14 ต.ค. เวลา 06:14 • ความคิดเห็น
คนกลุ่มนี้ส่วนนึงเป็นพวกสติอยู่กับตัวตลอดเวลา ส่วนอีกพวกก็เป็นพวกคิดตลอดเวลา
หรือบางคนก็สามารถคิดเพ้อฝันในขณะที่มีสติได้ด้วย ประมาณว่ามีสติเป็นธรรมชาติแต่ฝึกที่จะคิดมามาก
...
ทำความเข้าใจก่อนอ่านต่อ กระบวนการความคิดของมนุษย์ตอนนี้ถูกจำแนกเป็นสองแบบ คือความคิดเชิงจินตนาการกับความคิดเชิงตรรกะเหตุผล ความคิดเชิงตรรกะเหตุผลก็จะใกล้เคียงกับสติ หมายถึงการรับรู้ตามสภาพความเป็นจริง ส่วนจินตนาการในที่นี้เราจะเรียกมันว่าความคิดเฉย ๆ ... เข้าใจตรงกันก่อนนะ
...
1
กลุ่มคนที่มีสติแล้วเป็นพวกเก็บตัวเขาก็อาจไม่ชอบที่ต้องไปเจอคนข้างนอกแล้วก็ถูกอารมณ์ต่าง ๆ ของคนอื่นเข้ามาปะทะ เพราะสิ่งนี้มันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาเหนื่อย
ส่วนกลุ่มที่อยู่กับความคิดพวกนี้ก็แค่ไม่อยากให้ใครมาก่อกวนความคิดเขา คนพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นพวกมีสติเป็นธรรมชาติแล้วก็เป็นคนที่คิดได้เก่ง เหมือนพวกทำบุญมาดีแต่ความจริงมันคือกรรมพันธุ์
คนพวกนี้สังเกตุได้ง่ายคือเป็นพวกเข้าสังคมได้ อยู่คนเดียวก็สบายทำงานได้ พวกเขาส่วนใหญ่แทบจะไม่เคยมาเรียนรู้เลยว่าอะไรคือความคิดอะไรคือสติ แต่พวกเขาก็ใช้มันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เสริมนิดหน่อย **การประยุตใช้จินตนาการกับสติหรือการเอาจินตนาการมาเสริมตรรกะความเป็นจริงก็เป็นสิ่งที่มนุษย์ทำได้ดี พระพุทธเจ้าเตือนว่าสิ่งนี้มีส่วนที่เป็นอันตราย (ซึ่งมันก็อันตรายจริงค่ะ ดูจากอาวุธทุกวันนี้แล้วก็สภาพสังคม)
มนุษย์เราเรียนรู้นานแล้วว่าความคิดสามารถกลายเป็นความจริงได้ เพราะฉะนั้นเวลาที่เราทำอะไรก็ควรมีสติรับรู้ให้ได้ว่า แท้จริงแล้วเราทำอะไรอยู่ ...
โฆษณา