13 ต.ค. เวลา 16:41 • ความคิดเห็น
เรื่องกรรม กรรมที่เรายังใช้ชีวิต พอเดินไปเดินมาได้ ในเรื่องราวที่ว่า เราสร้างสะสมบุญกุศลปฏิบัติธรรมมาเรื่อย พอถึงคราวถึงเวลา มันก็มีการเจ็บปวด เจ็บป่วยเกิดขึ้น เราไปส่องกล้อง ทางเดินปัสสาวะ เรื่องราวที่ปัสสวะเป็นเลือด มีเลือดออกเป็นลิ้มๆ เป็นชิ้นขาวๆก็มี .เราก็ทำบุญของเรามาเรื่อย เดินจงกรม ใช้หนี้เค้าไป หมอบอกว่า เป็นมะเร็ง ..เราก็ไม่ไปหาหมอ อะไรอีก การตรวจสุขภาพ ก็งดไปเลย ไม่อยากให้ เค้าบอกว่าไปหาหมอด่วน ..
เมื่อถึงคราวเจ็บป่วย รู้ว่า เจ็บป่วยเพราะเรามีกรรม กรรมที่สะสมมากับธาตุทั้งสี่ เราก็ไม่บ่นไม่แพร่งพรายอะไรให้คนใกล้ชิด เค้าต้องเป็นห่วง ..แล้วก็ว่า ต้องไปให้หมอรักษา ก็เีาฝึกหัด ปฏิบัติธรรมมาหลายปี ถึงเวลา เค้ามาทวง เราก็เอาบุญกุศลมาช่วย เรื่องการปฏิบัติธรรม เดินจงกรม หนีเวรกรรม ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็นำกายพ่อแม่ที่ให้เรามาอาศัย เอามาเดินในรอยของผู้ที่มีกายเป็นบุญ ไม่ต้องคิดนึกอะไร มีแต่ว่าพุทโธ อารมณ์มันกวนมาด ก็พูดคำว่าพุทโธให้หูเราได้ยิน เราทำตั้งแต่ครั้งถูกงูฉก
พอเค้าว่าเป็นมะเร็ง เรื่องของการเจ็บป่วย เรานึกถึงพระ ที่ว่า กายพอแม่นั้นสอน เราก็นำมาปฏิบัติขึ้น ก็มีเรื่องราวเจ้ากรรมนายเวรมาปรากฏ เดินเข้ามาหา มาเบียดเบียน เห็นด้วยตาเปล่า ส่วนมากก็เป็นเรื่องราวฆ่าฟันกัน แทงกันให้เรารู้สึกได้ ครั้งหนึ่ง ก็ปรากฏเป็นภาพมือ ถือมีดสั้น ..แทงที่ท้องเป็นรูโบ๋ แล้วก็มีความรู้สึกที่ท้องเป็นรู เดือนนั้นทั้งเดือน ปัสสาวะเป็นเลือดตลอด
เรื่องราวของกรรม มันก็คือทุกข์ที่เราทำเอง เวลาเราไปทำเค้า ตาเราก็เห็น หูเราก็ได้ยิน บันทึกภาพบันเสียง ที่เราทำไปไว้กับธาตุทั้งสี่ กรรมที่เราก็ไม่รู้ว่าชาติไหน ไปทำอะไรไว้ ธาตุทั้งสี่ก็แสดงออกมา ให้ดูเป็นตัวอย่าง นั่นเป็นเรื่องของการเรียนรู้ ในคำว่า กรรมที่อยู่กับธาตทั้งสี่ที่บันทึก
บางที่เดินๆจงกรม ไปอารมณ์มันกวนมาก พระท่านก็บอกว่า ทำกายนิ่ง จิตเฉยพูดคำว่า พุทโธ พอพูดออกไป เสียงกายเป็นช้าง เป็นเสือ ..เอ้า ..นั่นก็เลยทำให้พอรู้จักได้ ว่า เคยไปเกิดเป็นอะไรมาบ้าง แล้วไปเกิดอย่างนั่น มันก็ต้องไปทำร้ายทำลายผู้ื่อื่น เอาน้ำเลือดน้ำหนองเค้ามากิน กินในขณะที่เค้าก็ดิ้นทุรนทุราย กินกันสดๆ
เรื่องของปฏิบัติธรรม มันก็สนุกสนาน ..แต่เป็นการสนุกสนาน เฉพาะตัว ..เรื่องนี้ พระท่านเตือนว่า อย่าพูดไปเชียว คนเค้าว่าบ้า .. นั้นจึงเป็นเรื่องราวที่ว่า มันรู้ได้เฉพาะตน ที่ประพฤติปฏิบัติธรรมขึ้นมา บางครั้ง มันก็เป็นกรรมที่เกิดขึ้นให้เราทุกข์ยาวนาน เพราะบางที่เราก็ไปทำเค้าเดือดร้อนไปทั้งชีวิต พิกลพิการไป บ้างก็ไปทำเค้าตาย ทำเค้าตายมากมาย ..นึกว่าเป็นฮีโร่ ฮีโร่..สร้างกรรม มันก็ต้องรับกรรมไป
เรื่องราวของคพว่ากรรม เคราะห์กรรม หากเราไม่รู้จักพระ ที่ท่านแนะนำให้ ที่เค้าว่าเอาทุกข์ไปตัดทุกข์ เราก็ไม่สามารถคลี่คลาย เคราะห์กรรมที่เกิดขึ้นที่กาย อาศัยในกายกรรม มันก็เป็นอย่างนี้ เค้าจึงบอกว่า ให้ทำกายกรรม ให้เป็นกายบุญ เราเชื่อพระ เราก็ทำของเรา จึงปฏิเสธคนที่เค้า บอกให้ไปหาหมอ ..แล้วเราเชื่อว่า กรรมมีจริง บุญก็มีจริง เมื่อทำบุญ ปฏิบัติธรรมขึ้นมาที่เค้าว่า รอยที่ทำให้เกิดเป็นอโหสิกรรม
เราก็นำกายมันมาเรียนรู้ เกิดมาพบคำสอนพระพุทธเจ้า พบพระ ซ.ที่ชี้ทางให้เราเขื่อท่าน เราก็ค่อยทำตามที่ท่านแนะนำ ก็ทำไปเรื่อย แต่นั้นแหละ เวรกรรมมันมีเยอะ มันก็ต้องใช้เวลา ดีอย่างหนึ่ง ที่เค้ายังเมตตา ให้พอมีกำลังกาย ปฏิบัติธรรม สวดมนต์ กราบพระ เดินจงกรมได้
เจ็บป่วยพอฝืนเวทนาได้ เราก็ทำของเราไป ที่เค้าเรียกว่า ปัจจัตตัง ทำแล้วเราก็จะรู้จักคำว่ากรรมมีจริง ตามที่พระท่านบอก พอเราทำมาได้ ในจุดที่กายป่วย เราก็เอากายที่ป่วยมาประพฤติปฏิบัติธรรม ธาตุทั้งสี่ก็สงเคราะห์ให้เรารู้จักกรรม รู้จักสร้างบุญกุศล ที่เรียกว่า คัดเอ้าท์กรรมออกไป
เรื่องกายที่มีกรรม เวลามันเจ็บปวดมากๆ มันก็มีอารมณ์ห่วงกาย ก็เกือบจะถอดใจไปหาหมอ ..แต่นั่นแหละเพราะเห็นว่า บางที่รักษาก็ตาย ไม่รักษาก็ตาย หากมันจะตาย ถึงคราวตายจริง มันตายได้หนเดียว ก็ทนทำมันขึ้นมา ..ยิ่งรู้จักเรื่อวราวพระกัสสปะ ยิ่งเห็นความยิ่งใหญ่ในความขันติของท่าน เราจะมีขันติได้ธุบีขิงท่านมั้ยหนอ..เราก็ได้เรียนรู้จักในคำว่า ขันติบ้าง ที่ว่า พอมีอุปสรรค เราก็ล้มเลิก ความตั้งใจ ..ที่เค้าว่า จ้ตอ่อนหนอนไช หนอนอารมณ์มันชอนไชเอา มันก็เลยเสียโอกาส ที่จะเรียนรู้จักว่า กายบิดามารดา สอนจิตของเรา
เรื่องนี้ ก็เพียงเล่าให้ฟัง ในเรื่องราวของรอยทั้งสี่ รอยของพระ ..สะสางชำระ คัดเอ้าท์กรรมออกไปจากธาตุทั้งสี่ ..หากเราไม่ทำ ..มันก็ไม่รู้จักคำว่ากรรม ที่เรานั้นสร้างมาเอง ..เหมือนที่ว่า สิางต่างๆไหบมาแต่เหตุ พอเราทำมาถึงจุดนี้ มันก็เกิดอัศจรรย์ใจ ว่า รอยของท่านนี้ ช่วยให้หนีเวรกรรม ข่วยให้พ้นทุกข์ นั้นคนเราสามารถนำไปกระทำได้ อล้วเราก็รู้จักกรรม นั่นมีจริง
..ใครจะว่าอย่างไร ..มันก็เรื่องของเค้า เพราะเค้าไม่ได้มาปฏิบัติธรรมกับเราด้วย เหมือนว่า เรามาคนเดียว เราก็ไปของเราคนเดียว ชวนใครไปก็ไม่มีใครไปด้วยเพราะฉะนั้นเมื่อกรรมเค้ามาทวงที่กาย ก็นำกายนึ้มาสร้างบุญกุศล เราก็ทำเอง เพราะไปกายที่เราอาศัย เราเจ็บ คนอื่นเค้าก็ไม่เจ็บกับเราด้วย
นี่พอเริ่มค่อยคลี่คลาย ไปบ้างแล้ว เราถึงค่อยเล่าให้คนใกล้ชิดหัว พอเลาๆ พอสังเขป ..ในเรื่องราวของคำว่า มะโนทะศึษา ในธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยิ่งเรียนรู้ ก็ยิ่งซาบซึ้ง ในพระคุณของท่าน .. แล้วการเรียนรู้อย่างนี้ มันก็พูดคุยสอบถามกันได้ ในหมู่ที่ปฏิบัติธรรม พูดคุยกันได้ เฉพาะ ที่จำกัด เหมือนว่า มีครูอาจารย์ที่ทำได้แล้ว บอกกล่าวลูกศิษย์ ให้กระทำขึ้นมา จะยอกใครเค้าไม่เลย เพราะเค้าย่อมปฏิเสธที่จะรับฟัง มันก็เลย ต่างคนต่างมา ต่างคนต่างไป เหมือนที่เค้าว่า ทางใครทางมัน
โฆษณา