13 ต.ค. เวลา 12:29 • ปรัชญา
สิ่งต่างๆไหลมาแต่เหตุ เหตุที่สะอาดสะอ้านบุญกุศลบารมี มาเป็นอเนกชาติก็มาถึงกาลเวลา ที่จะมีอองพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จุติลงมา เกิด ..เกิดในเวียงวัง ในสิ่งที่ห้อมล้อม เอื้อให้เกิดความเบื่อหน่าย ..เมื่อถึงคราวพระพุทธเจ้า จะลงมาจุติ หูทิพย์ตาทิพย์ดุสิต ดาวดีงส์ ก็ติดตาม พระอเสขะ ก็มีติดตามมา มารับแสงพระอาทิตย์ ..เพื่อจะไปคลี่คลายกรรม ของจิต .ที่ต้องชำระสะสางให้หมดสิ้น หมดสิ้นบัญชีกรรม ที่ติดค้างกับธาตุทั้งสี่ดนฟ้าอากาศ
..แล้วจิตดวงไหน ที่พอมีนิสัยสร้างบุญกุศลบารมีได้ ท่านก็บอกกล่าวชี้ทางเดินให้จิตเบาบางจากทุกข์ จนถึงหลุดพ้น ที่ต้องใช้ความเข้มแข็งขันติบารมี มากระทำ ก็มีเพียงจิตที่ท่านสะสมบุญกุศลบารมี มากระทำด้วยความขันติอดทน จนบรรลุ สำเร็จจิตหลุดพ้น ส่วนผู้ที่ยังไม่หลุดพ้น ก็สะสมบุญกุศลบารมีไป ขอให้กายบิดามารดาเป็นมนุษย์ไปทุกชาติ ให้รู้จักกรรม รู้จักธรรม เพื่อบุญกุศลบารมี มีปัญญาธรรม สร้างกุศลบารมีหลีกหนีเวรกรรม มืใช่ว่าจิตทุกดวงจะสามารถสร้างบุญกุศล ไปฟังธรรม ต่อเบื้องพระพักตร์ได้
ในการฟังธรรม เราไม่สงสัยหรือว่า พระอรหันต์ทำไม มาประชุมพร้อมกันได้ ทั้งที่ท่านก็ไปอยู่ต่างที่ต่างถิ่น ..นั้นจึงเป็นเรื่องของสิ่งที่ว่า จิตขอบพระอรหันต์ ท่านก็มีดินน้ำลมไฟ พระพระพุทธเจ้าท่านก็มีธาตุดินน้ำลมไฟ เมื่อจูนมาอยู่ในคลื่นกระแสเดียวกัน ท่านก็สามารถรับรู้ได้ ว่าพระพุทธเจ้าท่านพูดว่าอะไร อยู่ที่ตรงไหนก็ได้ยิน..แล้วเรื่องของพระอรหันต์ ท่านก็หลุดพ้นไปจาก กฏกติกาของดินฟ้าอากาศ ท่านไปที่ไหน ก็ไม่มีอะไรขัดขวางท่านได้..มันจึงเป็นเรื่องราว ที่ยากจะไปรู้จักเรื่องราวเหล่านี้ได้
พระอรหันต์ ทุกพระองค์ท่านก็สอนให้สร้างบุญกุศลบารมี หนีเวรกรรม ให้รู้จักว่า ทานนั้นเป็นอย่างไร บุญนั้น จะเกิดขึ้นมาได้ ต้องประกอบด้วยอะไร คราวนี้ เมื่อคนเรายังไม่สามารถเห็นรู้จักรับรู้ ตำว่าบุญกุศลบารมี ท่านก็แนะนำสอนอุบาสกอุบสิกา ที่จิตนั้นมีนิสัย นอบน้อมที่ฟังธรรม ฟังแล้วก็ไปใคร่ครวญ
ฟังธรรมอล้ว ก็ปฏิบัติขึ้นมา สิ่งนั่นก็จะเกิดการเรียนรู้จักกรรม รู้จักบุญ รู้จักธรรม ก็จะเห็นคุณประโยชน์ ของคำว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เกิดขึ้น นั่นเป็นจิตในสมัยต้นพุทธกาล มีนิสัยสะสมบุญกุศลบารมีมาอต่อดีต ก็มาต่อ ..เรียนรู้จักจักให้เกิดมีปัญญาธรรมของจิต ที่จะทำให้การเกิดน้อยลงไป ..ไปพักจิตที่ดุสิตดาวดึงส์ พอถึงยุคพระศรีอริยเมตตา มาจุติ..ก็ติดตามมาเหมือนดวงอาทิตย์ดวงใหม่อุบัติขึ้นในโลก
ศาสนาของพระศรี ..ก็มีแต่จิตที่มีความเมตตา เห็นอกเห็นใจกัน เกื้อกูลกันลงมาเกิด จะทำเผลอไปทำชั่ว ก็มีเสียงของธรรมคอยๆตักเตือนไปทั่ว ก็ทำให้จิตนั้นไม่ไปสร้างกรรม แล้วก็สามารถ ใช้กายไปสร้างบุญกุศล เข้าไปถึงธรรมได้ง่ายขึ้น
..พระท่านก็มักพูดว่า ให่เกิดไปให้ทันยุคพระศรี หากเกิดไม่ทัน ..ก็ต้องเดินทางไปเป็นกฏเป็นกัปป ไปเกิดที่นั่นที่นี่ ไม่รู้จัดกรรม ไม่รักจักทุกข์ของจิตได้เลย หากว่ายังเกิดไม่ทันยุคพระศรี .จิตไม่มีแสงสีรัตนะเข้าไปในจิตได้ ก็ต้องไปรอพระอาทิตย์ดวงใหม่ ต่อจ่กพระศรีอะริยะเมตตไตรย ก็ต้องทุกข์ เกิดๆตายๆ ..เกิดๆตายมันสนุกมั้ย
เราคงไม่ไปตอบเรื่องสังคม เราตอบในเรื่องจิตที่สะสมบุญกุศลบารมี ที่มาฟังธรรม.สร้างบุญกุศลบารมี ที่ดินฟ้าอากาศ เหมือนนำมาให้พบเจอ..ไม่มีบุญวาสนาก็ไม่ได้พบ หรือพบแล้ว ก็ไม่รู้จัก ..เหมือนเทวทัต.. อยู่ใกล้ ก็เหมือนอยู่ไกล ด้วยกรรมนั้นปกปิด ไม่ให้รู้จัก มีแต่จะคิดทำลาย ติดจะครองศาสนา ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ..
แม้แต่ในสมัยนี้ เค้าก็มีการคัดกรอง ..ร่อนกรองแล้วร่อนกรองอีก ..จิตที่จะไปเกิดในยุคต้นพระศรีอะริยะเมตไตรย ..
โฆษณา