วิธีพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์ง่าย ๆ แก้ปัญหาแบตหมดด้วยตัวเอง!
เคยเจอปัญหาสตาร์ทรถไม่ติดเพราะแบตเตอรี่หมดกันบ้างไหมครับ? ไม่ต้องห่วง ถ้าคุณมีสายพ่วงแบตเตอรี่และรถผู้ช่วยใกล้ตัวอยู่ เรามาพ่วงแบตกันเลยดีกว่า ง่ายกว่าที่คิด แถมไม่ต้องเสียเงินเรียกช่างด้วยครับ!
อุปกรณ์ที่ต้องใช้:
• สายพ่วงแบตเตอรี่ดี ๆ สักเส้น
• รถที่แบตไม่หมด ใช่ครับ! เรียกรถผู้ช่วยมาจอดข้าง ๆ กันได้เลย
ขั้นตอนง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้:
1. จอดรถทั้งสองคัน
ก่อนอื่นเลย จอดรถทั้งสองคันให้ใกล้กันพอที่จะต่อสายพ่วงถึง แต่ไม่ต้องให้รถชนกันนะครับ จากนั้นดึงเบรกมือและดับเครื่องยนต์ทั้งสองคันเพื่อความปลอดภัย
2. เช็คแบตให้แน่ใจ
อย่าลืมตรวจดูว่าแรงดันไฟฟ้าของแบตเตอรี่ทั้งสองคันเท่ากัน เช่น รถส่วนใหญ่ก็จะใช้แบตเตอรี่ขนาด 12 โวลต์กันครับ
3. พ่วงแบตแบบถูกวิธี
นี่คือวิธีง่าย ๆ ครับ
• หยิบสายพ่วง สีแดง (ขั้วบวก) ต่อเข้ากับขั้วบวกของแบตเตอรี่รถที่แบตหมดก่อน (รถ A)
• ต่อสายสีแดงอีกด้านเข้ากับขั้วบวกของแบตรถผู้ช่วย (รถ B)
• จากนั้นหยิบสาย สีดำ (ขั้วลบ) ต่อเข้ากับขั้วลบของรถผู้ช่วยก่อน แล้วนำสายอีกด้านไปต่อกับ ตัวถังโลหะของรถ A ห่างจากแบตพอสมควรเพื่อเลี่ยงประกายไฟ
4. สตาร์ทรถ
• ให้สตาร์ทรถผู้ช่วย (รถ B) ทิ้งไว้สัก 2-3 นาที เพื่อชาร์จไฟเข้าไปที่รถของเราครับ
• จากนั้น ลองสตาร์ทรถที่แบตหมด (รถ A) ถ้าติด ก็แปลว่าโอเคแล้ว ทิ้งเครื่องยนต์เดินไปอีกสัก 5-10 นาทีให้แบตมีไฟพอ
5. ถอดสายพ่วง
จำไว้ว่าถอดสายพ่วง ขั้วลบ (สีดำ) ออกก่อนนะครับ จากนั้นค่อยถอดสายขั้วบวก (สีแดง) ตามลำดับ ทั้งหมดต้องถอดออกอย่างระวัง
6. ขับรถต่อไปเพื่อชาร์จแบต
หลังจากพ่วงแบตเรียบร้อย อย่าเพิ่งดับเครื่องทันทีนะครับ ขับต่อไปอีกประมาณ 20-30 นาทีเพื่อให้แบตเตอรี่ได้ชาร์จไฟจนเต็ม
ข้อควรระวัง
• ระวังเรื่องแบตเตอรี่แรงดันไฟฟ้าแตกต่างกัน เช่น รถไฮบริดไม่ควรพ่วงกับรถยนต์ปกติครับ
• สายพ่วงควรอยู่ในสภาพดี ไม่เก่า หรือขาด เพราะอาจทำให้เกิดประกายไฟได้
ง่ายใช่ไหมครับ? ลองทำเองได้เลย คราวหน้าไม่ต้องรอช่างแล้ว ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายครับ 😊
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
