-ถึงแม้ ปัน-สรณวรรธ พิชัยรณรงค์สงคราม เป็นศิลปิน Gen Z ที่เกิดมาในยุค TikTok เข้ามามีอิทธิพลในการเสพคอนเทนท์แบบซอยย่อย เน้นสั้นกระชับฉับไว แต่เดบิวต์อัลบั้มแรกของหนุ่มปัน เป็นความแปลกที่ปันแทบไม่ได้มีแนวคิดแบบ TikToker เข้ามาครอบเลย เมื่อได้ฟังอัลบั้มนี้ ผมรู้สึกเวลาผ่านไปค่อนข้างช้ากว่าอัลบั้มของศิลปิน Gen Z คนอื่นๆ ยังดีที่อย่างน้อยปันยังหันมาให้ความสำคัญในการให้เวลากับไดอารี่ชีวิตรัก puppy love ของตัวเองที่ค่อยๆเรียนรู้ ตกผลึกจนมุมความรักเริ่มกระจ่างสู่โลกแห่งความเป็นจริงยิ่งขึ้น
-ดูจากปรากฏการณ์เพลง DAY ONE ก็อดแปลกใจไม่ได้ถึงความปังของเพลงนี้ (ไม่ได้แปลกใจในเชิงสบประมาทหรือด้อยค่า overrated แต่อย่างใด) สิ่งที่ผมประหลาดใจคือ เพลงช้าๆหวานๆความยาว 4 นาทีกว่าแบบนี้ ถ้าไม่ใช่ศิลปินเบอร์ใหญ่ถือว่าฮิตได้ยากมากๆในยุค TikTok และ Streaming คุณผู้อ่านก็รู้ว่าผู้ฟังเพลงต่อให้ไม่ใช่ Gen Z ก็เถอะ เริ่มสมาธิสั้นลงไปทุกที อะไรที่ยาวเกินกว่า 3 นาทีมีสิทธิ์ถูกกด skip ได้ทุกเมื่อ ผลลัพธ์ปลายทางของ DAY ONE กลับประสบความสำเร็จมากที่สุดเพลงนึงในปีนี้แสดงว่าต้องมีซัมติง
-เด็กหนุ่มวัย 21 คนนี้ก็มีซัมติงจริงๆครับ ผมจำได้ว่าก่อนที่จะเจอเพลง DAY ONE ก็ต้องย้อนไทม์ไลน์ซักนิด ผมได้ถูกเชิญไปในงานเปิดตัวซิงเกิ้ลแรก Therapist ด้วย ซึ่งตอนนั้นก็ยอมรับว่า โรแมนติกดี แต่ก็ยังไม่เห็นอะไรมากเท่าที่ควร
-จนกระทั่งแอพเขียวได้สุ่มเพลง #เค้าว่า ผมกลับรู้สึกคลิ๊กในความ charming บางอย่างของเด็กคนนี้ นั่นทำให้ผมลิสท์เพลงนี้ไว้ใน Top Thai Song เมื่อปีที่แล้วด้วย อีกทั้งก็ยังมีเพลง Goodbye ที่แบบว่า เห้ย!!! ไอ้เด็กคนนี้มันมีมุมมองที่โคตรโตจังวะ แล้วก็วกมาที่ DAY ONE ที่เค้าฮิตเป็นเรื่องเป็นราวเนี่ยแหละครับ
-ถึงแม้ว่าผมไม่เคยติดตามน้องเป็นเรื่องเป็นราวเลยตั้งแต่สมัย YARB Crew รู้จักแค่เพลง Kryptonite และการได้ไปแจมกับพี่ๆวง Musketeers ในเพลง Romantic การปูทางเดบิวต์ด้วย 4 ซิงเกิ้ลที่ปล่อยมาทำให้ผมค่อนข้างคาดหวังในผลงานเต็มของหนุ่มตี๋คนนี้พอสมควร ซึ่งเดบิวท์อัลบั้มก็สามารถฉายแวว hitmaker ได้อย่างแหล่มชัดสมกับที่ได้ไปอยู่ค่ายลูกโลกการดนตรีสาขาประเทศไทย และที่สำคัญยังเป็นศิลปิน Gen Z ที่ยังคงชัดถ้อยชัดคำโดยที่ไม่ใส่ศัพท์แสงสแลงใดๆ แทบจะไม่มีอะไรซับซ้อนเลยครับ
-เค้าเลือกแทร็คเปิดอัลบั้มได้ดีเหมือนกันนะ I Just Wanna Know ฟังครั้งแรกแล้วยิ้มเลย ประหนึ่งอัลบั้มแรกของปันมันต้องติดหูอย่างมีเซนส์แน่ๆ และเป็นการเปิดท้องเรื่องด้วยความรู้สึกไม่แน่ใจว่า นี่คือความรักที่แท้จริงหรือเป็นแค่เรื่องโกหก แต่อย่างน้อยก็มีพลังบวกในการใช้ช่วงเวลาดีๆด้วยกันครั้งนึง
-BF ถ่ายทอดความรู้สึก “เส้นกั้นบางๆ” ต่อเนื่องด้วยการอยากก้าวข้ามความเป็น Best Friend สู่ Boy Friend ใจจะขาด ซึ่งเพลงนี้ก็มีสูตร T-Pop กลิ่นอายตามแขกรับเชิญรุ่นพี่ URBOYTJ เป็นการสอดแทรกส่วนผสมทางอิทธิพลลงในอัลบั้มนี้ให้คนฟังได้มีรสชาติอันแสนคุ้นเคย ซึ่งเพลงต่อมา Lonely In The City สอดแทรกความแปลกใหม่ด้วยรสชาติ House Electronic แต่ไม่จัดจ้านมากนัก เป็นการหยั่งเชิงที่ทำให้เรื่องราวความรักปนความเหงายังคงต่อเนื่องไปได้ไม่มีสะดุด
-After the party’s over เริ่มเข้าสู่ความอึมครึมแห่งความเหงาและโศกเศร้าราวกับว่า “งานเลี้ยงเลิกรา” คนที่ผ่านมาก็แค่ผ่านไปจริงๆ ลบล้างภาพจำปาร์ตี้งานพรอมเลี้ยงส่งรุ่นที่มีแต่ความซาบซึ้ง เฉลิมฉลองสนุกสนาน แต่สำหรับเพลงนี้กลับมอบความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวแทนที่ แถมยังต้องกอดขวดเหล้าสองกลมเป็นการลืมความเศร้าเลยทีเดียว
-ปิดท้ายด้วย Goodbye เพลงที่ถูกตัดเป็นซิงเกิ้ลให้ทำหน้าที่เป็นการปิดอัลบั้มแบบ Sad Ending ในเชิงหักหาญน้ำใจกันไปเลยครับ มันไม่ใช่การร่ำลาในเชิงอวยพร แต่เป็นการร่ำลาในเชิงผลักไสเสียมากกว่า
ที่ผมบอกว่า DAY ONE คือต้นทางความรักที่ดูท่าจะหอมหวาน มองอะไรก็ดูดีไปหมดใช่มั้ยล่ะครับ พอมาเรียงความมาถึงเพลงนี้เป็นปลายทางที่พี่ปันของเรากะเอาให้ฝันสลาย ซึ่งมันก็มีความขั้วตรงข้าม DAY ONE อยู่เหมือนกัน ไม่แน่ใจว่าจงใจหรือไม่ แต่ก็น่าจะรีเลทกับประสบการณ์ความรักในวัยเยาว์สุดไร้เดียงสาของใครหลายคนที่สุดท้ายแล้วไม่ได้เป็นดั่งฝัน เจ็บปวดเพื่อที่จะไม่โกหกความรู้สึกตัวเองอีกต่อไป