จะเป็นผู้ชนะในนัดนี้ คือทีมที่มีความสามารถเฉพาะตัวดีกว่า เวลาบอลแฉลบน้ำในทิศทางแปลกๆ คุณแก้ไขอย่างไร ซึ่งเกมนี้ ไทยทำได้ดีกว่าฟิลิปปินส์ที่เหลือ 10 คนช่วงท้าย
คือเราก็ต้องให้เครดิตนักเตะ ที่เก็บชัยชนะมาได้ และพาทีมเข้าชิงได้สำเร็จ
แต่ถามว่า "เราเห็นอะไรไหม?" คำตอบคือ ก็ไม่ได้เห็นอะไรเท่าไหร่
นักเตะหน้าใหม่ อย่างอภิสิทธิ์ โสรฎา หรือ คคนะ คำยก ถามว่าไหวไหมกับทีมชุดใหญ่ คือก็ตอบไม่ได้อีก เพราะสภาพสนามแบบนี้ ทั้งคู่ไม่สามารถเล่นได้ตามฟอร์มของตัวเองอยู่แล้ว
สำหรับสภาพสนามเจิ่งนองเมื่อวานนี้ ส่วนตัวผม ไม่คิดจะตำหนิเจ้าภาพสงขลา เพราะพวกเขาก็ทำดีที่สุด เท่าที่ทีมต่างจังหวัดจะสามารถเอื้ออำนวยได้แล้ว
สนามฟุตบอล ขายตั๋ว sold out ทั้งรอบรองและ รอบชิง (แม้จะขายหมด 3 วันสุดท้าย แต่ก็ถือว่าเป็นไปตามเป้า) คนดูเข้ามาเชียร์เกือบ 2 หมื่น บรรยากาศหน้าสนามคึกคักมาก
1
ทีมต่างจังหวัดสมควรจะมีอีเวนต์ทีมชาติแบบนี้ครับ การกระจายไปแข่งทั่วประเทศ เป็นเรื่องสมควรทำแล้ว
มีคนบอกว่า ทำไมไม่ไปจัดจังหวัดอื่น เช่น ที่ภาคอีสาน ที่ฝนฟ้าไม่ถล่มแบบนี้ คำตอบคือ ก็จังหวัดนั้นเขาไม่ได้เสนอชื่อไงครับ 3 จังหวัดที่เสนอชื่อ อยากเป็นเจ้าภาพ มีแค่เชียงราย เชียงใหม่ และ สงขลา ซึ่งในเคสนี้ ก็ถือว่าสมาคมเลือกได้แม่นนะ เพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลใจกับอุทกภัยใหญ่ใน 2 จังหวัดภาคเหนือด้วย
จริงๆ ถ้าฝนฟ้าอากาศปกติ คงเป็นวันที่สวยงาม แต่เมื่อฟ้าถล่มแบบนี้ ก็ต้องทำใจกันไป
เอาจริงๆ ผมจำไม่ได้เลยว่า ในเกมทีมชาติจะมีสักครั้ง ที่ฝนตกหนักแบบมองไม่เห็นขนาดนี้
ฝนตกที่สงขลาในเกมกับฟิลิปปินส์ มันตกแบบโหดมากจริงๆ แต่การจัดการให้สนามหญ้ากลับมาพอเล่นได้ ภายใน 1 ชั่วโมง แบบไม่ต้องยกเลิกแมตช์ ผมว่าก็ดีสุดเท่าที่จะขอได้แล้วครับ
จำเกมอุ่นเครื่องเลสเตอร์ - สเปอร์ส ที่ราชมังฯ เมื่อปีที่แล้วได้ไหมครับ ฝนตกเบากว่านี้อีกนะ แต่ยังจัดการสนามให้เป็นปกติไม่ได้ จนต้องเลิกแข่ง นั่นคือ "สนามกีฬาแห่งชาติ" เลยนะ
แต่ที่สงขลา ตกหนักกว่า แต่จัดการคืนสภาพได้เร็วกว่า ใจผมตอนเห็นห่าพายุฝน คิดว่าไม่รอดแน่ ยกเลิกแน่ แต่สุดท้ายก็แข่งต่อได้เฉยเลย
แต่ถ้าจะให้ตำหนิสักอย่าง คือควรจะเตรียมเครื่องรีดน้ำเอาไว้ให้พร้อม รวมถึงแผนการกางผ้าใบ ก็ต้องทำได้เร็วกว่านี้ อุตส่าห์มีผ้าใบทั้งที แต่ไม่ได้ใช้ จะมีประโยชน์อะไร ซึ่งเรื่องนี้คนดูแลสนาม Golf Course Specialist ก็ออกมาอธิบายแล้ว
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งคือ ผู้จัดปล่อยหมาเข้ามาในสนามได้ยังไง ถ้ามันปล่อยระเบิดกลางสนามบอลนี่ ดูไม่จืดเลยนะครับ ซึ่งก็เกือบแล้ว ถ้าศุภชัย ใจเด็ด ไม่ไล่มันออกไปล่ะก็ ผมว่าไม่เหลือ
แต่เอาล่ะครับ จุดอ่อนใดๆ ก็ให้มันผ่านไป เอาไว้แก้ตัวกันใหม่ ในรอบชิงชนะเลิศครับ ประสบการณ์จากนัดนี้ จะทำให้ผู้จัด จัดการทุกอย่างได้แบบสมูธขึ้นแน่นอน
สำหรับเกมในสนาม แม้จะไม่สนุก จ่ายบอลรวดเร็วโป้งป้าง แต่ก็ถือว่าดูได้อยู่ ได้เห็นแพสชั่น ความตั้งใจจริงของนักเตะแต่ละคน ในการสู้ ตามเงื่อนไขที่ตัวเองมี
- ตำแหน่งแบ็กซ้าย อภิสิทธิ์ โสรฎา ลงครึ่งแรก , ศศลักษณ์ ไหประโคน ลงครึ่งหลัง แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าใครควรเป็นตัวจริงในอนาคต หรือบางทีอาจจะถึงเวลาของเควิน ดีรมรัมย์ เราจะได้รู้กันในฟีฟ่าเดย์รอบหน้า
- โจนาธาร เข็มดี เล่นได้จริงๆ ในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก นี่เป็นชอยส์ที่ทุกคนบอกเขามานานแล้ว แต่อิชิอิ หวาดกลัวเกินไป ไม่กล้าเสี่ยงจะใช้ตอนฟุตบอลโลก โดยเหตุผลคือ "อยากใช้นักเตะชุดเดิมที่เข้าใจกัน" แต่เมื่อทีมชาติตกรอบฟุตบอลโลก มีโอกาสให้อิชิอิ รื้อโครงสร้างทีมชาติใหม่ เขาจึงให้โอกาสโจนาธารในที่สุด
- ประตูที่เสียถามว่าโจนาธารพลาดไหม ก็ใช่ แต่ถ้าดูจากวิถีบอล มันโดนน้ำแล้วแฉลบไปในมุมแปลกกว่าเคย ผมว่าถ้าสนามแห้ง ลูกนี้เขาจะไม่พลาด และฟิลิปปินส์จะไม่ได้ยิง
- คคนะ คำยก (20 ปี) ได้เล่นเกมทีมชาติ เป็นนัดแรก แต่ก็ยังไม่ได้สร้างความประทับใจอะไร เขายืนกลางคู่กับวีระเทพ ป้อมพันธ์ แต่ก็ได้แค่ประคองตัวไปจนจบครึ่งแรกเฉยๆ
- สิ่งที่ผมชอบอิชิอิ คือในครึ่งหลัง เขาลองเปลี่ยนแผนใหม่ ใช้ 4-2-1-3 เอาชนาธิป ถอยไปยืนต่ำเล่นร่วมกับวีระเทพ เอาปรเมศย์ยืนหน้าต่ำ แล้วหน้าสามคน มีศุภณัฏฐ์, ศุภชัย และ เจริญศักดิ์
1
แผนนี้น่าสนใจดี เพราะการให้ชนาธิปอยู่ต่ำ จะได้ไปช่วยออกบอลจากแนวลึกได้ และความสามารถของเจ ไม่ใช่แค่วางบอลอย่างเดียว แต่เขายังทะลุทะลวงเข้าไปในเขตโทษของฟิลิปปินส์ได้ด้วย
- ประตู 1-0 ที่เกิดขึ้น ตอนแรกชนาธิปอยู่ระนาบเดียวกับวีระเทพด้วยซ้ำ แต่วินาทีที่ อ่านเกมแล้วเห็นว่า ฟิลิปปินส์เคลียร์ไม่ขาดแน่ เขาพุ่งทะลวงเข้าไป เก็บบอลได้ ก่อนซัดเสียบเสาสองอย่างสวยงาม ในช็อตที่ยิง ดูรู้เลยว่า เขาไม่อยากยิงเรียดเพราะกลัวติดน้ำ จึงซัดลูกให้โด่งนิดหนึ่ง แล้วก็เข้าประตูไป
- จะดีจะร้าย ชนาธิปคือเพลย์เมกเกอร์ ที่มีประสบการณ์มากที่สุดในทีมชุดนี้ ในวัย 31 ปี เขายังสามารถช่วยทีมได้ ทั้งในเอเชียนคัพรอบคัดเลือกปีหน้า และ ฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกอีก 3 ปีข้างหน้า
- ผมชอบแผน 4-2-1-3 แบบใส่ตัวรุกมาเยอะๆ แบบนี้ คือเราต้องเข้าใจก่อนว่า เป้าหมายของทีมชาติไทยนับจากวันนี้มีแค่ 2 อย่างเท่านั้น คือ ทำอันดับโลก 1 ใน 18 ของเอเชียให้ได้ ก่อนการจับสลากบอลโลกรอบต่อไป (ตอนนี้อยู่อันดับ 15)
และอีกเป้าหมายหนึ่งคือ ผ่านเข้ารอบสุดท้าย เอเชียนคัพให้ได้ โดยไทยจะอยู่ โถ 1 และมีคู่แข่งอีก 3 ทีม (โถ 2 โถ 3 และ โถ 4) โดยทั้ง 4 ทีมนี้ จะเอาทีมเข้ารอบแค่ทีมเดียวเท่านั้น
1
เพราะไทยอยู่โถ 1 แปลว่าเราจะจับสลากเจอทีมที่เป็นรองเราทั้งหมด ดังนั้นเขาอาจจะเน้นเกมรับแล้วรอโต้ ภารกิจของอิชิอิคือ ทำยังไงก็ได้ให้เราเจาะเกมรับของคู่แข่งให้ได้
ที่ผ่านมา ไทยมีปัญหาตลอดเรื่องเกมบุก ในเกมฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก เจอจีนที่เสิ่นหยาง โอกาสนำ 2-0 มีไม่รู้กี่ครั้ง แต่เราก็ทำไม่ได้ รวมถึงเกมเจอสิงคโปร์ที่ราชมังฯ โอกาสยิงเกิน 30 ครั้ง แต่เปลี่ยนได้แค่ 3 ลูก ซึ่งมันไม่พอ
ดังนั้นฟีฟ่าเดย์รอบนี้ ถ้ามีโอกาส เขาก็อยากทดลองอะไรใหม่ๆ เช่น ถ้าใส่ตัวรุกมาเน้นๆ แบบนี้ 4-5 คน จะขึ้นเกมได้ไหม จะเจาะทีมที่เป็นรองกว่าเราได้หรือเปล่า แล้วถ้าจับเอาชนาธิป มายืนต่ำร่วมกับวีระเทพ เกมจะเสียสมดุลหรือเปล่า
- ครึ่งหลัง พอไม่มีฝนตกหนักๆ และสนามอยู่ในสภาวะที่เล่นได้แล้ว เราจึงเห็นเพลย์สวยๆ เกิดขึ้น เช่นจังหวะประตู 2-1 เพื่อนๆ ทั้งปรเมศย์ และ นิโคลัส วิ่งไปช่วยเจริญศักดิ์ จนหาช่องว่างในการครอสบอลได้ ก่อนจะเปิดมาให้แบงค์โหม่งทำประตู
- ถ้าสังเกตดู อาวุธที่ไทยใช้ ไม่เคยมีลูกโหม่งเลย ในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก เรายิงได้จากลูกโหม่งแค่ 1 ลูก (จาก 9 ลูกที่ยิงได้) ในเอเชียนคัพ 0 ลูก (จาก 3 ลูกที่ยิงได้) ดังนั้นถ้าใช้อาวุธโหม่ง สลับกับบอลบนพื้นบ้าง ก็น่าจะทำให้เกมบุกของเรามีมิติมากข้น
- ผมชอบความสัมพันธ์ในสนาม ของ ศุภชัย กับ ศุภณัฏฐ์ ในลูก 2-1 วินาทีที่เจริญศักดิ์จะครอส ศุภชัยพุ่งไปที่เสาแรก ทำให้กองหลังของฟิลิปปินส์วิ่งตามมา จนเปิดช่องให้ศุภณัฏฐ์ได้โหม่งโล่งๆ ก็ถือว่ารู้งานดี รวมถึงลูก 3-1 ก็ชิ่งหนึ่งสองกัน เป็นความเข้าใจกันทันทีว่า อีกฝ่ายจะทำอะไร แล้ววิ่งไปที่จุดนัดพบอย่างแม่นยำ
ศุภชัย ศุภณัฏฐ์ ยืนพื้นตัวจริงแน่นอน รวมถึงสุภโชคอีกคนถ้าหายกลับมาได้ ก็จะเล่นเป็นสามประสานของทีมชาติไทยในเจเนเรชั่นใหม่ โดยมี เจริญศักดิ์, เอกนิษฐ์ และ ปรเมศย์ คอยสอดแทรกตำแหน่ง รวมถึงกลุ่มกองหน้าลูกครึ่ง เช่น แพทริก กุสตาฟส์สัน หรือ จู๊ด เบลล์ ในอนาคต
กลุ่มกองหน้าของไทย ยังดูดี มีความหวัง เหลือแค่ว่าเล่นให้เข้ากันเท่านั้น
- จบเกมไทยชนะ 3-1 ถ้าหากฟิลิปปินส์เหลือ 11 คนเท่ากันอาจจะยากกว่านี้ แต่พอ 11 v 10 เราก็เล่นสบายและปิดจ๊อบไปแบบไม่มีปัญหา ไปเจอกับซีเรียต่อไปในรอบชิงชนะเลิศของคิงส์คัพ
บทสรุปในเกมฟีฟ่าเดย์นัดแรก ต้องบอกว่า วัดอะไรไม่ได้เท่าไหร่ เพราะสนามมีน้ำขังเจิ่งนอง ทำอะไรก็ยากไปหมด
ในแมตช์สำคัญอื่นๆ ในอนาคต ก็คงไม่ได้เล่นในสภาพสนามแบบนี้อยู่แล้ว คงไม่ได้เจอสภาพน้ำขังแบบนี้กันบ่อยๆ
แต่ก็ดีใจครับ ที่เห็นนักเตะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแล้วทำให้ทีมชนะได้ สุดท้ายเก็บชัยไว้ก่อน เอาคะแนนฟีฟ่าแรงกิ้งมาสะสมไว้ ก็เป็นเรื่องสำคัญที่สุด
14 ตุลาคม ไทยจะเจอกับซีเรีย ในเกมที่ยากขึ้นอีก กับทีมที่มีแรงกิ้งเหนือกว่าเรา ถ้าชนะเราก็ได้กำไรเต็มๆ
นอกจากนั้น เราไม่ได้แชมป์คิงส์คัพมาแล้ว 4 ครั้งติดต่อกัน ก็เป็นโอกาสดี ที่เราจะปลดล็อกได้ในคราวนี้เลย ก็ลุ้นเนอะ ว่าจะทำได้ไหม
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือดูจากพยากรณ์อากาศแล้ว "ฝน" มาแน่นอน แม้จะไม่แรงเท่านัดแรก แต่รายงานบอกว่าตกชัวร์ ก็หวังว่าทีมงานจะเตรียมพร้อมตั้งแต่วันนี้ และมีแผนรองรับทำให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้นยิ่งกว่านัดแรกนะครับ
โฆษณา