13 ต.ค. เวลา 02:46 • หนังสือ

เหล่าจื้อสอนว่า

ละปรีชาทิ้งปัญญา
ชาวประชาได้ประโยชน์นับร้อยเท่า
จะได้ประโยชน์ได้อย่างไร ???
นั่นก็เพราะความปรีชาเหมือนดั่งหอก ภูมิปัญญาเหมือนดั่งดาบ ธรรมชาติของหอกดาบนั้นเข้าฟาดฟันทุกสิ่ง ครั้นคมหอกดาบออกจากฝัก มีหรือจะยอมเข้าฝักโดยง่าย
ผู้คนเรียนรู้ใช้ประโยชน์จากหอกดาบในเวลาเพียงชั่วครู่ หากแต่ต้องเรียนรู้การเก็บคมหอกดาบเข้าฝักเป็นเวลาอันยาวนาน ยิ่งเป็นคมหอกดาบของจิตใจด้วยแล้ว อาจจะต้องใช้เวลาตราบชั่วกาลนาน
ครั้นใครคนหนึ่งมีคมศาสตรา มีหรือที่ใครคนอื่นจะยอมน้อยหน้า คนนั้นมีคมศาสตราอันวาววับ อีกคนย่อมต้องมีคมศาสตราที่วับวาว สองคมเข้าฟาดฟัน เพื่อชิงความเป็นเลิศในปฐพี
การช่วงชิงไม่เคยหยุดนิ่ง ตราบพันปีล่วงมา ยังหาใครที่จะยืนเป็นหนึ่งได้เลย
จะชิงกันไปไยกับความเป็นหนึ่ง มาชิงความเป็นรองดีกว่าไหม
คุณคือดวงตะวันสาดแสงแรงกล้า ฉันขอเป็นสายน้ำไหลเย็นอยู่ใต้นภา
คุณสูงสง่าบนยอดเมฆา ฉันขอเป็นปฐพีที่สงบนิ่ง ไร้วาจา
คุณเจิดจรัสเป็นที่โจษขาน ฉันขออนุโมทนาเกษมปรีดา
คุณเกี้ยวกราดโมโหโกรธา ฉันขอน้อมใจรับทุกคำด่าว่า มิโกรธา ไม่ถือสา และปล่อยให้ไหลผ่านไปตามสายลม
สังคมจะอยู่ได้อย่างไร หากผู้คนยังคงเจ้าเล่ห์ใส่หน้ากาก ใช้คมหอกดาบฟาดฟันทิ่มแทงไม่หยุดนิ่ง สุดท้ายต่างผูกใจเจ็บจนไม่อยากพบหน้า ใบหน้ามีแต่รอยบูดบึ้ง ไร้รอยยิ้มพิมพ์ใจอีกต่อไป
จะดีกว่าไหม หากเราต่างเลิกราการฟาดฟันให้บาดเจ็บ ทิ่มแทงให้บอบช้ำ เก็บคมปัญญาเข้าในฝัก แล้วหันมาเปิดเผยใจจริง พูดจาอ่อนหวาน อ่อนน้อมสุภาพ มีน้ำจิตมิตรไมตรี เอื้อเฟื้อแบ่งปัน
ให้เราทุกคนต่างหลับสบายในความฝัน และตื่นเช้ารับอรุณในวันใหม่ ที่แวดล้อมด้วยผู้คนที่มีแต่น้ำใจไมตรีให้กันตลอดไป
โฆษณา