14 ต.ค. เวลา 08:07 • ประวัติศาสตร์

มนุษย์เริ่มรู้จักใช้ “เงิน” ตั้งแต่เมื่อไร?

“เงิน” สิ่งสำคัญสำหรับชีวิตมนุษย์ เปรียบเสมือน “พระเจ้า” ที่ทำให้เรายังดำรงชีวิตอยู่ได้
เคยมีคนพูดว่า “เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้”
นั่นก็ถูกครับ เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้ แต่เงินซื้อได้ “เกือบ” ทุกอย่าง
1
99% นั้นเงินซื้อได้ ที่บอกว่าเงินซื้อไม่ได้นั้น มีเพียงแค่ 1% เท่านั้น หรืออาจจะไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ
แม้แต่คนที่พูดเองว่าเงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง แต่หากให้เสียเงิน ก็คงไม่ยอมเป็นแน่
ดังนั้นบทความนี้ เราจะมาลองดูถึงประวัติความเป็นมาอย่างคร่าวๆ ของเงินกันครับ
สำหรับประวัติศาสตร์ของมนุษย์นั้น เราอาจจะสามารถย้อนกลับไปได้กว่า 300,000 ปี หากแต่ประวัติศาสตร์ของ “เงิน” นั้น เพิ่งจะตามมาในช่วงที่มนุษย์มีวิวัฒนาการ ในช่วงเวลาที่มนุษย์จำเป็นต้องพึ่งพาเงินในการดำรงชีวิต
แล้วมนุษย์เริ่มใช้เงินตั้งแต่ตอนไหน?
ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเราจะนิยามคำว่า “เงิน” ยังไง
เราจะพูดถึงระบบการแลกเปลี่ยนสินค้า? หรือเรากำลังพูดถึง “ตัวกลาง” ซึ่งก็คือ “เงินตรา” ในการค้า?
ในชุมชนเกษตรกรรมในยุคแรกๆ การแลกเปลี่ยนสินค้านั้นมักจะเป็นการแลกเปลี่ยนสิ่งของหรือจ่ายหนี้
แต่บทความนี้เราจะพูดถึงเรื่ิองประวัติศาสตร์เงินตราไปจนถึงการกำเนิดเหรียญตรา
ระบบเงินตราที่ใช้ระบบเงินสินเชื่อ การกู้ยืมเงิน และระบบบัญชีนั้น มีมาก่อนที่เหรียญตราจะถือกำเนิด
1
แต่ก่อนอื่น เรามาเข้าใจกันก่อนว่าทำไมโลกยุคโบราณจึงต้องใช้เงิน
ในช่วงเวลาที่มนุษย์เปลี่ยนผ่านจากสังคมคนเก็บของป่าล่าสัตว์ ไปสู่สังคมเกษตรกรรม มนุษย์ก็มีอาหารให้ทานเหลือเฟือ
มนุษย์เริ่มเลี้ยงสัตว์ ทำให้อาหารมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งก็นำไปสู่วิวัฒนาการในเรื่องอื่นๆ
เมื่อไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้อง มนุษย์จึงเริ่มไปโฟกัสที่การปั้นเครื่องใช้ต่างๆ และของใช้ในครัวเรือน มีการค้นพบและสกัดโลหะต่างๆ เริ่มมีการทำเหมืองแร่
1
สังคมเกษตรกรรมนำไปสู่สังคมเมือง เสบียงต่างๆ เช่น ข้าว นม และเนื้อสัตว์ ก็ถูกเก็บรักษาไว้ในยุ้งฉางหรือคลังในวิหาร โดยชาวนาจะได้รับใบเสร็จในรูปแบบของเหรียญต่างๆ แทนจำนวนเสบียงที่ตนมี โดยเหรียญเหล่านี้จะทำให้ชาวนาชาวไร่สามารถมาหยิบเอาของต่างๆ ไปจากวิหารได้
1
และหลังจากนั้น ระบบการเงินจึงถือกำเนิดขึ้น
แต่ก็มีคำถามตามมาว่าทำไมจึงต้องเป็นเงิน? ทำไมจึงไม่ให้สินค้าแก่ชาวนาชาวไร่โดยวัดจากน้ำหนักของสินค้าหรือสิ่งของ?
คำตอบก็คือ “ความทนทาน”
1
โลหะและเบี้ยต่างๆ นั้นมีความทนทาน ไม่แตกหักง่าย และในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคที่มีการใช้เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทำมาจากหิน ทองแดง และสัมฤทธิ์ ก็กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนต้องการ
ชาวอียิปต์ใช้ทองคำแทนเงินมาตั้งแต่สมัย 3000 ปีก่อนคริสตกาล แต่ต้องบอกก่อนว่าคำว่า “ทองคำ” ในสมัยนั้นไม่ใช่ทองคำบริสุทธิ์ โดยทองคำที่ค้นพบในระหว่าง 5000-2000 ปีก่อนคริสตกาลก็คือ “อิเล็คตรัม (Electrum)” หรือโลหะผสมที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของทองคำและเงินโดยมีทองแดงและโลหะอื่นๆ ในปริมาณเล็กน้อย
1
สกุลเงินในสมัยอียิปต์โบราณคือ “เดเบน (Deben)” โดยหนึ่งเดเบนจะเท่ากับทองคำ 91 กรัม หากแต่ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าเดเบนนั้น แท้จริงแล้วคือระบบการชั่งตวงวัด หรือว่าคือเงินในยุคก่อนกันแน่
1
แต่หากพิจารณาว่าระบบการเก็บรักษาเสบียงในสมัยอียิปต์โบราณนั้นซับซ้อนและเป็นระบบ อีกทั้งอียิปต์โบราณยังเป็นอารยธรรมโบราณเพียงไม่กี่แห่งที่มีการจ่ายค่าตอบแทนแก่คนงาน ดังนั้นหากจะสรุปว่าอียิปต์โบราณไม่มีระบบเงินตรา ก็อาจจะไม่สามารถฟันธงได้ทันที
อิเล็คตรัม (Electrum)
อารยธรรมเมโสโปเตเมียก็มีสกุลเงินเชเคล ซึ่งเป็นระบบเงินตราแบบเหรียญกษาปณ์ที่ปรากฎในประวัติศาสตร์ในช่วงปลายยุค 3000 ปีก่อนคริสตกาล โดยเงินเชเคลแรกเริ่มนั้น คือเหรียญดินเหนียวที่ใช้จ่ายให้ชาวนาชาวไร่ แลกกับพืชผลหรือสินค้าต่างๆ
สินค้าหลักของเมโสโปเตเมียคือข้าวบาร์เลย์ โดยเงินเชเคลนั้นจะอิงตามน้ำหนักของข้าวบาร์เลย์ และมีการบันทึกบัญชีต่างๆ ไว้บนแผ่นดินเหนียว
เราอาจจะนับการใช้เงินเชเคลในสมัยเมโสโปเตเมียโบราณเป็นหลักฐานแรกของระบบเงินตราครั้งแรกในประวัติศาสตร์ก็อาจจะได้
วิหารต่างๆ ในเมโสโปเตเมีย ซึ่งเป็นผู้ควบคุมการค้าในราชอาณาจักร ก็ได้เริ่มใช้ทองแดงในการซื้อขายสินค้า ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้แร่เงิน โดยอัตราแลกเปลี่ยนนั้นจะอิงจากน้ำหนักของข้าวบาร์เลย์ และแร่เงินก็กลายเป็นสกุลเงินมาตรฐาน
1
สำหรับเหรียญตรานั้น ปรากฎครั้งแรกในยุค 600 ปีก่อนคริสตกาลในช่วงยุคเหล็ก โดยมีปรากฎในแถบอานาโตเลีย จีน และอินเดีย
และเรายังสามารถย้อนประวัติความเป็นมาของระบบเหรียญกษาปณ์ในปัจจุบันไปยังสมัยอาณาจักรลิเดีย ซึ่งก็คือดินแดนตุรกีในปัจจุบัน โดยเหรียญในสมัยนั้นทำมาจากสัมฤทธิ์ เงิน และทองคำ และมีการปั๊มตราสัญลักษณ์บนเหรียญทั้งสองด้าน
เหรียญแรกของอาณาจักรลิเดียที่พิมพ์รูปสิงโตคำรามนั้นกำเนิดขึ้นราว 600 ปีก่อนคริสตกาล โดยนักประวัติศาสตร์เชื่อว่ามีการจ่ายค่าตอบแทนนักรบลิเดียด้วยเหรียญตรา
1
และเมื่อระบบเหรียญกษาปณ์แพร่หลายออกไป ก็ส่งผลต่อความยิ่งใหญ่ของกองทัพแต่ละดินแดนด้วย
กรุงเอเธนส์สามารถสร้างกองทัพเรือที่ยิ่งใหญ่ได้ก็เพราะการค้นพบแหล่งแร่เงินในกรีซ ทำให้มีทุนในการสนับสนุนกองทัพเรือ
เหรียญตรานั้นดำเนินต่อมาเรื่อยๆ ในโลกโบราณจนมาถึงยุคกลาง จนกระทั่งการมาถึงของ “ธนบัตร” ซึ่งเข้ามาดิสรัประบบการเงินในยุคนั้น
ราชวงศ์ซ่งเป็นผู้ประดิษฐ์ธนบัตรแรก หากแต่เป็นจักรวรรดิมองโกลที่ช่วยให้ธนบัตรกระจายออกไปตั้งแต่ไซบีเรียทางตะวันออก ไปจนถึงโปแลนด์ในตะวันตก
แต่ถึงอย่างนั้น ดินแดนหลายแห่งโดยเฉพาะดินแดนอิสลามก็ยังคงต้านการใช้ธนบัตร ทำให้เหรียญยังคงเป็นระบบเงินหลักในยุคกลาง และกว่าธนบัตรจะเป็นที่ยอมรับจริงๆ ก็เมื่อระบบการเงินการธนาคารที่ทันสมัยแพร่ไปทั่วโลก
เรียกได้ว่าประวัติศาสตร์เงินตรานั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวของนวัตกรรมไปจนถึงสงคราม
ในปัจจุบัน ในโลกที่เป็นยุคดิจิตอล ระบบการเงินก็เปลี่ยนจากเมื่อ 2500 ปีก่อนอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้นหากจะถามว่าวิวัฒนาการของเงินตราจะเป็นอย่างไรอีกบ้าง? หรือในอนาคตเงินเหรียญและธนบัตรจะหายไปอย่างสิ้นเชิงหรือไม่?
มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะตอบได้
โฆษณา