13 ต.ค. เวลา 20:05 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

รีวิว ธี่หยด 2 - สะสางแค้นกับผีชุดดำกับการอัพเกรดความเดือดเต็มระบบที่ได้ทั้งโหด มันส์ และฮา

เมื่อผู้กำกับ คุ้ย-ทวีวัฒน์ วันทา รู้ดีว่าจุดขายของ “ธี่หยด” ภาคแรกนั้นอยู่ที่ตรงไหน บวกกับในปัจจุบันโลกโซเชียลทำให้ผู้คนสามารถสื่อสารกันได้ง่ายดาย นั่นก็ทำให้ “ฟีตแบ็ค” ของผู้ชมสามารถส่งถึงผู้สร้างได้ง่ายเช่นกัน จึงไม่แปลกถ้าภาคต่อของธี่หยด จะเป็นการเอาจุดขายเหล่านั้นมาขยายให้จัดเต็มมากขึ้น รวมถึงปรับปรุงข้อด้อยในภาคแรกจน “ธี่หยด 2” มีความสมบูรณ์และเต็มอรรถรสมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ธี่หยด 2
ซึ่งจุดขายที่ว่าไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก “ยักษ์” (ณเดชน์ คูกิมิยะ) กับปืนลูกซองแฝดคู่ใจของเขา ที่ในภาคแรกผู้ชมต่างติดใจความห้าวหาญของเขากับการถือปืนคู่ใจลุยดงข้าวโพดสู้กับพี่ชุดดำแบบเดี่ยวๆ โดยไม่เกรงกลัวอำนาจของมัน แน่นอนในภาคนี้ตัวละครยักษ์ถูกอัพเกรดขึ้นมากลายเป็น “นักล่าผี” เต็มตัว พร้อมด้วยฝีปากจัดจ้านและกล้ามแน่นๆ ของเขา ที่ผู้กำกับคุ้ยไม่พลาดจะนำขึ้นจอแบบจงใจสุดๆ...
...ซึ่งเวทีหลักในภาคนี้ก็คือ ดงโขมด ที่เต็มไปด้วยผีและสิ่งเร้นลับแทบจะทุกย่างก้าว มันจึงเหมาะเหลือเกินที่เราจะได้เห็นว่ายักษ์พัฒนาขึ้นจากภาคแรกแค่ไหน (ระยะเวลาห่างกันประมาณ 3 ปี) แถมความเป็นสตาร์ของณเดชน์ยังฉายแสงมากกว่าเดิมกลบข้อครหาว่าเขาไม่เหมาะกับบทนี้จากภาคแรกจนเกลี้ยง
ธี่หยด 2
อีกคนที่กลายมาเป็นคู่หูของยักษ์แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวอย่าง “จ่าประพันธ์” (องอาจ เจียมเจริญพรกุล) หลายคนอาจจะตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับชะตากรรมของตัวละครนี้จากภาคที่แล้ว และเหตุผลที่ผู้กำกับคุ้ยใช้เพื่อนำตัวละครนี้กลับมา ก็เรียกเสียงฮา(ลั่นโรง)ได้ไม่น้อย กลายเป็นว่านี่เป็นการเดินหมากที่ถูกต้องอีกครั้ง เพราะในขณะที่ยักษ์เป็นตัวละครที่มีจุดขายด้านรูปร่าง หน้าตา เป็นความห้าวหาญและดุดันของเรื่อง ตัวละครจ่าประพันธ์ก็กลายเป็นส่วนเสริมด้านความฮา อีกทั้งยังเป็นผู้ช่วยและที่ปรึกษาให้ยักษ์โดยไม่ต้องทับทางกัน...
...ซึ่งก็ชวนให้นึกถึงคู่หูนายตำรวจจาก Bad Boys ได้ไม่น้อยเลย
ธี่หยด 2
ในขณะที่จุดด้อยจากภาคแรกเรื่องการกระจายบทให้ตัวละครอื่นๆ ในครอบครัวตัวยอ ก็ถูกปรับให้ดีขึ้นเช่นกัน เพราะพี่น้องฝั่งผู้ชายคนอื่นๆ ทั้ง “ยศ” (กาจบัณฑิต ใจดี) และ “ยอด” (พีระกฤตย์ พชรบุณยเกียรติ) ต่างก็มีบทบาทมากขึ้น ไม่ได้มานั่งเหงาหลับและกลับบ้านเหมือนเดิมอีกต่อไป รวมถึงผู้เป็นพ่ออย่าง “เฮียฮั่ง” (ปรเมศร์ น้อยอ่ำ) และ “บุญเย็น” (อริศรา วงษ์ชาลี) ผู้เป็นแม่ ก็มีบทบาทมากขึ้นจนน่าพอใจเหมือนกัน...
...ซึ่งก็นับว่าเป็นการแก้หมากได้ถูกจุดด้วย เพราะไอเดียหลักของธี่หยดทั้งสองภาค มันก็คือ การพูดถึงสายสัมพันธ์ของครอบครัว มันคงจะน่าน้อยใจถ้าตัวละครอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตัวหลักจะแทบไม่มีส่วนร่วมอะไรเลย
ธี่หยด 2
แน่นอนว่าตัวละครที่ตกเป็นเป้าหมายของผีชุดดำ (มานิตา ชอบชื่น) ถัดจาก “แย้ม” (รัตนวดี วงศ์ทอง) ที่โดนกระทำอย่างหนักหน่วงในภาคแรก ก็คือ พี่สาวคนโตอย่าง “หยาด” (เดนิส เจลีลชา คัปปุน) และน้องคนสุดท้องของบ้าน “ยี่” (ณัฐชา นีน่า เจสซิกา พาโดวัน) ซึ่งก็ไม่แปลกถ้าทั้งคู่จะมีบทบาทขึ้นจอมากกว่าคนอื่นๆ ด้านเดนิสสามารถทำได้ดีตามมาตรฐาน แต่ขอให้จับตามอง นีน่า หนูน้อยมหัศจรรย์ ที่เคยโชว์ฝีม้ายลายมือโดดเด่นกว่าใครใน “ตาคลี เจเนซิส” มาแล้ว และในธี่หยด 2 เธอก็มอบการแสดงที่น่าทึ่งเกินวัยอีกครั้ง
ธี่หยด 2
สิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมานอกจากฉากแอคชั่นสะใจและเสียงปืนจากลูกซองแฝดคู่ใจของยักษ์แล้ว เห็นทีจะเป็นด้านอารมณ์ขันที่เพิ่มเข้ามาจนอีกนิดเดียวจะเปลี่ยนแนวหนังอยู่แล้ว เซนส์ความตลกของผู้กำกับคุ้ยมีชั้นเชิงอยู่พอตัวเลย มันไม่ใช่ตลกพร่ำเพรื่อแบบหนังตลก หรือตลกปูชงตบแบบคาเฟ่ แต่มันเป็นตลกที่ออกจะตลกร้ายหน่อยๆ...
...เช่น ตัวละครที่อวดเก่งบอกว่าตัวเองเก่งอย่างนู้นอย่างนี้มักจะไปก่อนคนแรกเสมอ(แล้วก็ขยันเดินตัดกล้องเหลือเกิน) หรือคถาที่สั้นที่สุดของจ่าประพันธ์คือวิ่ง(ก่อนหน้านั้นก็ยิงมามุกนึงซึ่งฮาเหมือนกัน) แม้มันจะไม่ได้เป็นจังหวะที่แปลกใหม่อะไร แต่เมื่อมาอยู่ในช่วงหน้าสิ่งหน้าขวานมันก็ให้ผลดีเกินคาด แบบนี้แถวบ้านเรียกว่า ตลกไม่รู้เวล่ำเวลาเลย “ขมับแม่ง!!!” เสียงจ่าประพันธ์
ธี่หยด 2
อันที่จริง ธี่หยด 2 มีความยาวเรื่องน้อยกว่าภาคแรกอยู่ประมาณ 10 นาทีด้วยกัน (ภาคแรกยาว 121 นาที) แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้น คือ ธี่หยด 2 ให้ความรู้สึกเต็มอิ่มมากกว่า อัดแน่น และเหนื่อยมากกว่าภาคแรก ถ้าพูดกันตามตรงเนื้อเรื่องมันก็แทบจะไม่มีอะไรเลย เป็นเพียงสองซีเควนซ์ใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน คือ เหตุการณ์ที่ดงโขมดและโรงแรมที่จัดพิธีแต่งงาน...
...ด้วยความที่ตัวหนังมันเข้าเรื่องเร็วบวกกับผู้กำกับคุ้ยทำตามปรัชญาเดิมจากภาคแรก คือการพาผู้ชมขึ้นไปนั่งบนรถไฟเหาะ เมื่อขึ้นแล้วจะลงไม่ได้จนกว่าจะถึงปลายทาง ฉากแต่ละฉากเลยถูกสร้างขึ้นเพื่อปล่อยความมันส์ ความระทึกมากกว่าจะเล่าเรื่องเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ต้องชื่นชมว่าแม้จะดัดแปลงเนื้อหาจากนิยายเล่มจบ “สิ้นเสียงครวญคลั่ง” ไปเยอะมาก แต่ก็ยังไม่ทิ้งใจความสำคัญและหาทางลงได้หมดจดสิ้นเสียงกร่นด่าตามสายลม
ธี่หยด 2
แต่ก็ใช่ว่า “ธี่หยด 2” จะไร้ที่ติเลยซะทีเดียว กลับกันตัวหนังมีแผลในเรื่องของงานสร้าง (จะเห็นได้ชัดมากหากดูในโรง IMAX) แม้ว่าตามข้อมูลธี่หยด 2 ขยับทุนสร้างจาก ภาคแรกที่ 20 ล้านบาท มาเป็น 100 ล้านบาท แต่ความรู้สึกของงานสร้างมันยังไม่ “อลัง” (Epic) ในความเป็นภาพยนตร์ หมายความว่าอะไร หมายความว่า หลายๆ ฉาก มันดู “เซ็ทง่ายๆ” จนขาดความน่าเชื่อถือ เช่น ฉากในดงโขมด มันควรจะเป็นฉากที่น่าขนหัวลุก หรือเห็นแล้วก็รู้สึกว่าความตายกำลังเข้ามาใกล้ได้ทันที
ธี่หยด 2
แต่สิ่งที่ได้ คือ ประตูซุ้มเก่าๆ ที่เดินเข้าไปแล้วเหมือนมีเลือดที่เพิ่งทาไว้ประมาณ 10 นาทีที่แล้วตามโขดหินแค่นั้น หรืออย่างช่วงโรงแรมตอนท้ายเรื่องหากเปลี่ยนฉากที่หยาดจมแทงค์น้ำสีแดง(ซึ่งแทบไม่มีผลอะไรต่อเรื่อง) เป็นการเพิ่มฉากการไล่ล่าที่มีลูกเล่นมากกว่าแค่วิ่งไล่จับกันก็น่าจะดีกว่านี้มาก แต่ส่วนที่ทำดีแล้ว เช่น การแต่งหน้า หรือ ช็อต CGI จำพวกอวัยวะฉีกขาดได้ถึงใจดีนักแล ก็ถือว่าอยู่ในส่วนที่น่าชื่นชม
ธี่หยด 2
หลายๆ “ช็อต” ก็ดูเหมือนจะถ่ายง่ายๆ เข้าใจได้ว่า บางอย่างมันถ่ายไม่ได้ก็ต้องใช้มุมกล้องเลี่ยง แต่ฉากที่ไม่ให้ผ่านเลย คือ ช็อตผีชุดดำล้วงคอปอบตาพวง(ยะสะกะ ไชยสร) มันเป็นช็อตที่ดูปลอมอย่างไม่น่าให้อภัย (คิดภาพว่าถ่ายด้านข้างแล้วเอามือล้วงอากาศอยู่ข้างหลัง) ตรงนี้เสียคะแนนเยอะมาก ยังไม่นับรวมเรื่องของฉากแอคชั่นที่ดู “เขินๆ” เป็นกำแพงที่หนังไทยยังข้ามยากอยู่ หากอยากเอาดีด้านแอคชั่นแล้ว อาจจะต้องให้ดารานำออกแอคชั่นที่ “หนักแน่น” จนเข้าเส้นมากกว่านี้
ธี่หยด 2
ระบบเสียง 12 channels ของโรง IMAX (ตัวหนังทำไว้รองรับโดยเฉพาะ) มีผลในการช่วยเพิ่มอรรถรสความดุเดือดของฉากแอคชั่นได้มาก แล้วยังช่วยกลบแผลเรื่องงานสร้างได้พอสมควร ยังคิดอยู่ว่าหากเป็นโรงธรรมดาอรรถรสตรงนี้จะหายไปมากน้อยเพียงใด แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่ธี่หยด 2 ทิ้งเอาไว้เป็นใบเบิกทาง ที่หลังจากนี้เราอาจจะได้เห็นภาพยนตร์จากจักรวาลนี้ออกมาอีกหลายเรื่อง กลายเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์กระแสหลักของบ้านเราที่ฉีกแนวทางหนังผีเดิมๆ แล้วเน้นที่ความบันเทิงสาแก่ใจผู้ชมก็ได้
ธี่หยด 2
โฆษณา