14 ต.ค. เวลา 04:25 • สุขภาพ
เรื่องที่เรารับรู้ได้ ว่าสิ่งที่ลงไป เมื่อแสดง ออกมันไม่ดี มันเรื่องที่ดีน่ะ ที่เรามีสำนึกดีอยู่ในตัวตนของเรา เมื่อเรารู้ว่ามันไม่ดี เราก็แก้ไขได้ ในสิ่งที่เกิดขึ้นในตัวตน ในกายที่เราอาศัย ..
กายที่เป็นของพ่อแม่ให้จิตเรามาอาศัย อารมณ์ต่างๆ ที่เกิดมันเกิดที่กาย ปรุงแต่ง ไปด้วยอารมณ์ พอใจ ไม่ชอบใจ ..จิตเราก็เชื่ออารมณ์ ทำไปตามอารมณ์นั้น เพราะจิตเรายังไม่เข้มแข็ง ไม่รู้จักอารมณ์ที่เกิดขึ้น เราพูดคำว่าอารมณ์ นั่นอารมณ์นี้ได้ แต่เวลามันเกิดเหตุ ..เราก็เผลอใช้อารมณ์นั้น เพราะจิตเรานั้นมันเล็กอยู่ อารมณ์เค้าใหญ่กว่า อารมณ์ก็บังคับจิต จิตไปบังคับกาย นั่นก็ด้วยจิตเราเป็นจ้ตน้อยๆ อาศัยในกายที่พ่อแม่ให้มา
เราอยากรู้จักคำว่าจิต ดูมดแดงปลวก ดูช้างก็ได้ ก็มีจิตอาศัยอยู่ ไปดูมดแดง จิตนิดเดียว ชอบหวงรวงรัง ใครมาใกล้ก็ข่มขู่ นั้นก็เป็นจิตที่หวง ที่คับแคบ ..เหมือนว่า อยู่กับอารมณ์ มีสัญชาตญาณ ทำไปตามอารมณ์ ..เหมือนคนเรา พออารมณ์มันเกิด ..มันก็แสดงไปเหมือนมด ปลวก เหมือนช้าง ผิดกันตรงที่คนนั่นมันพูดตามอารมณ์ที่เกิดนั้นได้
นั่นเป็นเรื่องของจิตน้อยๆ ไปอยู่ในตัวช้างก็เป็นจิตน้อยๆ เหมือนมด คราวนี้เรามาเกิดในกายมนุษย์ ..เราก็ใช้กายนี้ ขยับขยายจืตเราให่โตขึ้น ..เราจะไปทำกิริยาไม่ดี เหมือนมดเหมือนช้างทำไม ส่งเสียงไปตามอารมณ์อย่างนั้นอย่างนี้ทำไม . เราก็เอากายพ่อแม่ มาฝึกหัด ..นั่งพับเพียบ เอากายพ่อแม่มานั่งหน้าพระ ..ระลึกจิตเราอาศัยอยู่ในเรื่อนกายพ่อแม่ พูดให้หูดเราได้ยิน เวลาทำเรื่ิองราวดีๆ เพราจิตอยู่ในกาย ..มันหลับไหบ ต้องใช้วิญญาณหู ส่งเสียงของเราเข้า
อย่าไปคืดในใจ เพราะนั่นมันเป็นอารมณ์ คราวนี้ เราก็กราบพระ มองดูตัวเราที่กราบ สวดมนต์ เราก็ฟังเสียงที่เราใช้วาจา พูดในคำที่เค้าเรียกว่า ปิยวาจา พูดที่ไม่ไปเบียดเบียนทำร้ายใคร ในคำสวด ..มีคำที่สูงๆ เราก็เลือกเอา .แต่อย่าไปเลือกเอาคาถาอะไรมา ..เพราะนั่นจะทำให้ยิ่งแย่ไปกว่าเดิม
เพื่อจะขยับขยายจิตออกไป ที่มันยึดอารมณ์อยู่ อารมณ์ต่างๆ ทีพาไปยึด ยึดเข้ามาทับถมจิตให้คับแคบ เราแบ่งปันสิ่งของเล็กน้อยๆออกไป ทำให้เป็นทาน ทำด้วยความเต็มใจ อย่าไปหวังว่าใครจะมาสรรเสริญเยินยอ หรือ อย่าไปทำเอาหน้า ทำของเราเงียบๆ แล้วก็ทำบุญ ..ทำหน้าพระก็ได้วันละบาทสองบาท
..วางหน้าพระ ทุกวัน พอมากเข้า เราก็ก็ขอจากหน้าพระ ไปให้ทานบ้าง ไปทำบุญบ้าง ที่ว่าให้ทำบุญทำทาน ก็เพื่อให้จิตของเราขยับขยายโตขึ้นมา กายก็มีบุญหล่อเลี้ยง เมื่อเราทำได้ ..ไอ้อารมณ์ อิจฉา ตาร้อน ขอบโกหก ..ตัวอารมณ์ที่ไม่ดี มันก็จะค่อยๆ หบุดลอกออกไปจากายเรา เมื่อที่กายมีบุญ นิสัยของคนดีเข้ามา ..ตัวร้ายมันก็ต้องถอยออกไป
เรื่องการสวดมนต์ กราบพระ คนเค้ามองข้ามกันไป .ไม่มีเวลา เราก็ควรแบ่งเวลามาฝึดหัดตัวเราเอง เอากายพ่อแม่ไปนั่งหน้าพระ สงบเสงี่ยม ไม่ได้เิาไปสร้างเวรกรรมที่ไหน เราก็ได้แล้วว่า เวลานั้นเรายุติอารมณ์กรรมไปได่ ยุติเป็นเวลา ชั่ววันนี้ หายใจออกพุท ..ตามพระพุทธเจ้าที่จากไปไม่กลับมา หายใจเข้าโธ เอาธรรมที่ท่านฝากไว้กับดินฟ้าอากาศ เอาเข้ามาในกาย วันแรกทำไปหนึ่งครั้ง วันที่สองก็หายใจเข้าออก มีสติกับลมสองครั้ง วันที่สาม สามครั้ง เราทำไปเรื่อยๆ สติของเราก็ดีขึ้น ดีที่จะสลัด อารมณ์ที่ไม่ดีทิ้งไป
โฆษณา