14 ต.ค. เวลา 02:56 • ความคิดเห็น
มันจะเกิดขึ้นในกึ่งกลางศาสนา เราเคยฟัง เรื่องราวของพระกฤษณะ ท่านเล่าว่า ที่ลงมาจุติ ในยุค ที่ไม่มีศาสนา มีแต่คนหฤโหด ที่อดอยาก ไม่รู้จักคุณธรรม ความเมตตากรุณา ความเห็นอกเห็นใจกัน เค้าก็เข่นฆ่ากัน เห็นน่ารัก น่าชัง ก็วิปริตทุบหัวเอามาย่างกิน พ่อแม่แก่เฒ่าก็ทุบหีวเอามาย่างกินกัน พระกฤษณะ ท่านบอกว่า คนมีแต่จะเข่นฆ่ากัน ทำลายกัน
มันเป็นเรื่องราวที่ฟังแล้วหดหู่ ฉันก็เลยมาช่วยให้เค้า เห็นออกเห็นใจกัน เกื้อกูลกัน ท่านก็ไปปรากฏกาย ที่นั้นที่นี่ ที่ที่เค้าขัดแย้ง ทะเลาะตีกัีน ให้เค้ามีสติใช้เหตุผล เห็นอกเห็นใจกัน
เรื่องราวของศาสนา นั้นเป็นเรื่องที่ช่วยให้คน อยู่ร่วมกัน มีความเห็นอกเห็นใจ เกื้อกูลกัน ช่วยลดละอารมณ์ทะเยอทะยาน ความอยากได้ อยากมี เบียดเบียน ทำร้ายกัน เพื่อจะเอาสิ่งนั้นสิ่งนี้ สิ่งที่ตนเองไม่ได้ออกแรงเหน็ดเหนื่อย เอามาครอบครองเป็นของตน มันมีเรื่องราวต่างๆ ที่มารเค้าส่งเสริม พ่อมดหมอผี เวทมนต์ เอามาทำร้ายกัน มีความรุนแรง ถูกต้องก็ตาย
แล้วในปัจจุบัน ..เรื่องราวของศาสนา ผู้คนก็ไม่ได้ สนใจที่ศึกษาในคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า การปฏิบัติขององค์พระสิทธัตถะ ..ที่พระอรหันต์สาวกของท่าน ต่างก็นำมากระทำ มาแก้ไขนิสัย ..ที่ยึดติดกับวิญญาณทั้งหก ..มีพระท่านเล่าเรื่ิงพระอานนท์ ..พระอานนท์ แม้ว่าจะใกล้บรรลุธรรม ทำกายให้นิ่งได้ แต่จิตนั้นยังไม่นิ่ง .เพราะยังมีราคะเจือปนอยู่ในธาตุทั้งสี่ในวิญญาณตา
พระพุทธเจ้าท่านก็เลย พาไปชั้นดาวดึงส์ ให้ท้าวสักกะ ท่านหานาวฟ้าที่สวยงาม ที่มีน้ำเลือดน้ำหนองกลิ่นกายหอม มาให้พระอานนท์ดู พระอานนท์เห็นแล้ว ก็อยากแต่งงานด้วย เมื่อพระพุทธเจ้าบอกให้ตั้งสติ ดูใหม่ ..ดูรูปนั้นแปรเปลี่ยนเป็นคนแก่เฒ่าชรา พระอานนท์ท่านก็มีสติพิจารณา วิญญาณตาที่เห็น นั้นมันมีราคะ มีตัณหา เจือปนอยู่ ท่านก็เลยนั่งกายนิ่ง จิตก็นิ่งๆ สลัดละเรื่องของราคะ ที่เกาะติดในวิญญาณทั้งหกนั้นไปได้ .
ที่เขียนเรื่องราวศาสนา ที่มีผู้เล่าให้ฟัง ก็เพราะ กาลเวลามาถึงยุคกึ่งพุทธกาล จิตที่เกิดมาได่กายเป็นมนุษย์ เค้ามาจากแดนนรกกันมาก เพราะนรกก็เต็ม จิตที่เคยเป็นบริวารเทวทัตก็มาเกิด จิตที่เป็นคนเก่งสร้างแต่กรรม ตกนรกไป ก็ขึ้นมาเกิดเป็นมนต์ เมื่อมีกายเป็นมนุษย์ นิสัยสันดานเก่าก็ ติดตามด้วย คือ ไม่รู้จักคุณขิงคำว่าศาสนานั่น เค้าสอนเรื่องราวอะไรให้แก่จิต
บ้างก็เข้ามาในศาสนา มาทำตัวเป็นศาสดาก็มี ..บ้างก็เข้ามาในศาสนา แต่ไปท่องคาถาอาคม ไปทำสิ่งที่ไม่มีฤทธิ์ ทำให้เป็นฤทธิ์ขึ้นมา ด้วยเวทมนต์ มนต์ดำ ให้ไหลเข้าไปสู่กายสู่จิต ปกปิดไม่ให้สร้างบุญกุศลบารมี ตามรอยคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ..ที่ท่านชี้ทางให้ แต่ก็มีผู้ที่ชี้ทางไปทางตรงกันข้าม ..เหมือนเทวทัต ..ชี้ไปทางนรก
เมื่อมนุษย์ ไม่สนใจศาสนา ปฏิเสธเรื่องราวศาสนา จิตใจมันก็ตกต่ำไปเรื่อย เห็นผิดเป็นชอบ วิปริตของจิตก็เกิดขึ้น ในจิตวิญญาณของเค้า สติปัญญาของเค้าก็จะฟั่นเฟือนไป หลงใหลในสิ่ง ที่หวังจะบันดาลให้เป็น ให้สมหวัง ที่อสยากจะเป็นใหญ่ มีคนนับน่าถือตา มี่มียศฐานบรรดาศักดิ์ อยากจะยิ่งใหญ่ อยากเป็นเหมือนเจ้าพ่อเจ้าแม่ ที่คนเค้ากราบไหว้ แล้วไอ่ที่กราบไหว้ ไปก็ไม่รู้อีกว่า เป็นจิตเปรตอสุรกาย หรือว่า จิตที่ดีๆ จิตที่ดีๆนั้น เค้าไม่มายุ่งกับมนุษย์ที่สร้างแต่เวรกรรม
เมื่อจิตใจมันตกต่ำไปเรื่อย จิตไม่มีผู้ที่ ช่วยเหลือแนะนำ ให้ยกกายยกจิตให้สูงขึ้น ความวิปริตก็มากขึ้น สติของคนก็จะฟั่นเฟือน มุ่งมั่นหาเงินหาทอง หายศบรรดาศักดิ์ ..วัตถุต่างมายึดมาถือ เหมือนว่า จิตที่มาเกิดเป็นมนุษย์ย้อนยุค ..มาเกิดมีกายเป็นมนุษย์ปัจจุบัน ..มันก็เกิดตาลปัตรวิปริต ผิดปกตินิสัยสันดานมนุษย์
เมื่อจิตที่มาอาศัยกายมนุษย์ มันวิปริต ดินฟ้าอากาศก็วิปริต รุนแรงขึ้น ให้สมน้ำสมเนื้อกัน ..เหมือนว่า ถูกดินฟ้าอากาศทำโทษ ..ปรุงแต่งเรื่องนั้นเรื่องนี้ เรื่ิองสงคราม ภัยพิบัติโรคภัยต่างๆ ปล่อยมา เพื่อเก็บจิต ไปลงขุมนรก นรกพันขุม ..โดยที่ยีงไม่ต้องตัดสิน เรื่องราวความวิปริตขิงโลก ต่อไปเค้าก็ไม่รู้จักคพว่าพ่อแม่ ได้พูดคำว่าพ่อแม่ แล้วก็ต่างคนต่างไปทำมาหากิน แยกจากพ่อแม่ไป เหมือนสัตว์โลกทั้งหลาย ที่เกิดมามีแม่เลี้ยงดู บ้างก็ทั่งพ่อทั้งแม่ พอโตขึ้นก็จากกันไป เป็นปกติของสัตว์โลกที่พบเห็นได้ ด้วยสายตา
บ้างก็พ่อแม่ ทำไร่ไถนา ส่งให้เล่าเรียน เรียนไปแต่เด็ก จบเป็นด็อกเตอร์ ก็ทำงานการทำยุ่งไปหมด นานกลับไปบ้าน ไปเยี่ยมพ่แม่ ก็ทำตนยิ่งใหญ่กว่าพ่อแม่ ถูถูกดูแคลน ว่า ไม่รู้เรื่อง เหมือนคนโง่ นี่หรือ ที่ว่า ผู้ที่รู้ ..เป็นผู้เจริญ สุวิชาโน ภวํ โหติ มันก็เลยสงสัย ว่าเค้ารู้อะไรกันน่ะ แล้วสิ่งที่เค้าไม่รู้ นั้นคืออะไร ที่เค้าไปกระทำกับพ่อแม่ของตนเอง เขียนมาถึงตรงนี้ ที่รับชอบลุงตู่ ก็ตรงนี้ ที่มองดูจิตใจท่านสง่างาม . (อย่ามองเป็นเรื่องการเมือง เรามองที่ท่านใจดี มีคุณธรรม)
โฆษณา