14 ต.ค. เวลา 00:29 • หนังสือ

สรุปเร็ว ๆ หนังสือ “สกิลขั้นเทพของนักบริหารเวลาที่รู้ใจสมอง”

หนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสืออีกเล่มที่เขียนโดยจิตแพทย์นักเขียนชื่อดังของญี่ปุ่น ชิอน คาบาซาวะ ที่มีผลงานเขียนหนังสือดังหลายเล่ม อย่าง “The Power of Output” หรือศิลปะของการปล่อยของ เล่มนี้ก็เป็นอีกเล่มที่อยากอ่านทันทีที่ซื้อมาเลยยยย
 
1. การทำงานในช่วงเวลาที่มีสมาธิจริง ๆจะทำให้เราทำงานได้เต็มที่และเกิดประโยชน์ที่สุด เปรียบเหมือนเราทำงานได้มากกว่าปกติ 2 เท่า
5
2. สมองมนุษย์เราทำงานได้ดีที่สุดในช่วง 2-3 ชั่วโมงแรกหลังจากตื่นนอน เพราะอยู่ในสภาพที่จัดระเบียบมาแล้วและยังไม่เหนื่อยล้า
3. เราควรทำงานที่ต้องใช้สมาธิในการทำสูง (deep work) ในช่วงเวลาที่เรามีสมาธิและสมองเราพร้อมที่สุด ส่วนงานที่ไม่ต้องใช้สมาธิสูง (shallow work) สามารถนำไปทำในเวลาอื่นได้
4. การเช็คอีเมล์ไม่ใช่งานที่ต้องใช้สมาธิสูง ไม่ควรทำเป็นอย่างแรกในช่วงเช้า เพราะจะทำให้เราเสียเวลาทองที่ควรจะเอาไปทำงานที่สำคัญ
1
5. นอกจากหลังจากตื่นนอนแล้วเวลาที่เราได้พักสั้น ๆ เวลาใกล้เลิกงาน หรือใกล้กำหนดส่งงานก็เป็นช่วงที่เรามีสมาธิสูงเช่นกัน
1
6. การตื่นเช้าแล้วอาบน้ำทันทีช่วยให้เราเปิดสวิตช์ร่างกายให้พร้อมกับการทำงาน
7. การที่เรารู้สึกว่าสมองไม่ค่อยตื่นตัวในเวลาเช้า นั่นเพราะประสาทระบบ “พาราซิมพาเทติก” ยังคงทำงานอยู่ ในช่วงเวลากลางวันนั้นร่างกายจะใช้ระบบ “ซิมพาเทติก” เป็นตัวนำ ดังนั้นเมื่อเราเพิ่มอุณหภูมิร่างกายและอัตราการเต้นของหัวใจ ร่างกายก็จะปรับจากระบบพาราซิมพาเทติกมาเป็นซิมพาเทติก
3
8. การออกกำลังกายและการเคี้ยวอาหารก็เป็นการกระตุ้นสมองให้ตื่นตัวเช่นกัน
9. แสงแดดช่วยกระตุ้นให้ฮอร์โมนเซโรโทนินทำงานและช่วยทำให้เรามีความสดชื่นมากขึ้น ผู้เขียนบอกว่าตัวเขานอนแบบไม่ปิดม่านทำให้ตื่นเช้าได้ด้วยแสงอาทิตย์ ไม่ต้องอาศัยนาฬิกาปลุก
10. สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงที่สุดที่จะทำในเวลาหลังตื่นนอนคือการดูโทรทัศน์ที่ทำให้สมองที่ถูกจัดระเบียบมายุ่งเหยิงอีกครั้ง (รายการข่าวเช้าทางโทรทัศน์ไม่ปลื้มแน่ 55)
11. การทำงานเป็นช่วง ๆ และหยุดพักสั้น หรือ Pomodoro technique นั้นช่วยให้สมาธิเรากลับมา ที่สำคัญคือเราจำเป็นต้องพักก่อนที่เราจะรู้สึกเหนื่อย หรือ อ่อนล้า ถึงจะได้ผล
12. คนเราสามารถจดจ่อกับอะไรได้ต่อเนื่องอย่างเต็มที่ประมาณแค่ 15-20 นาทีเท่านั้น
13. การพยายามจะเพิ่มสมาธิในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมนั้น ทำได้ยาก แม้แต่นักกีฬาอาชีพที่ฝึกฝนมาอย่างหนักก็ไม่สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์ (ฟุตบอลที่เสียประตูช่วงทดเวลาบาดเจ็บทั้ง ๆ ที่รับมาได้ดีทั้งเกม)
14. การนอนหลับคือการรีเซตสมาธิให้กลับมาได้ที่ดีที่สุด
15. การออกกำลังกายก็เช่นเดียวกันโดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์สารที่ช่วยหล่อเลี้ยงสมองอย่าง BDNF และยังช่วยกระตุ้นการหลั่งสารโดพามีนซึ่งทำให้เรามีความมุ่งมั่นตั้งใจเพิ่มมากขึ้น
1
16. เราควรจะหาทางเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในเวลาทำงานให้ดีขึ้นมากกว่าจะเพิ่มเวลาของการทำงาน แล้วเอาเวลาที่เหลือนั้นไปพัฒนาตนเองไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ หรือเรียนรู้ทักษะความรู้ใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้เราเป็นคนมีประสิทธิภาพมากยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก
17. การเดินไปรับประทานอาหารเที่ยง หรือเปลี่ยนร้านไปเรื่อย ๆ ก็ช่วยรีเซตสมาธิเราให้กลับมาในช่วงบ่ายได้
18. แต่ที่ดีที่สุดคือ การงีบหลับในช่วงเที่ยง การงีบ 26 นาที ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ถึง 34%
1
19. เวลาช่วงบ่ายสองหรือสี่โมงเย็นเป็นช่วงที่ความตื่นตัวเราลดลงต่ำสุด ทำให้ง่วงได้ง่าย
20. แค่เราเขียนออกมาก ก็กำจัดความฟุ้งซ่านได้แล้ว การเขียน To-Do-List ออกมาช่วยให้เราคลายความฟุ้งซ่านจากความกังวลใจเกี่ยวกับกำหนดหรือแผนงาน
21. ให้เรากำหนด deadline ของงานทุกอย่างออกมา ถึงแม้ไม่มีใครกำหนดไว้ เพราะมันจะช่วยให้เราเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้โดยเฉพาะเวลาใกล้ส่งงาน (มีพลังพิเศษ) นี่คือเหตุผลที่เราเคยทำการบ้านในช่วงปิดเทอมเสร็จได้ภายในวันเดียว
22. เราสามารถใช้เทคนิคการกำหนดแผนการถัดไปรอไว้เลย เช่นจะต้องทำงานนี้ให้เสร็จวันนี้เพราะพรุ่งนี้จะได้ไปเที่ยวซึ่งเราจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าไว้เลย
23. เราสามารถสร้างเวลาทองรอบที่ 2 นอกจากช่วงเช้าในช่วงเย็นได้อีกรอบด้วยการออกกำลังกายที่จะทำให้เรากลับมาสดชื่นและกลับมาทำงานได้อย่างดีอีกรอบ แต่ระวังอย่าออกหนักมาเกินไปเพราะจะยิ่งทำให้เหนื่อยล้า และควรออกกำลังกายให้เสร็จก่อนเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมงขึ้นไป
1
24. การตื่นนอนและเข้านอนในเวลาเดียวกันซ้ำ ๆ ช่วยให้สร้างจังหวะชีวิตขึ้นมา ร่างกายจดจำจังหวะได้และทำให้สมองทำงานได้ดียิ่งขึ้น
1
25. ใช้ชีวิตแบบผ่อนจังหวะช้าบ้างเร็วบ้าง ทำให้เราไม่เหนื่อยล้าสะสมมากเกินไป เมื่อเราเผชิญความเครียดในเวลากลางวัน เราควรใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลายในช่วงกลางคืน
26. เน้นการเพิ่มคุณภาพของงานมากกว่าปริมาณ
 
สุดท้ายถ้าเราสามารถสร้างสมดุลระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิตได้ เราจะ”สนุก“กับชีวิตของเรา
ใครอ่านจบครบทั้ง 26 ข้อบ้าง 😜
โฆษณา