13 ต.ค. เวลา 14:28 • ความคิดเห็น

MLM และความน่าจะเป็นที่มันจะสร้างอิสรภาพทางการเงิน

ช่วงนี้หน้าฟีดของผมเต็มไปด้วยข่าวเรื่อง MLM เจ้าหนึ่งที่มีผู้เสียหายมากมายจนรายการดังต้องเชิญผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุย
2
MLM ย่อมาจาก Multi Level Marketing ที่เป็นการขายแบบมีแม่ข่ายที่หาลูกข่ายหรือ downline มาช่วยขายสินค้า ทำให้บริษัทลดค่าโฆษณาเพราะมีเอเจ้นท์นับพันนับหมื่นช่วยหาลูกค้าให้ โดยหวังว่าตัวเองจะสร้างทีมงานได้มากพอที่จะมี passive income และมีอิสรภาพทางการเงิน
2
ผมเองเคยถูกชวนให้ไปทำ MLM แล้วไม่น้อยกว่า 5 ครั้ง มีสมัครไปครั้งเดียวแต่ก็ไม่ได้เจ็บตัวอะไรมาก เสียเงินไปหลักพันเท่านั้น ต่างจากผู้เสียหายที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้ที่หมดเงินกันไปเป็นหลักแสน
2
ช่วงนี้ข่าวเน้นไปที่ตัวละครสำคัญที่มีคนรู้จัก ผมเลยอยากจะชวนดูภาพใหญ่กว่านั้น
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมเคยคุยละเอียดกับอาจารย์ระดับด็อกเตอร์ท่านหนึ่งที่มาชวนผมเป็นดาวน์ไลน์ของ MLM เจ้าหนึ่ง
อาจารย์บอกว่าเพียงผมหาดาวน์ไลน์ให้ได้เดือนละ 1 คน พอครบ 5 เดือนผมก็จะหาดาวน์ไลน์ได้ 5 คน และแต่ละคนก็ไปหาดาวน์ไลน์ 5 คนไปเรื่อยๆ
ทุกคนที่เป็นสมาชิกต้องจ่ายเดือนละ 5,000 บาทในการซื้อของเพื่อรักษาสถานภาพการเป็นสมาชิกนั้น และผมมีโอกาสได้ส่วนแบ่ง 5% จากยอดขายของทุกคนใน “พีระมิด” ของผมถึง 5 ชั้น
1
ชั้นแรกมี 5 คน
ชั้นสองมี 5^2 = 25 คน
ชั้นสามมี 5^3 = 125 คน
ชั้นสี่มี 5^4 = 625 คน
ชั้นห้ามี 5^5 = 3125 คน
1
ถ้าผมสร้างพีระมิดของผมครบจริงๆ ผมจะมีคนอยู่ในทีมถึง 5+25+125+625+3125 = 3,905 คน
สมมติว่าทุกคนซื้อของขั้นต่ำเดือนละ 5000 บาท ผมก็จะได้ส่วนแบ่ง 5% = 250 บาทต่อคนต่อเดือน
1
250 บาท * 3905 คน = 976,250 บาท
3
ถ้ามี passive income เดือนละเกือบล้าน ก็คงไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว!
แต่เราอาจจะมักน้อย ไม่ต้องสร้างพีระมิด 5 ชั้นก็ได้ สร้างแค่ 4 ชั้นก็พอ ก็จะมีทีมงาน 5+25+125+625 = 780 คน เมื่อคูณค่าส่วนแบ่งคนละ 250 บาทก็ได้จะได้เงิน 195,000 ซึ่งเป็นเลขที่ทำให้เราฝันหวานได้อยู่เหมือนกัน
4
แต่ถ้าสร้างพีระมิดแค่ 3 ชั้น จะได้เงินส่วนแบ่ง 38,750 ไม่ขี้เหร่ แต่ก็ไม่น่าจะเรียกว่ามีอิสรภาพทางการเงินได้
3
คำถามก็คือ ในประเทศไทย คนที่มีรายได้พอที่จะจ่ายตังค์เดือนละ 5000 บาทเพื่อรักษายอดนั้นมีกี่คน?
ประเทศไทยมีประชากร 72 ล้านคน อยู่ในวัยทำงาน (23-60 ปี) ไม่เกิน 35 ล้านคน และมีคนจ่ายภาษีเพียง 4 ล้านคนเท่านั้น แถมประมาณครึ่งนึงของ 4 ล้านคนนี้ มีเงินเดือนไม่ถึง 25,000 บาท ซึ่งน่าจะไม่ได้มีรายได้เพียงพอที่จะลงทุนซื้อของมาสต็อค หรือซื้อของทุกเดือนเพื่อรักษาความเป็นสมาชิก
3
คนที่มีเงินเดือน 25,000 บาทขึ้นไป จึงมีเพียงประมาณ 2 ล้านคน และคงมีไม่เกิน 1 ใน 10 ที่สนใจทำ MLM ดังนั้นจึงมีคน 200,000 คนที่พร้อมเข้ามาในธุรกิจนี้และมีกำลังทรัพย์เพียงพอ
3
MLM ในตลาดเมืองไทย เอาเฉพาะแค่เจ้าใหญ่ๆ ที่เรารู้จักชื่อก็มีไม่น้อยกว่า 10 เจ้าแล้ว 200,000 คนก็ต้องแบ่งคนกันไปทำ
1
สมมติว่า MLM เจ้าที่มีคนมาชวนผมมีคนลงมาทำประมาณ 10% หรือ 20,000 คน
แต่ละพีระมิดจะมี 6 ชั้น 1-5-25-125-625-3125 = 3906 คน
ใน 20,000 จะสามารถสร้าง “พีระมิดสมบูรณ์” ได้ไม่เกิน 20,000/3,906 หรือประมาณ 5 พีระมิด (ซึ่งแน่นอนว่าในความจริงแล้วจะมีพีระมิดเกิดขึ้นมากกว่านั้นทับซ้อนกันหลายอัน บางอันอาจจะมีแค่ 2 ชั้น และบางอันอาจจะมีเกิน 5 ชั้นก็ได้)
ยอดพีระมิด ได้เงินเดือนละ 976,250 จะมี 5 คน (1 คน * 5 พีระมิด)
ชั้นที่ห้า ได้เงินเดือนละ 195,000 จะมี 25 คน (5 คน * 5 พีระมิด)
ชั้นที่สี่ ได้เงินเดือนละ 38,750 จะมี 125 คน
1
ชั้นที่สาม ได้เงินเดือนละ 7,500 บาท มี 625 คน
ชั้นที่สอง ได้เงินเดือนละ 1,250 บาท มี 3125 คน
ฐานพีระมิด ไม่ได้เงินเลย มี 15,625 คน
คนที่ลงเล่นเกมนี้มี 5+25+125+625+3125+15625 = 19,530 คน
คนที่ “สมหวัง” มีอิสรภาพทางการเงินหรือรายได้เกินเดือนละ 200,000 คือยอดพีระมิด 5 คน และชั้นที่ห้าอีก 25 คน รวมแล้ว 30 คน
30/19530 คิดเป็น 0.15% หรือ 15 คนใน 10,000 คน นี่คือโอกาสที่ผมจะมีอิสรภาพทางการเงินกับ MLM เจ้านี้
2
ส่วนอีก 19,500 คน คิดเป็น 99.85% คือคนที่ต้องผิดหวังต่อไป โดยจะมีประมาณร้อยกว่าคนที่ได้เงินเดือนละเกือบสี่หมื่น ส่วนที่เหลือได้เงินแค่หลักพัน
1
ต่อให้ MLM เจ้านี้กินตลาดส่วนแบ่งเพิ่มจาก 10% เป็น 30% แต่โอกาสของคนที่จะมี financial freedom ก็ยังเท่าเดิมอยู่ดี เพราะการคิดค่า commission ก็ยัง 5% ใน 5 ชั้นเหมือนเดิม เพียงแต่เราอาจมีโอกาสได้ไปอยู่บนชั้นบนๆ ของพีระมิดมากขึ้น
2
คำถามเดียวที่จะทำให้เกมนี้เปลี่ยนได้ ก็คือ “นอกจากลูกข่ายแล้ว ยังมีใครเป็นลูกค้าของ MLM เจ้านี้อีกบ้าง?”
2
เพราะถ้ามีแต่คนข้างในซื้อกันเอง แต่ไม่มีการใช้สินค้านั้นจริง สิ่งที่จะเกิดก็คือฐานพีระมิดจะอยู่ไม่ได้ และผลัดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งก็จะไม่มีใครพร้อมเข้ามาเป็นฐานพีระมิดอีกต่อไป
1
แต่ถ้า MLM เจ้านั้นมีฐานลูกค้าอยู่จริงๆ (organic customers) ซื้อสินค้าเพราะจะใช้สอย ไม่ได้ซื้อเพื่อรักษายอดหรือหวังสร้างความร่ำรวย ก็แปลว่าตัวแทนขายน่าจะยังยึดเป็นสัมมาชีพโดยไม่จำเป็นต้องมุ่งสร้างพีระมิดแต่เพียงอย่างเดียว เพราะรายได้สามารถเติบโตจากการขยายฐานลูกค้าที่มีอยู่จริง ไม่ใช่ด้วยการไปหาดาวน์ไลน์มาเติมอยู่ตลอดเวลา
1
ดังนั้น ถ้าใครมาชวนเราทำ MLM ก็ลองดูให้ดีว่าสินค้านั้นมีคนใช้งานจริงหรือไม่ มีใครรู้จักหรือเปล่า ลองเอาชื่อสินค้าไปเสิร์ชในแอปที่เราใช้ซื้อของเป็นประจำก็น่าจะพอได้เค้าลาง
3
หากเจอ MLM เจ้าไหนที่เน้นแต่การสร้างดาวน์ไลน์และสร้างความหวังว่าวันหนึ่งเราจะรวย ก็จงตั้งสติให้มั่น
1
ไม่อย่างนั้นเราจะตกเป็นเหยื่อของกิเลสเราเองครับ
3
โฆษณา