14 ต.ค. เวลา 05:26 • ข่าวรอบโลก

EP41 America v China: Who Will Control Overlapping Maritime Areas in the Gulf of Thailand

พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชาในอ่าวไทยเป็นประเด็นที่มีความขัดแย้งมายาวนาน โดยมีจุดเริ่มต้นจากสนธิสัญญา Franco-Siamese ปี 1907 กำหนดเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส แต่ไม่ได้ระบุเขตแดนทางทะเลอย่างชัดเจน จากนั้นต่อมาในปี 1957 รัฐบาลกัมพูชาภายใต้การนำของเจ้านโรดม สีหนุ ประกาศเขตทะเลอาณาเขตโดยใช้เส้นฐานตรง (straight baseline) และในปี 1973 ไทยประกาศเขตไหล่ทวีปของตนโดยใช้หลักเส้นมัธยะ (median line) ในการกำหนดเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน
การประกาศเขตไหล่ทวีปของทั้งสองประเทศในทศวรรษ 1970 ซึ่งทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร ความขัดแย้งนี้ทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อมีการค้นพบแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในบริเวณดังกล่าว ทำให้ทั้งสองประเทศต่างอ้างสิทธิ์เหนือทรัพยากรเหล่านี้
มูลค่าทรัพยากรในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา
จากการประเมินของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงานของไทย และ Chevron Corporation กล่าวว่าพื้นที่ทับซ้อนนี้มีทรัพยากรที่มีมูลค่าสูง ดังนี้
  • 1.
    น้ำมันดิบ: ประมาณ 500 ล้านบาร์เรล
  • 2.
    ก๊าซธรรมชาติ: ประมาณ 10 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
  • 3.
    แร่ธาตุอื่นๆ: มูลค่าประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ระยะเวลาการใช้ประโยชน์โดยประมาณ:
  • น้ำมันดิบ: 20-30 ปี
  • ก๊าซธรรมชาติ: 30-40 ปี
รวมมูลค่าทรัพยากรทั้งหมดอาจสูงถึง 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลกและเทคโนโลยีการขุดเจาะ
มุมมองของจีนต่อพื้นที่ทะเลอ่าวไทย
จีนมองว่าอ่าวไทยเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" (Belt and Road Initiative) โดยมีเป้าหมายดังนี้
  • 1.
    การขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจ: ผ่านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและการให้เงินกู้
  • 2.
    การเข้าถึงทรัพยากร: โดยเฉพาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพื่อความมั่นคงทางพลังงาน
  • 3.
    การควบคุมเส้นทางการค้าทางทะเล: เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางการค้าและความมั่นค
จีนใช้นโยบาย "การทูตกับดักหนี้" (Debt-trap diplomacy) เพื่อสร้างอิทธิพลในภูมิภาค โดยให้เงินกู้แก่ประเทศในอาเซียนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งอาจนำไปสู่การยึดครองทรัพย์สินหากไม่สามารถชำระหนี้ได้
มุมมองของอเมริกาต่อพื้นที่ทะเลอ่าวไทย
สหรัฐอเมริกามองอ่าวไทยเป็นส่วนสำคัญในยุทธศาสตร์ "การปักหมุดเอเชีย" (Pivot to Asia) โดยมีเป้าหมาย:
  • 1.
    การถ่วงดุลอำนาจจีน: ผ่านการสร้างพันธมิตรทางการทหารและเศรษฐกิจ
  • 2.
    การรักษาเสรีภาพในการเดินเรือ: เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าของตนและพันธมิตร
  • 3.
    การส่งเสริมประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน: เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความชอบธรรมในการแทรกแซง
สหรัฐฯ ใช้นโยบาย "การมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์" (Constructive engagement) โดยเน้นการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การฝึกซ้อมทางทหารร่วม และการให้ความช่วยเหลือด้านความมั่นคง
แนวทางการใช้ประโยชน์ในทรัพยากรน้ำมันร่วมกัน
การความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรร่วมกัน คือ กรณีของมาเลเซียและไทยในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (Joint Development Area: JDA)
  • ก่อตั้งขึ้นในปี 1979 เพื่อแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนทางทะเล
  • พื้นที่ประมาณ 7,250 ตารางกิโลเมตร
  • ทั้งสองประเทศแบ่งผลประโยชน์จากทรัพยากรในสัดส่วน 50:50
  • มีการจัดตั้งองค์กรร่วมเพื่อบริหารจัดการพื้นที่
  • ประสบความสำเร็จในการผลิตก๊าซธรรมชาติและสร้างรายได้ให้ทั้งสองประเทศ
กรณีนี้แสดงให้เห็นว่าการร่วมมือกันสามารถนำไปสู่ผลประโยชน์ร่วมกันได้ แม้จะมีข้อพิพาทเรื่องเขตแดน
บทความอ้างอิง
  • Amer, R., & Schofield, C. (2011). The Sino-Vietnamese approach to managing boundary disputes. Maritime briefing, 3(5), 1-104.
  • Schofield, C. (2007). Unlocking the seabed resources of the Gulf of Thailand. Contemporary Southeast Asia, 29(2), 286-308.
  • Stormont, W. G. (1995). Thailand and the joint development of the Gulf of Thailand. International Journal of Marine and Coastal Law, 10(4), 560-582.
  • Udomsak, K., & Schofield, C. (2012). From conflict to cooperation? Towards joint management of the Gulf of Thailand. Ocean Yearbook Online, 26(1), 26-62.
โฆษณา